ความคืบหน้าคดีที่ชายชาวมาเลเซียที่ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยว 2 นาย อุ้มขึ้นรถ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับเพื่อนอีก 1 คน ต่อหน้าภรรยา ขณะที่กำลังนั่งสูบบารากุอยู่หน้าบ้านในพื้นที่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ก่อนจะวิ่งหนีลงจากรถมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้ แล้วเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา
ล่าสุดวันนี้ (25/11/2565) ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สะเดา ได้ควบคุมตัว นายอับดุล การ์นี บินอับดุลมานา อายุ 29 ปี นักธุรกิจชาวมาเลเซีย ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา หลังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ข้อหาช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา
หลังจากนายอับดุลได้ติดต่อนายพงศธร สุวรรณรักษา ทนายความ ว่าจะเดินทางมาจากประเทศมาเลเซียมายังไทยเพื่อมอบตัวต่อสู้คดีตามหมายจับ ทั้งนี้หลังตำรวจควบคุมตัวนายอับดุล ที่ด่านพรมแดนสะเดาก็นำตัวมายัง สภ.สะเดา เพื่อบันทึกการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา
ด้านนายพงศธร สุวรรณรักษา ทนายความนักธุรกิจชาวมาเลเซียที่ติดต่อเข้ามอบตัวต่อตำรวจ สภ.สะเดา เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงวันนี้ได้นัดนักธุรกิจชาวมาเลเซีย มารับทราบข้อกล่าวหา หลังมีหมายจับความผิดตามพรบ.ศุลกากรฯ กรณีสูบบารากุและคดีหลบหนีการจับกุม ซึ่งหลังจากตกเป็นผู้เสียหายและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ให้ดำเนินคดีกับ ตำรวจ 2 นาย ที่บุกเข้าจับกุมโดยไม่แสดงตัว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขณะนี้เรื่องดังกล่าว พนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ได้แจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจทั้ง 2 นาย และส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. แล้ว ในคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งยืนยันว่าจะสู้คดีทั้งหมด และหลังรู้ว่าถูกออกหมายจับแล้ว ตนก็ติดต่อนักธุรกิจคนนี้ให้เดินทางมามอบตัว แล้วสู้คดี
สำหรับความผิดตาม พรบ.ศุลกากรฯ ถูกกล่าวหาว่าช่วยซ่อนเร้นว่า บารากุ ถูกนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย แต่ข้อเท็จจริงผู้เสียหายยืนยันว่าบารากุที่สูบในวันเกิดเหตุเป็นของเพื่อน และได้มาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งขณะนั้นไม่ได้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงหมายความว่า ไม่ได้นำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย และไม่ได้ช่วยซ่อนเร้น ส่วนข้อกล่าวหาหลบหนีการจับกุม ก็ต้องดูว่าการจับกุมครั้งนี้ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากเป็นการจับกุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย ก็จะไม่มีความผิดฐานหลบหนี เพราะว่าเริ่มต้นกระบวนการมิชอบ ซึ่งเห็นได้จากการแจ้งความร้องทุกข์ของผู้เสียหาย แล้วพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจแสดงว่าคดีมีมูล เรื่องนี้ถ้าพิจารณาก็แสดงว่าไม่มีความฐานหลบหนีการจับกุม ซึ่งทั้ง 2 ข้อกล่าว สู้คดีได้แน่นอน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กงศุลมาเลเซียก็ติดต่อมาเพื่อติดตามคดีดังกล่าวและดูการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งจะทำให้คดีให้ได้รับความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่ายแน่นอน
สงขลา | ทำลายของกลาง ชิ้นส่วนไก่น้ำหนักรวมกว่า 6,000 กิโลกรัม
15 มิถุนายน 2567 | 2,570หาดใหญ่ | ยังลักไก่! หลังตีเส้นห้ามจอดรอสัญญานไฟ
15 มิถุนายน 2567 | 4,323สงขลา | มอเตอร์ไซค์ชนหมาจรจัด หญิงวัย 17 ปี บาดเจ็บ 2 ราย
15 มิถุนายน 2567 | 3,415หาดใหญ่ | สลด! ผลส่องกล้องน้องฟลุ๊คพิตบูลล์ถูกทิ้ง
15 มิถุนายน 2567 | 4,192สะบ้าย้อย | เตือนภัย! มือดีดักซุ่มปาหินใส่กระจกรถแตกยับ
15 มิถุนายน 2567 | 3,698สงขลา | ผู้ว่าฯสงขลาร่วมลงนาม เจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
14 มิถุนายน 2567 | 3,357สงขลา | ชื่นชมทหารเรือ ช่วยเหลือรถยางระเบิดจอดข้างทาง
14 มิถุนายน 2567 | 4,251คลองหอยโข่ง | จับจริง! รถขยะ-รถบรรทุก
14 มิถุนายน 2567 | 4,720