หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

คิดถึง...ไอ้หัวครกของแม่เฒ่า
21 กันยายน 2560 | 7,744

เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสไปนั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มเคล้าเสียงเพลงเบา ๆ ที่ร้านหนึ่งใจกลางเมืองหาดใหญ่ ระแวกนี้รายล้อมไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย แน่นอนราคาของสินค้าและอาหารแถบนี้ย่อมสูงเป็นธรรมดา ระหว่างจิบน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์อย่างเพลิน ๆ เพื่อนคนหนึ่งที่คบหากันมาเกือบ 10 ปี ก็เอ่ยปากเรียกพนักงานในร้านพร้อมสั่ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 1 จาน เพื่อนำมาเคี้ยวมันส์ ๆ ระหว่างพูดคุย เมื่อเวลาล่วงเลย ทุกคนพร้อมเอ่ยปากบอกลา ก่อนลากลับบ้าน ฉันเองเป็นผู้รับผิดชอบตรวจเช็กดูรายการค่าเสียหายที่ทุกคนบนโต๊ะได้กระทำ สายตาตรวจทานตามประสาผู้หญิงที่ค่อนข้างละเอียด และไม่ชอบการถูกเอารัดเอาเปรียบ พูดง่าย ๆ ว่าตระหนี่นั่นเอง ทุกอย่างดูค่อนข้างจะเรียบร้อยและเป็นที่พอใจ เพราะทำใจมาระดับหนึ่งแล้วว่า หากมาที่นี่ต้องเผื่อใจและเงินไว้เยอะ ๆ จนมาถึงรายการสุดท้าย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ที่แทบจะนับเม็ดได้ ราคาก็เป็นที่น่าพอใจในระดับที่ทำใจไว้แล้ว แต่แว่บหนึ่งของสมองกลับย้อนไปในอดีต เม็ดมะม่วงหิมพานต์หรือหัวครกของฉันในวัยเด็ก หัวครกที่ฉันและเพื่อนหากินได้อย่างง่ายดายตามท้องทุ่ง ริมคลอง และสวนคุณยาย มาตอนนี้ราคาของมันสูงกว่าอาหารตามสั่ง 2 จาน เสียอีก  

 

ว่าด้วยเรื่องอาหารกลางวันของเด็ก ๆ  จำได้ว่าตอนปิดภาคเรียนในช่วงวัยประถม จะจับกลุ่มออกกันไปเล่นตามทุ่งนา หรือตามป่า ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ กลับถึงบ้านอีกทีก็มืดค่ำ จนผู้ใหญ่ที่บ้าน สงสัยกันว่า เด็กพวกนี้ เล่นซนกันจนไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องมาหาข้าวปลากิน ซึ่งจริง ๆ แล้วบอกเลยว่า เด็ก ๆ อย่างเราไม่มีคำว่าอด เพราะเรามีของดีประจำแก๊ง นั่นก็คือ ต้นมะม่วงหิมพานต์หรือต้นหัวครกนั่นเอง ในหนึ่งวันของเราจะหมดไปกับการเล่นซน ซึ่งในตอนนั้นมันเหมือนภารกิจสำคัญของแต่ละวันที่จะต้องทำให้สำเร็จ เช่น ขุดดิน หาปลา เล่นหาไส้เดือน และภารกิจสำคัญที่สุดในแต่ละวันของเราชาวบ้านทุ่ง ก็คือ การเก็บลูกหัวครกและเม็ดหัวครกเพื่อกินประทังหิว และทำภารกิจอื่นต่อไป

 

อาหารเที่ยงสุดสร้างสรรค์ของเราเกิดจากต้นมะม่วงหิมพานต์ เพื่อนผู้ชายจะมีหน้าที่ปีนไปเก็บ บางครั้งก็ใช้ไม้เกี่ยวผลมันลงมา ผู้หญิงมีหน้าที่แกะเอาส่วนเนื้อและเมล็ดออกจากกัน จากนั้นก็ก่อไฟเผา (หมก) สุกได้ที่ก็ใช้หินทุบจนเปลือกนอกแตก แต่เนื้อข้างในยังที่คงความสวยงาม และความกรอบ มัน (ซึ่งยากมากที่ทุบแล้วจะสวยงาม ส่วนใหญ่ก็แหลกทั้งเปลือกนอกทั้งเนื้อใน) กว่าจะได้กิน เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลย แต่ก็นั่นแหละ มันคือความสุขในวัยเด็ก ซึ่งตอนนี้คงกลับไปหามันไม่ได้แล้ว ได้แต่คิดถึงแล้วก็ยิ้มคนเดียว ตอนนี้ทำได้เพียงพิมพ์บอกเล่า แล้วย้อนคิดถึงอดีตไปเรื่อย ๆ ยิ้มทั้งน้ำตา ไม่รู้ว่าสุขใจหรือเสียใจ ที่เติบโตมาได้ขนาดนี้ ถ้าเลือกได้ก็คงอยากเป็นเด็กแล้วเล่นเรื่อยเปื่อยกับเพื่อน ๆ แก่นสารตอนนั้น ไม่เห็นทุกข์ใจแบบตอนนี้เลย  

 

ว่าด้วยเรื่องไอ้หัวครก จากแม่เฒ่า ตอนเด็ก ๆ เป็นเด็กผู้หญิงบ้านนอก ๆ ค่อนข้างซุกซน ปีนป่าย และไม่รับหรือเรียนรู้เรื่องการบ้านการเรือนเข้าสมองเอาเสียเลย เย็บปักถักร้อย อย่าหวังเลยว่าฉันจะทำได้ แต่ถ้าให้ตีลังกา เต้นแร้งเต้ากา ฉันสู้ตาย และด้วยความซุกซนนั่นเอง มักจะได้คำชม (จริง ๆ ไม่ได้ชมหรอก ) จากแม่เฒ่า (ยาย) อยู่เสมอว่า "อีท้าวนี้ ไซร้ที่มันร้ายพันนี้" "ไอ้หัวครกนี้" นั่นแหละคำชมดี ๆ จากแม่เฒ่า ตอนนั้นก็งงเหมือนกันว่า ทำไมถึงชมน่ารัก ๆ ว่า หัวครก ของอร่อย ๆ มันส์ ๆ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีแหละ คิดไว้แบบนั้น มารู้ตอนโตแล้วว่า คำชมว่าหัวครกนั่น เอาไว้เรียกเด็กที่ค่อนข้างซุกซน นอกลู่นอกทาง เหมือนเม็ดหัวครกที่โผล่ออกมาจากผลเทียม ซึ่งเป็นคำน่ารัก ๆ ที่จำมาจนตอนนี้ อยากกลับไปเป็นเด็กให้แม่เฒ่าเรียก ไอ้หัวครกอีกจัง อย่างน้อย ทำผิด หรือซุกซนแค่ไหน คำติ ของแม่เฒ่าก็แค่ "ไอ้หัวครก"   

 

ว่าด้วยที่มาของหัวครก (เอามาบอกไว้บ้างเพื่อหาสาระจากบทความนี้ หลังจากอ่านอดีตของเด็กร้าย ๆ จนเบื่อแล้ว) มะม่วงหิมพานต์หรือหัวครกนั้น เป็นไม้ยืนต้น กลุ่มเดียวกับมะม่วงและถั่วพิสตาชีโอ (ไฮโซโก้หรู)  เป็นพืชพื้นเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ปัจจุบันเติบโตแพร่หลายทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน นำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ประกอบด้วยโปรตีนย่อยง่าย ไขมันที่ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว (เมื่อบริโภคเข้าไปจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือด) คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ บี อี และเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก มะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภาคใต้ และมีชื่อเรียกตามสำเนียงภาษาถิ่นใต้แตกต่างกันไป เช่น กาหยู กาหยี เม็ดล่อ ยาร่วง หัวครก ยาโห้ย เป็นต้น  

ปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพราะเติบโตได้อย่างเหมาะสมในสภาพอากาศที่ชื้น และอบอุ่น ทั้งในเอเชีย และอเมริกาใต้ นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง ผลมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อฉ่ำ รสเปรี้ยว รับประทานได้ทั้งดิบและสุก ภาคใต้ของไทย นิยมนำผลห่ามแกงส้ม ออกรสเปรี้ยว ส่วนผลดิบ รับประทานกับเกลือเป็นของกินเล่น บางครั้งออกรสฝาดเล็กน้อย ส่วนผลสุกสามารถนำไปหมักเป็นไวน์ น้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ ผลมะม่วงหิมพานต์มีส่วนประกอบของแทนนินมาก และเน่าเสียเร็วมาก ด้วยเหตุนี้ โดยทั่วไปมักจะทิ้งผลเทียม หลังจากเก็บเมล็ดออก 

จริง ๆ ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่ออยากให้ตัวเองย้ำคิดเสมอว่า ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและย่อมก้าวไปข้างหน้า สิ่งใดที่เคยผ่าน ที่ใดที่เคยเป็น มันย่อมสูญสลายไปตามกาลเวลา และในทางกลับกันของที่ไร้ค่ากลับมีค่ามหาศาล แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่กับเราตลอดก็คือ ความทรงจำที่คิดถึงเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้ ส่วนฉันเองคิดถึงหัวครกทีไร ก็ยิ้มได้ทุกที (ถ้าไม่เห็นราคาของมันที่อยู่ในตอนนี้)

ภาพที่ใช้เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

ขอบคุณภาพ : pixabay.com
ข้อมูลที่มา : wikipedia
เรื่องราว : หาดใหญ่โฟกัส

เรื่องที่เกี่ยวข้อง