หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

เปิดประวัติชุมชนชายแดน บ้านควนไม้ดำ สู่บ้านไทย-จังโหลน
31 สิงหาคม 2568 | 2,703

ประวัติความเป็นมาของบ้านไทย-จังโหลนไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่จากคําบอกเล่าของคนกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานกล่าวว่า แต่เดิมชื่อของพื้นที่บริเวณนี้มิได้ชื่อไทยจังโหลน แต่ชื่อ “บ้านควนไม้ดํา” ซึ่งตั้งชื่อตามเมืองบูกิตกายูฮิตัม อําเภอจังโหลน รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย โดยคําว่า บูกิต แปลว่า ภูเขา ส่วน กายู แปลว่า ไม้ และฮิตัม แปลว่า สีดํา และ คําว่า “ควน” ในภาษาถิ่นใต้แปลว่า เนินหรือภูเขาลูกเล็ก สภาพพื้นที่ในขณะนั้นมีลักษณะเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งเป็นป่าธรรมชาติ อีกส่วนหนึ่งเป็นสวนยางพารา (ยางพันธุ์โบราณ) และมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจํานวนมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของคนมาเลเซีย เนื่องจากในสมัยก่อนยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน คนมาเลเซียจึงเข้ามาจับจองพื้นที่และคนไทยก็ซื้อที่ต่อจากจากคนมาเลเซียแล้วนํามาจัดสรร และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่ดินที่ได้รับมรดกจากบรรพบุรุษประเทศไทยจะสิ้นสุดเพียงด่านพรมแดนของอําเภอสะเดา

คนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนในพื้นที่หมู่บ้านไทย-จังโหลน เป็นชาวบ้านที่มาจากจังหวัดสตูล ปัตตานี และสงขลา เพื่อมาประกอบอาชีพทําสวนยางพารา รับจ้างกรีดยาง ตัดยาง และดูแลสวนยางให้เจ้าของที่ดินและเจ้าของสวนยางซึ่งมีทั้งที่เป็นคนมาเลเซียและคนไทย การเข้ามาบุกเบิกที่ดินจึงเป็นไปในลักษณะการเดินทางไป ๆ มา ๆร ะหว่างพื้นที่ที่ได้บุกเบิกเอาไว้กับพื้นที่บริเวณด่านเก่า โดยจะสร้างขนําเล็กไว้พัก เมื่อชาวบ้านกลุ่มแรกที่เข้ามาทําสวนยางพาราได้สักระยะหนึ่งจึงเห็นลู่ทางในการจับจองที่ดินส่วนที่เหลือ ซึ่งมีทั้งที่เป็นดินสงวนและป่าสงวน วิธีการจับจองจะใช้การปักหลักแสดงอาณาเขตว่าที่บริเวณนี้ใครจับจอง ใครเป็นเจ้าของ โดยการปักหลักนั้นจะอาศัยการปักไม้ตามแนวร่องสวนยางพารา และอีกวิธีหนึ่ง คือ การถางป่าแก่ หากว่าใครสามารถถางที่ได้มากก็จะได้ที่ดินมาก ส่วนลักษณะการสร้างบ้านของคนในสมัยก่อน จะสร้างแบบกระจัดกระจาย ไม่ได้กระจุกอยู่ในละแวกเดียวกัน หากผู้ใดมีความประสงค์จะสร้างบ้าน ต้องไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ การอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมีการทยอยกันเข้ามาหลายช่วง คือ กลุ่มผู้ที่เข้ามาบุกเบิกพื้นที่หมู่บ้านตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2519 กลุ่มที่เดินทางเข้ามาสบทบเมื่อปี พ.ศ. 2521-2525 และกลุ่มสุดท้ายอพยพเข้ามาเมื่อ พ.ศ. 2526-2531

บ้านไทย-จังโหลน เป็นหนึ่งหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณเขตพรมแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของไทย เมื่อปลายปีพ.ศ. 2526 มีการใช้นโยบาย “การเมืองนําการทหาร” โดยมี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้นําทางด้านยุทธศาสตร์ พลเอกหาญ ลีนานนท์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 พลเอก-อาทิตย์ กําลังเอก เป็นผู้นําทางกองทัพ ในขณะนั้นมีปัญหาขัดแย้งระหว่างพลเอกหาญ ลีนานนท์ กับพลเอกอาทิตย์ กําลังเอกเป็นระยะ ๆ ระหว่างนโยบายใต้ร่มเย็นกับนโยบายเก่า (การทหารนําการเมือง) ที่สวนทางกับนโยบาย การเมืองนําการทหาร เพราะเมืองสงขลาแห่งนี้อยู่ภายใต้ “แผนใต้ร่มเย็น 1” ซึ่งทางพลเอกหาญ ลีลานนท์ เป็นผู้วางนโยบายให้เมืองชายแดนมีความเจริญ เพื่อเป็นการปราบปรามกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์ที่แทรกซึมอยู่ตามแนวชายแดนให้ออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะบ้านไทย-จังโหลนมีแนวเทือกเขาสันกาลาคีรีหรือเทือกเขาน้ำค้างกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย พื้นที่บริเวณโดยรอบเทือกเขามีลักษณะเป็นป่าดงดิบ รกทึบ มีพรรณไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น ทำใหกลายเป็นแหล่งหลบซ่อนและทําการเคลื่อนไหวของโจรผู้ร้าย และขบวนการกองโจรหลายรูปแบบ รัฐบาลไทยและมาเลเซียจึงได้มีการร่วมมือกันปฏิบัติการร่วมเพื่อทําการปราบปรามกองกําลังผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ทําให้พื้นที่บ้านไทย-จังโหลนถูกถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง (อธิฏฐาน พงศ์พิศาล, 2549: 53) ด้วยสาเหตุดังกล่าวข้างต้น บวกกับการที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนยางพารา จึงทําให้ผู้คนไม่กล้าเข้ามาอาศัยหรือตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้ แต่ภายหลังจากปัญหาต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย ก็ได้มีผู้คนเดินทางเข้ามาอยู่อาศัยและประกอบอาชีพในบ้านไทย-จังโหลนมากขึ้น ซึ่งมีการนำเอาธุรกิจโรงแรมเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงขั้นว่าบางรายต้องเลิกกิจการไป

ต่อมาเมื่อ มาเลเซียได้ก่อสร้างด่านพรมแดนใหม่ รวมทั้งก่อตั้งศูนย์การค้าปลอดภาษี ในช่วงนี้เริ่มมีบาร์ที่มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์เกิดขึ้นมา และได้มีการสร้างด่านพรมแดนสะเดาที่บ้านไทย-จังโหลน กระทั่ง ปี พ.ศ. 2536 เกิดการก่อตั้งโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ในระยะแรกของการก่อตั้งโครงการนั้น ไม่ได้มีผลกับพื้นที่บ้านไทย-จังโหลนเท่าใดนัก แต่ภายหลังได้มีการประชุมเทคนิคพัฒนาการท่องเที่ยว และขยายเวลาเปิด-ปิด ด่านพรมแดนสะเดาบ้านไทยจังโหลน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประเทศมากขึ้น ซึ่งในระยะนี้โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อบ้านไทย-จังโหลนโดยตรง และจากทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในหมู่บ้านไทย-จังโหลนกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังเป็นชุมชนที่มีจุดเด่นเรื่องสถานบันเทิงและสถานบริการในพื้นที่พรมแดนระหว่าไทย-มาเลเซียมาจนปัจจุบัน 

ที่มาบทความ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

เรื่องที่เกี่ยวข้อง