กำแพงเมืองพัทลุงเขาชัยบุรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง
เมืองพัทลุงที่เขาชัยบุรี
เมืองพัทลุงได้ย้ายมาตั้งที่เขาชัยบุรีหรือเขาเมืองตั้งแต่พ.ศ. 2172 - พ.ศ.2310 ตัวเมืองตั้งอยู่ในที่ราบด้านทิศเหนือของเขาชัยบุรีและมีการสร้างกำแพงเป็นระเนียดไม้ปิดช่องเขาด้านตะวันตกระหว่างเขาเมืองกับเขาบ่อฬา แล้วทำกำแพงด้านทิศเหนือต่อจากเขาบ่อฬามาจนถึงเขาเจดีย์ จากนั้นทำกำแพงด้านทิศตะวันออกจากเขาเจดีย์ไปถึงเขาพลู และทำกำแพงปิดช่องเขาระหว่างเขาพลูกับเขาเมือง โดยใช้เขาเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นกำแพงเมืองด้านทิศใต้ รวมระยะเวลาที่เมืองพัทลุงตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลา 138 ปี มีเจ้าเมืองปกครองตามที่ปรากฏในพงศาวดารเมืองพัทลุงทั้งสิ้น 9 ท่าน
จากลักษณะของป้อมกำแพงเมืองที่พบ อาจเทียบได้กับแผนผังแนวนอกของป้อมวิชาเยนทร์ที่เมืองบางกอก ซึ่งออกแบบและก่อสร้างโโยวิศวกรคนเดียวกัน และลักษณะที่พบเป็นรูปแบบของป้อมที่เรียกว่า ป้อมรูปดาว เป็นระบบป้อมปราการที่ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในคาบสมุทรอิตาลี ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 เพื่อต่อสู้กับปืนใหญ่แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพร้ายแรงขึ้น จนส่งผลให้ป้อมแบบเดิมไม่อาจต้านทานพลังการทำลายได้ โดยป้อมลักษณะนี้ได้รับความนิยมไปทั่วยุโรปเป็นระยะเวลาประมาณ 300 ปี
ป้อมรูปดาว (Star Fort) ที่เขาชัยบุรี
ป้อมรูปดาวที่ขุดพบนี้เป็นป้อมประจำมุมเมืองด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเป็นแนวกำแพงป้อมที่มีการหักมุมกำแพงเป็นดาว 5 แฉก โดยมีจุดเริ่มของแนวกำแพงป้อมบริเวณด้านตะวันตกค่อนไปทางทิศเหนือก่อแนวต่อเนื่องไปจนถึงมุมภูเขาด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยแนวกำแพงป้อมมีความยาวรวมกัน 126.72 เมตร และมีความกว้างเฉลี่ยอยู่ที่ 140-150 เซนติเมตร
การวางฐานรากของป้อมรูปดาวที่ขุดพบนั้น เป็นการวางฐานรากบนพื้นธรรมชาติ โดยในส่วนของพื้นที่ปกติจะพบการวางอิฐชั้นแรกอยู่บนผิวดินในระดับที่เป็นพื้นปูนมาร์ล ในขณะที่ในอีกหลายบริเวณซึ่งพบหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ฐานรากในส่วนดังกล่าวจะวางบนหินเหล่านั้น โดยบางส่วนวางคร่อมหินทั้งหมดโดยใช้ปูนสอประสาน ในขณะที่บางส่วนมีการตัดแต่งยอดหินก่อนที่จะวางอิฐคร่อมหินในส่วนที่เหลือ
ตัวกำแพงป้อมนั้น วัดระดับสูงจากพื้นดินได้ 5.68 เมตร ลักษณะของกำแพงก่อด้วยอิฐสอปูน กำแพงตันไปตลอดแนวไม่มีการสอดไส้กำแพง โดยอิฐก่อกำแพงมีขนาดกว้าง 13 เซนติเมตร ยาว 26 เซนติเมตร หนา 5 เซนติเมตร อย่างไรก็ตามพบว่าตัวกำแพงไม่ได้ตั้งตรง หรือตั้งฉากกับพื้นดิน แต่กลับเอียงเข้าด้านในเล็กน้อย ซึ่งลักษณะนี้ก็พบที่กำแพงเมืองนครศรีธรรมราชและแบบแปลนป้อมเมืองบางกอกและเมืองมะริดซึ่ง เดอ ลามาร์เป็นผู้ออกแบบเช่นเดียวกัน
ส่วนบนของป้อมก่อเป็นใบบังและจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับใบบังของป้อมกำแพงเมืองนครศรีธรรมราชที่ออกแบบโดยวิศวกรคนเดียวกันแล้วสามารถกำหนดความสูงของใบบัง 148 เซนติเมตร และความยาวของใบบังเท่ากับ 3.20 เมตร ส่วนแนวช่องประตูหรือบันไดสำหรับขึ้นป้อมนั้น พบแนวอิฐที่แสดงลักษณะของช่องบันไดในพื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขา
ภาพ/ข้อมูลบทความ : สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา
ศาลเจ้าแป๊ะกงสะเดา ที่พึ่งพายามยากของชาวจีนอพยพ
10 สิงหาคม 2568 | 150ขอพรพ่อเฒ่านอน พระพุทธไสยาสน์คู่เมืองสทิงพระแต่โบราณ
10 สิงหาคม 2568 | 161รอยเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง ณ หาดมหาราช (สทิงพระ)
3 สิงหาคม 2568 | 212ตำนาน 5 ภูผาแห่งอำเภอรัตภูมิ สู่การผูกคำกลอนมุขปาฐะ อายุนับ 100 ปี
3 สิงหาคม 2568 | 239ย้อนประวัติ การจัดสร้างโรงพยาบาลประสาทแห่งแรกของภาคใต้
3 สิงหาคม 2568 | 245ทวดหลักเขตเขาพับผ้า ตำนานอภินิหารบนเส้นทางตรัง - พัทลุง
27 กรกฎาคม 2568 | 923"วัดเกษมรัตน์" วัดโบราณกว่า 409 ปี มรดกทางวัฒนธรรมของชาวอ.จะนะ
27 กรกฎาคม 2568 | 419ชื่อนี้มีที่มา ถนนยนตรการกำธร (ถนนสายควนเนียง - สตูล)
27 กรกฎาคม 2568 | 1,761