งี่เทียนถ่อง ร้านยาสมุนไพรไทย-จีน ที่ตั้งอยู่บนถนนสายประวัติศาตร์ย่านเมืองเก่าสงขลา เป็นร้านสมุนไพรไทยจีนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน ก้าวผ่านยุคสมัยกว่า 4 เจนเนอเรชั่น รวมอายุของร้านที่ตั้งอยู่ควบคู่กับเมืองเก่าสงขลาแห่งนี้ประมาณร้อยกว่าปีมาแล้ว
โดยมีคุณพ่อสมชาย ตันรัตนพงศ์ อายุ 68 ปี ซึ่งท่านเป็นเจ้าของร้านงี่เทียนถ่อง และเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของร้าน และพี่เตชธร ตันรัตนพงศ์ อายุ 36 ผู้เป็นลูกชายและเป็นทายาทรุ่นที่ 4 เป็นผู้เล่าถึงที่มาที่ไปและประวัติความเป็นมาของร้านงี่เทียนถ่องให้เราได้ทราบกัน
จุดเริ่มต้นของร้านยาสมุนไพรไทย-จีน
จุดเริ่มต้นของร้านงี่เทียนถ่อง เริ่มต้นขึ้นจากปู่ซึ่งเป็นชาวจีนแคะ ได้เดินทางอพยพเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในเมืองสงขลา ซึ่งในสมัยนั้นย่านเมืองเก่าสงขลา บริเวณถนนนครนอก นครใน และถนนนางงาม เป็นถนน 3 สายหลักของเมืองสงขลา พื้นที่โดยรอบเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่หลายกลุ่มหลายภาษาที่อพยพมาตั้งรกราก ซึ่งปู่ได้นำความรู้ด้านการใช้ยาสมุนไพรจีนในการรักษาโรคมาเปิดกิจการร้านขายยาจีน ผู้คนในสมัยนั้นรู้จักร้านในนามชื่อ "ยี่เทียนต๋อง" ซึ่งเป็นสำเนียงจีนฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นการเป็นการปรับตัวตามสภาพสังคมเนื่องจากในพื้นที่บริเวณนี้มีชาวจีนฮกเกี้ยนอาศัยกันอยู่อย่างหนาแน่น ต่อมาเมื่อมีชาวจีนแต้จิ๋ว จีนแคะ จีนไหหลำ จีนกวางตุ้ง อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองสงขลามากขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อร้านมาเป็น "งี่เทียนถ่อง" ซึ่งเป็นสำเนียงจีนแคะ เพื่อแสดงอัตลักษณ์ของร้านที่ผู้ก่อตั้งเป็นชาวจีนแคะ
การเปลี่ยนผ่านยุคสมัย ร้านมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตัวยาเก่าๆเมื่อคนเริ่มไม่นิยมรับประทานกันแล้วทางร้านก็เลิกทำ และหันมาปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ส่วนตัวร้านค้า โครงสร้าง ตู้ยาสมุนไพร หรือแม้แต่เครื่องมือที่ใช้ในการทำสมุนไพรที่อยู่ในร้าน ยังเป็นของเก่าแก่ดั้งเดิมมาตลอดตั้งแต่ยุคแรกๆ แต่ที่ตั้งของร้านปัจจุบัน(ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา) ไม่ได้เป็นที่ตั้งของร้านดั้งเดิมสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยที่ตั้งของร้านเดิมตั้งอยู่บริเวณถนนหนองจิก(แต่เนื่องจากร้านได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่2) จึงมีการย้ายร้านมาตั้งบริเวณหัวถนนหนองจิก(ที่ตั้งร้านขนมไทยจงดีในปัจจุบัน) ต่อมาการค้าย่านถนนหนองจิกเริ่มซบเซาลงจึงมีการย้ายร้านอีกครั้งมาอยู่ที่ถนนเก้าห้อง(ใกล้กับโรงแรมฮาวาย) เพราะในสมัยนั้นถนนเก้าห้อง(ถนนนางงามในปัจจุบัน)เป็นถนนสายหลักเป็นย่านธุรกิจการค้า ต่อมาเมื่อราคาค่าเช่าบ้านปรับสูงขึ้นจึงมีการย้ายร้านอีกครั้งและมาซื้อบ้านบนถนนนางงาม(ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมือง) และดำเนินกิจการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ทำไม่ถึงต้องชื่อ งี่เทียนถ่อง
งี่ใความหมายของภาษาจีนฮากกา(จีนแคะ) มีความหมายว่าสอง ส่วนเทียน หมายถึงฟ้า ถ่อง หมายถึงอาคารหรือสถานที่ ความหมายโดยรวมคือ สองท้องฟ้า ฟ้าในความหมายแรกหมายถึงท้องฟ้าด้านนอก ส่วนฟ้าที่สองหมายถึงสวรรค์ ความหมายโดยนัยจึงเปรียบได้ว่าคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเวลามาเจียดยามารักษาโรคภัยไข้เจ็บก็คล้ายเหมือนได้มาสวรรค์ที่จะช่วยรักษาโรคภัยเหล่านั้นให้หายไป
สมุนไพรที่นำมาใช้ รับมากจากที่ไหน / ลูกค้าที่มีซื้อมักจะซื้อยาประเภทไหน
สมุนไพรของร้านจะรับมากจากเมืองจีนเป็นหลัก แต่จะมีสั่งผ่านยี่ปั๊ว(ผู้ค้าส่ง/บริษัทนำเข้า) เพราะเราไม่ได้ซื้อเยอะ ส่วนมากร้านขายสมุนไพรจีนทั้งหมดก็จะต้องสั่งผ่านยี่ปั๊วที่อยู่กรุงเทพฯ กลุ่มลูกค้าก็มีกลุ่มลูกค้นรุ่นใหม่เยอะ ส่วนใหญ่ก็มีการตามมาจากโซเชียล หรือมาจากการร่วมโปรเจคกับกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ที่ต้องการฟื้นย่านเมืองเก่างสงขลา อย่างเช่นปักษ์ใต้ดีไซค์วีค เราจึงมีการการร่วมโปรเจคกันให้ผู้คนได้เข้าถึงสมุนไพรมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องป่วยก็เข้าร้านยาสมุนไพรได้ เช่นมาซื้อเครื่องตุ๋นยาจีน ,ชุดพะโล้ , ผงสตูว์ เพื่อนำไปทำอาหาร ส่วนลูกค้ากลุ่มดั้งเดิมก็ยังคงมีมาตลอด เป็นกลุ่มลูกค้าลูกหลานคนจีน หรือกลุ่มลูกหลานที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่นิยมดื่มยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคและบำรุงร่างกายและมีความสุขกับการเข้าร้านยาสมุนไพรที่ยังคงมีบรรยากาศและกลิ่นอายสมัยก่อนอยู่ ซึ่งยาสมุนไพรที่ร้านก็จะมีเป็นยาสามัญประจำบ้านหรือยารักษาขั้นพื้นฐาน ร้านเราจึงเป็นทางเลือกแก่กลุ่มลูกค้าที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆและไม่ต้องการเดินทางไปโรงพยาบาลที่อยู่ไกลออกไป
คิดว่าอะไรคือจุดเด่นของร้าน ที่แตกต่างจากร้านยาอื่นๆ
จุดเด่นที่คิดว่าร้านขายยาร้านอื่นๆมีไม่เหมือนเราคือ บรรยากาศของความดั้งเดิม เป็นบรรยากาศที่ชวนให้สัมผัสถึงความเป็นยุคสมัยแต่แรก ทั้งพวกตู้ยา เครื่องมือต่างๆซึ่งมีคุณค่ามากเพราะเป็นของดั้งเดิมสมัยก่อน จึงคิดว่าจุดนี้คือเสน่ห์ของร้านยาสมุนไพรไทย-จีน งี่เที่ยนถ่อง ที่ทำให้แตกต่างจากร้านขายยาทั่วๆไป
ในฐานะที่ร้านอยู่มาอย่างยาวนาน มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของย่านเมืองเก่าสงขลาอย่างไรบ้าง
ย่านเมืองเก่าสงขลาในสมัยก่อนเคยเป็นย่านที่คึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะย่านเก้าห้อง(ถนนนางงาม) มีทั้งโรงหนัง ร้านของชำ ร้านอาหาร บรรยากาศยานนี้จึงคึกคักตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนเวลาผ่านมาในยุคหนึ่งทำให้ย่านนี้เริ่มซบเซาและเงียบลง ร้านค้าต่างๆเริ่มทยอยปิดตัวลง ผู้คนเริ่มออกไปทำมาหากินและหันไปประกอบอาชีพอื่นๆ และมาถึงในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ถือได้ว่าย่านเมืองเก่าสงขลาเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งด้วยปัจจัยต่างๆ ตั้งแต่การเสนอชื่อเป็นเมืองมรดกโลกหรือเมืองท่องเที่ยว กลุ่มเยาวชนเริ่มหันมาสนใจและท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากขึ้น ร้านค้าต่างๆก็เริ่มกลับมาคึกคัก นักท่องเที่ยวก้เริ่มหลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง ถือได้ว่าภาพบรรยากาศความคึกคักเริ่มกลับมาให้เห็นอีกครั้ง
ร้านเปิดทุกวันช่วงเวลาไหน เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-19.00 น. แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเปิดจนถึงช่วงกลางดึกเนื่องจากในอดีตแม้จะเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่ถนนในย่านนี้ก็จะยังคงคึกคักอยู่เสมอและไม่เคยเงียบเหงา เพราะจะมีโรงหนังฉายในช่วงเวลาดึก ถนนก็จะคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ในปัจจุบันย่านเมืองเก่าสงขลามักจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนนิยมมาดินเที่ยวเล่น ถ่ายรูปเช็คอินกันในช่วงกลางวัน พอช่วงค่ำก็จะเริ่มเงียบ ร้านก็ปรับเปลี่ยนเวลามาปิดเร็วขึ้น
เปิดประวัติชีวิต" ปลัดแป้น" จากนักปกครองสู่ว่าที่นายกหาดใหญ่ ชีวิตที่ไม่ง่ายหลังลงสมัครนายกกว่า 2 สมัย
15 พฤษภาคม 2568 | 1,753"พี่ปุ้ย" สาวสองสู้ชีวิตผู้มีลีลาสาธิตการขายร่ม จนเป็นกระแสดังในโซเชียลทั้งไทยและมาเลย์
6 พฤษภาคม 2568 | 2,361"ครูทอง" ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้สืบทอดภูมิปัญญาการปั้นหม้อยาวนานกว่า 100 ปี ของบ้านสทิงหม้อ อ.สทิงพระ
24 มีนาคม 2568 | 2,404“เชือกกล้วยตานี” จากของเหลือทิ้ง สู่ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้ชุมชนคูเต่า ภายใต้ชื่อ “กอร์ตานี”
19 มีนาคม 2568 | 2,334ชีวิตหลังเกษียณของอดีตฯ ผู้ว่าฯ สงขลา ผันตัวเองป็นเกษตรกรสวนทุเรียนกว่า 400 ต้น
3 มีนาคม 2568 | 23,306ตาผิน ผู้ประดิษฐิ์สิ่งของจากวัสดุธรรมชาติ สู่สินค้าโอท็อปประจำอำเภอรัตภูมิ
2 มีนาคม 2568 | 819"ธนกร"กุ้ยช่าย สูตรลับจากคุณแม่ที่ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน เลี้ยงครอบครัวกว่า 45 ปี ออเดอร์ไกลถึงสหรัฐฯ
6 กุมภาพันธ์ 2568 | 896"เกียว"เบเกอรี่จากรุ่นแม่สู่คุณลูก กว่า 30 ปี ร้านขนมปังเล็กๆที่ไม่ธรรมดาในสะเดา
8 ธันวาคม 2567 | 2,655