การสมโภชแม่โพสพเป็นภูมิปัญญาและพิธีกรรมที่ได้รับการสืบทอดกันมาเป็นระยะเวลายาวนานของชาวนาในอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ซึ่งแต่เดิมแต่ละครอบครัวจะประกอบพิธีกรรมเป็นการเฉพาะครอบครัว โดยเชิญหมอทำขวัญข้าวที่เคารพนับถือ หรือคนเฒ่าคนแก่ในตระกูล เป็นผู้ทำพิธี ในสมัยโบราณส่วนใหญ่ผู้นำตระกูล หรือผู้นำครอบครัวสามารถทำพิธีได้ เนื่องจากมีตำราสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ต่อมาเมื่อระบบการทำนาเกิดการเปลี่ยนแปลงจากการทำนาเพื่อยังชีพเป็นการทำเชิงพาณิชย์ จึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตทำให้ภูมิปัญญานี้ลดน้อยลง ปัจจุบันจึงเกิดการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่โดยมีการเปลี่ยนแปลงภูมิปัญญา จากที่ทำเฉพาะครอบครัวก็ทำร่วมกันที่ศูนย์รวมจิตใจหรือสถานที่สำคัญ คือ วงเวียนแม่โพสพของอำเภอระโนด โดยทุกตำบลทุกหมู่บ้านในอำเภอระโนดจะรวบรวมข้าวแล้วนำมาทำพิธีร่วมกันโดยใช้หมอทำขวัญข้าวคนเดียว
การทำขวัญข้าว ตามประวัติบอกเล่าสืบต่อกันมาแต่โบราณของชาวลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดมีปัญหาถามว่าระหว่างพระพุทธเจ้ากับแม่โพสพนั้นใครจะมีบุญคุณมากกว่ากัน ต่างก็มีการถกเถียงกัน ผลที่สุดมนุษย์ก็ให้แม่โพสพเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แม่โพสพทั้งเสียใจและน้อยใจเป็นอย่างมากพลางกล่าวว่า ตั้งแต่รักษามนุษย์มา มนุษย์ได้มีข้าวกิน ถึงแม้ว่าสิ่งอื่นๆจะมีพระคุณ แต่แม่โพสพก็ไม่ควรที่จะพ่ายแพ้แก่ใครๆ กล่าวจบแม่โพสพก็หลีกหนีไปอาศัยอยู่ที่ภูเขาทบกัน ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านต่างก็พากันได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากต้นข้าวเมล็ดลีบเสียหายหมด เกิดความอดอยากขาดแคลนอาหารไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
จนกระทั่งมีสัตว์ 2 ตัว คือ ปลาสลาดและนกคู้ลา รับอาสาไปรับแม่โพสพที่ภูเขาทบกัน ปลาสลาดสมัยก่อนลำตัวจะกลม แต่พอเดินทางเข้าไปคาบเอาแม่โพสพซึ่งเป็นช่วงที่ภูเขากระทบกันพอดีและทับเอาลำตัวปลาสลาดจนตัวแบน จากนั้นปลาสลาดก็คาบเมล็ดข้าวหรือแม่โพสพออกมาพ้นจากภูเขาทบกันได้ นกคู้ลาจึงฉวยโอกาสแย่งคาบเมล็ดข้าวพาบินหนีมาจนมาถูกพายุใหญ่ก็ขอร้องให้ช่วย ปลาสลาดซึ่งว่ายน้ำตามมาทันพอดีขณะที่นกคู้ลาอ้าปากจะขอช่วยทำให้เมล็ดข้าวหล่นออกจากปากของนกคู้ลา ปลาสลาดก็รับไว้แล้วคาบมาจนกลับมาถึงที่เดิมนำมามอบให้พระพุทธเจ้าแจกจ่ายให้ประชาชนนำไปปลูกขยายพันธุ์ต่อไป
ตั้งแต่นั้นมามีการทำขวัญข้าวเพื่อรำลึกถึงบุญคุณของแม่โพสพ สืบมาจนกระทั่งปัจจุบัน และปลาสลาดก็มีลำตัวแบนมาจนถึงบัดนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการทำให้แม่โพสพพอใจและอยู่กับชาวนาต่อไป จึงได้มีการทำพิธีทำขวัญข้าว หรือพิธีสมโภชแม่โพสพ เป็นพิธีบวงสรวงแม่โพสพผู้เป็นวิญญาณแห่งข้าว โดยเชื่อว่าถ้าข้าวมีขวัญสิงอยู่ประจำ ไม่หลีกลี้ไปไหน
การสมโภชแม่โพสพของชาวอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา จะทำหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าการสมโภชแม่โพสพเป็นการประกอบพิธีสดุดีแม่โพสพ เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล และเพื่อแสดงความชื่นชมยินดีที่ได้ทำนาประสบผลสำเร็จ ส่วนใหญ่การทำขวัญข้าวมักจะทำในเดือน 6 ถ้าเป็นข้างขึ้นมักจะทำในวันคี่ เช่น 13 ค่ำ 15 ค่ำ ถ้าเป็นข้างแรมใช้วันคู่ เช่น 8 ค่ำ หรือ 14 ค่ำ แต่ส่วนมากทำในวันธรรมสวนะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันพระ แต่ก่อนนิยมทำในคืนวันเพ็ญ การทำขวัญข้าวจะต้องไม่เลือกเอาวันที่ถูกผีเสื้อข้าว คือ วันที่ตำราระบุว่า ถ้าหว่านปักดำหรือเก็บเกี่ยวในวันนั้นจะถูกผีเสื้อข้าวกินหมด
การทำขวัญข้าวหรือสมโภชแม่โพสพแต่เดิมจะทำในช่วงพลบค่ำหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เวลานกชุมรัง ในวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ เว้นวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันทักทิน (ทักทิน มีคำนิยามว่า "วันชั่วร้าย" คำนี้มีใช้ในตำราหมอดู เนื่องในการประกอบการหาฤกษ์มงคลต่างๆ จำนวนวันทักทินอันเป็นวันห้าม มิให้ทำการมงคล) คือ วันขึ้นหรือวันแรมที่เลขวันและเลขเดือนตรงกัน เช่น เดือน 9 ขึ้น 9 ค่ำ แต่ในปัจจุบันอำเภอระโนดได้จัดงานพิธีสมโภชแม่โพสพประจำปี โดยให้ประชาชนผู้สนใจจากหมู่บ้านและตำบลต่างๆ ร่วมพิธีด้วยจึงได้ปรับเปลี่ยนมาจัดในช่วงกลางวัน และทำในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี
ภาพ/ข้อมูลบทความ : เทศบาลตำบลระโนด
ชมภาพเก่าเมื่อ 89 ปีก่อน โรงงานแป้งสาคู ณ บ้านคลองแงะ (สะเดา)
13 กรกฎาคม 2568 | 324กว่า 161 ปี สุเหร่าบ้านพรุหมาก มัสยิดแห่งแรกของอำเภอเทพา
13 กรกฎาคม 2568 | 288ย้อนประวัติเรือพัทลุง เรือที่ใช้ติดต่อราชการระหว่างเมืองสงขลา-เมืองพัทลุง
13 กรกฎาคม 2568 | 316กัปตันวอสเบียน : ผู้ให้กำเนิดจักรยานพ่วงข้างคันแรกของปักษ์ใต้ ณ เชิงเขาตังกวน (สงขลา)
6 กรกฎาคม 2568 | 2,160ที่มาชื่อบ้านท่าช้าง อ.บางกล่ำ ย้อนรอยชม "เสาหงส์" ครั้งพม่ายกทัพตีหัวเมืองภาคใต้
6 กรกฎาคม 2568 | 538ย้อนตำนานเมื่อครั้งอดีต วงเวียนแยกหลาลุงแสง 3 ยุคสมัย 3 รูปแบบ
6 กรกฎาคม 2568 | 6,559เปิดที่มาชุมชนประวัติศาสตร์ บ้านควนจง (นาหม่อม)
8 มิถุนายน 2568 | 1,558วิถีมุสลิมบ้านดอนขี้เหล็ก "ประเพณีการทูนพานอาหาร" ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี
8 มิถุนายน 2568 | 1,316