หากเราจะกล่าวถึงศิลปินโนราหญิงในยุคสมัยแรกๆที่โด่งดังและมีชื่อเสียงไปทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราชและหลายจังหวัดในภาคใต้ ก็จะต้องเป็นโนราหญิงคู่นี้ โนราหนูวิน - โนราหนูวาด เมืองนครศรีธรรมราช บุตรีของโนราห์วันเฒ่า เมืองนครศรีธรรมราช ชื่อเสียงโด่งดังขนาดที่จังหวัดตรังต้องรับขันหมากให้ไปประชันขันแข่งกับคณะโนรา ตุ้ง-เติม โนราห์ชื่อดังแห่งจังหวัดตรัง การแข่งขันหลายสิบครั้งผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะมาโดยตลอด
ทาง หาดใหญ่โฟกัส มีโอกาสได้สัมภาษณ์ทายาทผู้สืบสานงานโนราสายตระกูลโนราเติม วิน วาด กับเธอผู้นี้ ครูแต้ว “วราภรณ์ อ๋องเซ่ง” (ครูแต้ว) การศึกษา ระดับปริญญาตรี สาขาการจัดการทั่วไป วิทยาลัยครูสงขลา (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา)
- ทายาทผู้สืบสานงานโนราสายตระกูลโนราเติม วิน วาด
- ประธานกลุ่มรักษ์-โนรา ตำบลคูเต่า พิพิธภัณฑ์โนราเติม วิน วาด
- เครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา
- เจ้าของและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์มีชีวิต “พิพิธภัณฑ์โนราเติม วิน วาด”
ช่วยเล่าถึงความเป็นมาของครอบครัวให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ
- ครอบครัวเราเป็นศิลปินโนราพื้นบ้านที่มีการสืบทอดกันมา 4 ชั่วคน ปู่ ตา พ่อ แม่ ลูก เหลน ทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ของพี่ต่างก็เป็นศิลปินโนราพื้นบ้านระดับนายโรงที่มีชื่อเสียงในอดีต
ฝ่ายพ่อ ปู่ของพี่คือ “โนราตั้ง” เป็นโนราฟากฝั่งเมืองตรัง ปู่มีลูกชาย 3 คน ท่านฝึกให้แสดงโนราทั้ง 3 คน พ่อของพี่ “โนราเติม เมืองตรัง” เป็นลูกชายคนโต ต่อมาทั่งปู่และน้องชายทั้งสองของพ่อคือ “โนราตุ้ง” และ “โนราเคียง” เสียชึวิตลง เหลือพ่อคนเดียวก็ตั้งคณะที่ใช้ชื่อว่า “คณะโนราเติม” เป็นโนราทีมีพรสวรรค์ในด้านการขับกลอนมุตโตหรือกลอนสดการพัฒนารูปแบบการแสดงโนราสู่สากลหลายอย่าง ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจังหวัดตรัง
ฝ่ายแม่ พ่อแก่หรือตาของพี่ คือ “โนราวันเฒ่า” เป็นศิลปินโนราฟากฝั่งเมืองนครศรีธรรมราช มีลูกสาว 2 คน คือ หนูวิน และหนูวาด และด้วยเหตุที่พ่อแก่ไม่มีลูกผู้ชายสืบทอดโนรา ทำให้ต้องฝึกลูกสาวทั้งสองให้สืบทอดโนรา เริ่มจากการตีเครื่องดนตรีโนราก่อนจนสามารถแยกแยะจังหวะดนตรีโนราได้ก็ให้ฝึกรำ หลังฝึกจนชำนาญก็ประกอบพิธีกรรมให้ลูกทั้งสองมาสืบทอดโนรา 3 คนพ่อลูกออกแสดงโนราด้วยกัน พอลูกโตเป็นสาวก็ใช้ชื่อว่า “โนราหนูวิน โนราหนูวาด”
เป็นโนราผู้หญิงยุคแรกๆที่ได้ประกอบพิธีกรรมโนราที่เป็นโนราหญิงสมบูรณ์แบบ มีความโดดเด่นเรื่องการแสดงโนรา การร้องรำทำบทที่โนราวันเฒ่าฝึกสอนให้ มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จัก สมัยก่อนโนราผู้หญิงจะไม่ได้รับการยอมรับจากโนราชาย โนราหญิงจึงมีน้อยมาก โนราหญิง และมักจะถูกระทำคุณไสยทำให้แสดงได้ไม่นานก็มีอันต้องเลิกราไป ส่วนแม่ทั้งสองของพี่ท่านมีพ่อเป็นโนราผู้เชี่ยวชาญด้านการประกอบพิธีกรรมต่างๆ มีความรู้ด้านคาถาอาคมทำให้ปกป้องแม่ทั้งสองไว้ จนสามารถแสดงโนรามาได้อย่างยาวนาน หลังลูกทั้งสองโตเป็นสาวก็ออกแสดงโนราพร้อมกันสามคนพ่อลูกชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช
พ่อ (โนราเติม) ชื่อเสียงโด่งดังที่จังหวัดตรัง แม่ (โนราหนูวิน โนราหนูวาด) โด่งดังไปทั่วเมืองนครศรีธรรมราช แข่งขันกับโนราคณะใดได้รับชัยชนะตลอดมาจนหาคู่แข่งขันในจังหวัดของตนเองได้ยาก จึงได้มีการคิดริเริ่มให้นำเอาโนราทั้งสองคณะมาแข่งขันประชันโรงกัน ซึ่งผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ มีการแข่งขันประชันโรงกันกว่า 100 ครั้ง จนต่อมาโนราเติมได้ครองคู่กับโนราหนูวิน โนราหนูวาด จึงได้ตั้งคณะใหม่รวมกันใช้ชื่อคณะว่า “มโนราห์เติม วิน วาด” ดังบทกลอนมุตโตหรือกลอนสดของโนราเติมที่ปรากฏในเทปอักเสียง ซึ่งพ่อได้ขับกลอนไว้ช่วงหนึ่งว่า “...แข่งร้อยโรงกว่าแข่งมาแข่งไป ไม่เท่าใดพ่อพลาดฉันเอาน้องวาดวิน...”
หลังรวมคณะเป็นคณะมโนราห์เติม วิน วาด ชื่อเสียงของคณะโด่งดังไปทั่ว 14 หัวเมืองใต้ กรุงเทพมหานครและประเทศมาเลเซีย พ่อได้เริ่มจัดสวนสนุกด้วยตนเอง เริ่มรับหนังตะลุงมาแสดงด้วยกัน โดยแสดงกันคนละครึ่งคืน โนราแสดงก่อน หลังเที่ยงคืนหนังตะลุงแสดงต่อจนรุ่งสาง ทำให้ชาวบ้านที่มาชมเดินทางกลับบ้านช่องได้สะดวกเพราะยุคสมัยก่อนถนนหนทางไม่มีไฟฟ้าการเดินทางกลับบ้านไม่สะดวก
ชาวบ้านบางส่วนเดินเท้าจากบ้านมาหลายชั่วโมงหรือเกือบครึ่งวันเพื่อมาดูโนราเติม เรียกว่าโนราในดวงใจของคนใต้ในยุคสมัยนั้น จนต่อมาพ่อได้มีการพัฒนาโนราในยุคสมัยที่โนรามีคู่แข่งขันคือ วิทยุ โทรทัศน์ และภาพยนตร์กลางแปลง ลิเกจากภาคกลาง โดยพ่อได้มีการพัฒนาในหลายๆเรื่อง เช่น การประพันธ์นวนิยายแล้วนำมาใช้ในการแสดงและแต่งกายแสดงนวนิยายตามยุคสมัย การนำเอาบทร้องเพลงเกี้ยวพาราสีระหว่างพ่อเอกกับนางเอกโดยใช้ดนตรีที่ใช้ในการแสดงโนรามาบรรเลง มีการแต่งเครื่องแต่งกายในช่วงของการแสดงนิยายโดยใช้ชุดสูทและชุดทันสมัยไปใช้ในการแสดงที่เป็นเรื่องราว ที่โดดเด่นมากคือพ่อเองเปลี่ยนชุดโนรามาเป็นชุดสูทเพื่อใช้สวมใส่ในช่วงที่นายโรงออกแสดงขับกลอนสด และโต้กับพราน ซึ่งพรานคู่ใจของพ่อคือ “พรานแมง” เป็นช่วงแสดงที่ผู้ชมชอบมาก
พี่มีโอกาสได้สืบสานต่อยังไง
- ก่อนพี่จะมาสืบทอดโนราของตระกูล ผู้สืบทอดก่อนหน้านี้คือแม่หนูวินหรือ “โนราหนูวิน” การสืบทอดของที่บ้านไม่ได้มีการตั้งคณะโนรา แต่จะใช้การสืบทอดโดยการตั้งที่สิบสองไหว้ครูหมอโนราตายายทุกวันอังคารแรกของเดือนที่ไม่ตรงกับวันพระ แต่ถ้าตรงกับวันพระก็ให้ทำในวันอังคารถัดไป ซึ่งทำสืบทอดกันมานานแล้ว หลังจากแม่หนูวินท่านชราภาพมากแล้วประกอบกับท่านมีอาการเจ็บป่วยจนต้องไปรักษาตัวกับลูกสาวคนเล็กของท่านที่จังหวัดนนทบุรี ครอบครัวจึงจำเป็นต้องหาผู้มาสืบทอดทำหน้าที่แทน แม่หนูวินและพี่น้องของพี่ทั้งลูกแม่หนูวินและลูกๆแม่หนูวาดก็ได้ตกลงกันให้พี่เป็นผู้มาสืบทอดแทน ด้วยเหตุผลที่ชอบการรำโนรา ชอบการแต่งกลอนมาตั้งแต่เด็กๆ
ออกจากราชการที่ทำมา 27 ปี เพื่อสืบทอดโนราอย่างเต็มที่
ช่วงที่มีรับสืบทอดโนราพี่ยังรับราชการที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รับราชการมาแล้ว 26 ปี พอปี พ.ศ.2547 อายุพี่ 47 ปี อายุราชการ 27 ปีก็มีเหตุให้ต้องขอลาออกจากราชการเพื่อมาสืบทอดโนราเต็มที่ เพราะอุปสรรคในการรับราชการไปพร้อมๆกับการสืบทอดโนราทำได้ยาก พี่จึงเลือกเส้นทางมาสืบสานงานโนราแทนแล้วขอลาออกจากราชการในโครงการ “ขอเกษียณก่อนอายุราชการ” แล้วมาฝึกมาทบทวนแสดงโนราจากแม่หนูวินอีกครั้งหนึ่ง แล้วไปฝึกเพิ่มเติมต่อจากลุงยก “โนรายก ชูบัว” ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพ่อแก่ของพี่ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงโนรา
ซึ่งท่านเคยฝึกให้ตั้งแต่พี่รับราชการที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มาก่อนหน้านี้แล้วหลายปี ฝึกและทบทวนกันอยู่นานพอสมควร ต่อมาแม่หนูวินก็ทำพิธีสืบทอดโนราให้ที่บ้านพักของท่าน ทำพิธีครอบเทริดและมอบชุดโนราให้ ต่อมาลุงยกก็ได้มาทำพิธีให้ที่ “บ้านสืบสานตำนานโนราเติม วิน วาด” ซึ่งปัจจุบันคือ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต “พิพิธภัณฑ์โนราเติม วิน วาด” ในปัจจุบัน ต่อมาก็มีชาวบ้านที่ตำบลคูเต่า ซึ่งบ้านพักของพี่หลังขอลาออกจากราชการที่นั่น ได้ยกขันมาขอติดต่อให้ไปช่วยฝึกสอนให้ลูกหลานของชาวตำบลคูเต่า นั่นคือจุดเริ่มต้นที่พี่ได้สืบสานโนราเต็มตัว ทั้งการบูชาครูหมอโนราตายายตามขนบประเพณีที่สืบทอดกันมา ที้งการถ่ายทอดโนราให้กับเด็กๆ นับถึงปัจจุบันถ่ายทอดความรู้ให้เด็กๆ รวม 18 ปี สร้างเยาวชนโนราในชื่อ “กลุ่มรักษ์โนรา” รวม 6 กลุ่ม จำนวนประมาณร้อยกว่าคน กลุ่มโนราเยาวชนปัจจุบันคือ “กลุ่มรักษ์โนรา ตำบลคูเต่า” กลุ่มนี้ฝึกมาปีนี้ย่างเข้าปีที่ 11 แล้วค่ะ
เราได้ใช้ศาสตร์เหล่านี้มาต่อยอดมากน้อยแค่ไหน มีการเปิดสอนเรียนอย่างไร
- เหมือนที่บอกว่าศิลป์และศาสตร์ของการแสดงโนรา การสืบทอดโนรา เกิดจากความผูกพันที่เกิดจากสายเลือดที่มีอยุ่ในตัวเรา มันจะเกิดขึ้นกับลูกหลานบางคนไม่ได้ทุกคน พ่อแม่ก็ปล่อยให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการดู การฟัง การแสดงที่เราเห็นมาตั้งแต่เริ่มจำความได้จนพ่อแม่จากไป จนคณะยุติบทบาทการแสดงไป ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความชอบ ความศรัทธา ผู้ที่เข้ามาสืบทอดโนราเชื่อมาว่าได้ถูกครูหมอโนราตายายหรือเบื้องบนได้กำหนดไว้แล้ว ไม่มีใครจะเข้าสืบทอดโดยสมัครตัวเข้ามาทำตรงนี้ได้ พี่ได้นำศิลปะการแสดงโนรามาต่อยอดและพัฒนาชุดการแสดงโนราขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุ ที่ต้นสายตระกูลของพี่ฝ่ายพ่อเป็นศิลปินโนราเมืองตรัง ต้นสายตระกูลโนราของฝ่ายแม่เป็นศิลปินโนราเมืองนครศรีธรรมราช
พี่จึงได้พัฒนาท่ารำโดยนำเอาท่ารำของทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่มาผสมผสานกัน โดยเน้นท่ารำโนราโบราณของฝ่ายแม่ที่แม่เคยแสดงไว้เป็นหลัก เพราะฝ่ายแม่โดดเด่นทางการร้องรำทำบท ส่วนฝ่ายพ่อของนำท่ารำของพ่อบางท่า ท่าของโนราจังหวัดตรังท่าสำคัญๆบางท่า รวมถึงการแต่งบทกลอนโดยใช้แนวทางการแต่งกลอนของพ่อมาประพันธ์บทกลอนใหม่ใช้ในการแสดงของเด็กๆ บางช่วงบางตอนก็นำเอาบทกลอนที่โดดเด่นและไพเราะของพ่อเข้ามาประพันธ์ร่วมกันกับกลอนที่แต่งขึ้นใหม่ ใช้ในการแสดงโนราของเยาวชนโนราที่ฝึกสอนตลอดมา การแสดงชุดใหม่ที่พัฒนาขึ้นดังกล่าวจึงมีรูปแบบที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มที่พี่ฝึกสอนค่ะ
เล่าถึงความภาคภูมิใจของมโนราห์ครอบครัวของตนให้ฟังหน่อยหน่อยค่ะ
- ต้องบอกว่าภาคภูมิใจทั้งความสามารถในด้านการแสดงโนราของพ่อแม่มาก การพัฒนาโนราโดยยังคงรักษารูปแบบการแสดงโนราไว้อย่างครบถ้วน ส่วนหนึ่งทำให้โนรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ สร้างฐานะ สร้างหลักปักฐานได้ โนราที่เคยถูกมองจากพวกเต้นกินรำกิน เริ่มได้รับการยอมรับ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ได้รับการยอมรับจากสาธารณะชนมากขึ้น การพัฒนารูปแบบโนราในยุคสมัยนั้นพ่อก็ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายแต่พ่อไม่เคยโต้ตอบ เป็นศิลปินที่มีความโอบอ้อมอารี ความเป็นตัวของตัวเอง ยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าดีงามแล้วทำต่อไปแม้จะต้องได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายท่านก็ผ่านไปจนได้
นอกจากนี้ยังภาคภูมิใจในการบริหารจัดการคณะของพ่อเอง ปฏิบัติตนในฐานะนายโรง และในฐานะโนราที่มีชื่อเสียง ทราบกันโดยทั่วไปว่าพ่อมีพรสวรรค์ มีความโดดเด่นมากเรื่องการขับกลอนมุตโตหรือกลอนสด ซึ่งพ่อมีปฏิภาณตรงนี้ จนมีผู้กล่าวถึงท่านว่า “ศิลปินโนราผู้มองเห็นแสงสว่างแห่งทางกลอน ยอดโนรามุตโต หรือโนราเติมคือโนราของประชาชน” การนำเอานวนิยายมาแสดง การยกพื้นเวทีให้สูงขึ้นในยุคที่ท่านมีชื่อเสียงจากเวทีบนพื้นดินเป็นการยกเวทีให้สูงขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านได้มองเห็นการแสดงอย่างทั่วถึง การนำเอาเครื่องปั่นไฟฟ้า ไฟฟ้ามาใช้บนเวทีการแสดง ต่อมาก็มีการเปลี่ยนแปลงการแสดงการแสดงจากกลางวันเป็นกลางคืนเพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องทิ้งนา ทิ้งไร่มาดูโนรา อีกทั้งอากาศในช่วงกลางคืนยังเย็นสบายดีกว่า ประทับใจที่พ่อที่มีความนอบน้อมถ่อมตน ให้เกียรติยกย่องผู้อื่นเสมอแม้คู่แข่งขันประชันโรงด้วย
การปกครองดูแลลูกน้องทุกคนเท่าเทียมกันเสมือนหนึ่งญาติพี่น้อง รายได้จากการแสดงพ่อส่วนหนึ่งหลังจากหักค่าตอบแทนลูกน้องๆและเพื่อการทำงานของพ่อแล้วพ่อจะทำบุญให้กับวัดวาอาราม การจัดสร้างโรงเรียน โรงพัก สมาคมต่างๆ ดังปรากฏในบทกลอนมุตโตที่พ่อขับไว้เป็นหลักฐานมากมายหลายวาระ นั่นทำให้พี่ได้รู้ถึงความเป็นตัวตนของพ่อแม่และชาวคณะมโนราห์เติม วิน วาดว่า อาชีพโนราของท่านสร้างคุณูปการไว้กับสาธารณชนอย่างมากมาย ได้มาแล้วก็รู้จักแบ่งปันให้สังคม นั่นทำให้ท่านมีชื่อเสียงและเป็นที่รักและศรัทธาของทั้งศิลปินพื้นบ้านด้วยกัน เพราะชั่วชีวิตของพ่อได้ให้การส่งเสริมสนับสนุนทั้งโนราและหนังตะลุง รับมาแข่งขัน รับมาแสดงโนราด้วยกัน มอบค่าตอบแทนให้อย่างยุติธรรม
ศิลปินพื้นบ้านในยุคสมัยก่อนที่พ่อรับมาแสดงด้วยกันคือลุงกั้น “หนังกั้น ทองหล่อ” จนชาวบ้านชื่นชอบ ถ้ามีการแสดงของ “โนราเติม ตรัง หนังกั้นสงขลา” เมื่อไหร่ชาวบ้านก็จะชอบ ทั้งสองคณะมีชื่อเสียงมากจนมีวลีทองกล่าวถึงสองท่านไว้ว่า “หนังสงขลา โนราตรัง” หนังตะลุงดังต้องหนังกั้นสงขลา โนราที่ดังต้องโนราเติม มาจากจังหวัดตรัง” จากผลงานและคุณงามความดีที่พ่อแม่ได้เคยสร้างสรรค์ไว้ในอดีต ทำให้พ่อและแม่ในนามคณะ “มโนราห์เติม วิน วาด” ยังคงเป็นที่รักและศรัทธาของศิลปินพื้นบ้านและชาวบ้านไปทั่วภาคใต้ กว่าจะได้รับการยอมรับในเรื่องเหตุของความจำเป็นที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบการแสดงโนราเพื่อให้โนราได้ดำรงคงอยู่ได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี พ่อต้องผ่านคำวิพากษ์วิจารณ์อะไรมามากมายจริงๆ ซึ่งมีบทกลอนมุตโตของพ่อได้ขับไว้ว่า
“คนแต่แรกเขานินทาว่าโนรากับหนัง ว่าตอนหลังจะต้องวกตกภลำ
คนเต้นกินรำกินเขาว่าศิลป์ต่ำ เติมขอนำให้ก้าวหน้าถึงอนาคต
กันปากคนนินทาว่าเติมชั่ว ต้องทำตัวแล้วทำให้ถูกกำหนด
ไม่ใช้เติมพูดโมหรือโป้ปด ผมจำจด้สิ้นคนนินทา
ว่าพวกกินใต้แชงแหลงใต้ไม้ พวกนั้นไร้การนึกการศึกษา
ไม่มีโค มีควาย มีไร่นา ไม่มีเคหาพักผ่อนนอนตาย...”
จากบทกลอนของโนราเติมบทนี้ได้ขับไว้จากประสบการณ์ที่ศิลปินโนราถูกมองว่าเป็นพวกเต้นกินรำกินมาก่อน คงเป็นเหตุให้พ่อมีแรงบันดาลใจมุ่งมั่นและตั้งใจพัฒนาโนราในหลายๆด้าน รวมถึงการสร้างรายได้โดยการจัดสวนสนุกขึ้นเพื่อหารายได้โดยพึ่งพาตนเอง จนมาถึงจุดหนึ่งที่โนรายืนหยัดอยู่ได้อย่างทุกวันนี้
โนราเติม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2514 ขณะอายุได้ 56 ปี ด้วยผลงานที่โนราเติมได้สร้างสรรค์ไว้ในอดีตอย่างมากมายจนเป็นที่ยอมรับ โนราเติมได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น “บรูพศิลปิน” เมื่อวันที่ 21 กรกฏาคม 2559 หลังจากท่านได้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 45 ปี นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าแม้โนราเติมได้จากไปนานแล้ว แต่ผลงานและความดีงามของท่านยังคงอยู่กับภาคใต้กับประเทศไทยชองเราเสมอมา
ทิ้งท้ายเกี่ยวกับเรื่องโนรา เช่นอยากให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงโนราอย่างไรบ้าง ความคาดหวังในอนาคต
-โนราถือเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูง เป็นมรดกทางการแสดง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้ ของประเทศไทย จนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ยูเนสโก หรือ UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ 'โนรา' หรือ 'มโนราห์' ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยมของคนในภาคใต้ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ถือเป็นความงดงามทางวัฒนธรรมของชาติเรา
กว่าศิลปะการแสดงโนราจะงดงามมาถึงทุกวันนี้ ศิลปินโนรายุคก่อนๆ ท่านได้ทุ่มเทเสียสละ มีความศรัทธาสืบทอดกันมายาวนานมาก ทุกคนจึงควรภาคภูมิใจและธำรงรักษาไว้ให้ดีงามต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน และผู้ที่ชื่นชอบที่จะเข้ามาสืบทอดร่วมกันตรงนี้ให้สืบทอดกันอย่างจริงจังและด้วยความศรัทธาเพื่อให้ “โนรา” ได้มีการสืบทอดต่อไปจากรุ่นไปสู่รุ่นอย่างไม่ขาดสายต่อไป
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ลูกหลาน ลูกศิษย์โนราอาชีพพื้นบ้าน โนราในสถาบันการศึกษา และผู้สืบทอดทุกกลุ่ม ทุกท่านที่ยังคงสืบสานโนราของบรรพชนอยู่ให้ทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในการสืบทอดของลูกหลาน ลูกศิษย์บางท่านที่แม้จะมีความยุ่งยากลำบาก เพราะต้องบริหารจัดการด้วยตัวเองอย่างมากมาย ให้ถือว่าเป็นขนบธรรมเนียมที่เราจะต้องสืบสานและปฏิบัติให้ดีงามและปฏิบัติอย่างตั้งใจต่อไป เพราะโนราคือความงดงามทางการแสดง และมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเร้นลับที่ยากจะหยั่งถึง การปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงามครูหมอโนราตายายจะอยู่คอยปกป้องในการทำความดี การกระทำที่ถูกต้องเสมอค่ะ
"หลวงทุ่งจินดา"ขวัญใจเด็กสะเดาแจกนมขนมฟรี ทำมานานกว่า 17 ปี เราเป็นผู้ให้ที่มีความสุข
29 เมษายน 2567 | 436"คนสงขลา" ศิษย์เก่า ม.ขอนแก่น รุ่นที่ 1หมายเลขนักศึกษา 001 คณะเกษตรศาสตร์
6 กุมภาพันธ์ 2567 | 30,439"เจ๊หลั่น"ทายาทโรงขนมเหนียนเกาหรือขนมเข่ง ทำมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ กว่า 40-50 ปี หนึ่งเดียวในสะเดา
31 มกราคม 2567 | 2,575ผู้ก่อตั้งเพจเรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู คอมมูนิตี้ที่เปิดกว้างต้อนรับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการจะเปิดประสบการณ์การดูหนังที่ไม่เหมือนใคร
5 มกราคม 2567 | 2,770"น้องน้ำฝน"นางสาวสมิหลาสงขลา ประจำปี 2566 สวย เก่ง ครบ สมตำแหน่งที่ได้รับ
6 กรกฎาคม 2566 | 13,684"เซียวบ๊ะจ่าง"ป้าจำลอง ความอร่อยกว่า 80 ปี บ้านทับโกบสะเดา สูตรอาม่าชาวแต้จิ๋ว เมืองซัวเถา ประเทศจีน
21 มิถุนายน 2566 | 1,732ผู้ก่อตั้งเพจ Hatyai Connext กลุ่มคนขับเคลื่อนเมืองหาดใหญ่ ผ่านการสื่อสารที่เป็นเอกลักษณ์ในมุมมองใหม่
30 พฤษภาคม 2566 | 2,948"หินสีครีม"ช่างซ่อมหนังสือหนึ่งเดียวในย่านเมืองเก่าสงขลา
28 ธันวาคม 2565 | 3,020