สาวงามไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับคำว่าหน้าตาดีอย่างเดียว วันนี้ หาดใหญ่โฟกัส จะพาไปทำความรู้จักกับสาวสวยที่อายุเพียง 28 ปี แต่มีความโดดเด่นที่แฝงไปด้วยความคิดในการพัฒนาชุมชนที่เขาอาศัยอยู่ด้วยวิธีความคิดแบบคนรุ่นใหม่ เธอมีชื่อว่า ทิยา ชัยสงคราม อายุ 28 หรือเรียกว่าพลอย จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่จะบอกเล่าประสบการณ์และวิถีชีวิตของเราให้ชาวหาดใหญ่โฟกัส ได้อ่านไปพร้อม ๆ กัน
อยากให้พี่พลอยกล่าวถึงแรงบันดาลใจ จุดเริ่มต้นในการทำเลอค่า ภูมิปัญญาไทยที่ตนเองทำมา?
-ย้อนไปในช่วงนั้นได้มีโอกาสเข้าร่วมเดินทางทำงานกับทีมรุ่นพี่ที่ทำ project ของ CIV (creative industry village) ของกระทรวงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินรายการ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน youtube ช่อง Tiya on my world หลังจากได้สัมผัสวิถีชุมชนอย่างแท้จริง จึงทำให้รู้ว่าการใช้ชีวิตเรียบง่ายมันคือความสุขที่แท้จริง และทุกชุมชนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป แต่เรามาสะดุดตากับบ้านดุหุน จ.ตรัง ซึ่งสินค้าที่สานทั้งหมดมาจากเตยปาหนัน เส้นเตยที่เขาสานจัดว่าเป็นงานที่ละเอียดมาก ชุมชนนี้มีความตั้งใจและขยันเพื่อที่จะได้สินค้ามีคุณภาพมากที่สุด จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่อยากร่วมมือกับบ้านดุหุน และเริ่มวาง project ต่อยอดด้วยชื่อแบรนด์ว่า เลอค่าสยาม
ปัจจุบันโครงการที่เราทำ มันต่อยอดไปได้ขนาดไหน ผลตอบลัพธ์จากการที่เราทำสิ่งที่ตนเองรัก?
-ปัจจุบันนี้เลอค่าสยามได้กระจายสินค้าของชุมชนบ้านไปยังลูกค้าที่ต้องการ มากกว่า 1,000 ชิ้น ภายในไม่กี่เดือนที่เราทุ่มเทแรงกาย แรงใจให้กับแบรนด์เลอค่า และให้กับชุมชนบ้านดุหุน รายได้ที่เราได้มาทั้งหมดนั้นเราได้นำไปต่อยอดโดยการเปิดธุรกิจเพิ่มเติม ก็คือ ดิบดีแคมป์ นอกจากจะเป็นคาเฟ่และแคมป์แล้วนั้น เรามี project D.I.Y By ดิบดี อีกไม่นาน เพื่อช่วยส่งเสริมผู้ที่มีแนวความคิดใหม่ ๆ งานศิลป์ หรือทุก ๆ แนวงานที่สร้างสรรค์ เป็นการกระจายรายได้คืนสู่คนในชุมชน และช่วยพัฒนารายได้คนในชุมชนคลองหอยโข่งให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สุดท้าย ทั้งเลอค่าสยาม และ ดิบดีแคมป์ มีแนวคิดบริหารไปในแนวทางเดียวกัน
ในอนาคตหากเป็นไปได้อยากจะพัฒนาท้องถิ่นของเรา สร้างเอกลักษณ์อะไรบ้าง ที่ทำให้คนรู้จักชุมชนมากขึ้น
-ปัจจุบันและอนาคตเรามีแผนแล้วว่า เลอค่าสยาม และ ดิบดีแคมป์ ต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กัน อย่างเลอค่าสยามเราสามารถเพิ่มสินค้ามากขึ้นเป็นงานภูมิปัญญาของคนในพื้นที่ที่เราอยู่ได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และ ดิบดีแคมป์เราได้สร้างเอกลักษณ์โดยเปิดคาเฟ่ในป่ายาง
ซึ่งป่ายางนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ หลายคนอาจมองข้าม และ สนใจแต่ทิวทัศน์ภาคอื่น ๆ ความจริงแล้วสิ่งที่เราช่วยกันสร้างแคมป์นี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ภาคอื่น ๆ ได้สนใจและเห็นเอกลักษณ์ของบ้านเรา รวมถึงคนในชุมชนจะได้เข้ามาสัมผัสสวนยางแท้ ๆ ของภาคใต้ รวมถึงรวบรวมผลงานของคนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นงานสร้างสรรค์ งานเพ้นท์ งานต้นไม้ งานศิลป์ งานดนตรี พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ และแนวความคิดนี้ก็ต้องยกให้พี่หรั่งด้วยค่ะ เนื่องจากที่นี่เป็นที่ที่เราทั้ง 2 คนช่วยกันทำ
โดยทั้งหมดที่เราทำมาจุดเป้าหมายหลักคือคนสามารถเข้ามารู้จักกับชุมชนได้มากขึ้น เข้ามาสัมผัส มันก็จะทำให้เกิดรายได้ทั้งในส่วนของตัวเลอค่าที่พี่พยายามทำและผลักดัน จะช่วยส่งต่อผลิตภัณฑ์ออกไปยังท้องตลาดอย่างมีคุณภาพ ชุมชนของเราก็มีรายได้ คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นตามลำดับ เราก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก
"โกหล่าย" ทายาทรุ่นที่ 2 ร้านตัดผมสมบูรณ์เกษาหาดใหญ่
21 สิงหาคม 2567 | 415ดอกผลของความเพียร สู่ทุเรียนสองฝนสวนบังบา สวนแรกเริ่มจัดงานบุฟเฟต์ทุเรียน(เขาพระ)
18 สิงหาคม 2567 | 228ป้าแอด หญิงแกร่งแห่งอำเภอรัตภูมิ ยึดอาชีพทำนาจนเกิดเป็นแบรนด์ข้าวสังข์หยด สบายแสนคูหาใต้
23 มิถุนายน 2567 | 694"ลุงแจ้ว"สามล้อถีบรุ่นสุดท้ายแห่งเมืองสงขลา ขี่สามล้อถีบมากว่า 59 ปีกับอาชีพที่รักและมีความสุข
13 มิถุนายน 2567 | 1,012"หลวงทุ่งจินดา" ขวัญใจเด็กสะเดา แจกนมขนมฟรี ทำมานานกว่า 17 ปี ผู้ให้ที่มีแต่ความสุข
29 เมษายน 2567 | 840"คนสงขลา" ศิษย์เก่า ม.ขอนแก่น รุ่นที่ 1หมายเลขนักศึกษา 001 คณะเกษตรศาสตร์
6 กุมภาพันธ์ 2567 | 27,793