ด้วยการดำรงชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นขึ้นอยู่กับสภาพทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ตลอดจนวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น ที่เป็นตัวกำหนดลักษณะและรูปแบบการสัญจรในแต่และช่วงเวลา กล่าวคือทั้งนี้ในอดีตเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 22 (พ.ศ.2162-2223) บริเวณปากอ่าวทะเลสาบสงขลา คือ บริเวณเมืองสงขลาริมเขาแดง เริ่มมีบทบาทกลายเป็นเมืองท่าในการติดต่อค้าขายที่สำคัญ โคยทำการค้ากับประเทศบริเวณแหลมมลายูและกลุ่มนักเดินเรือต่างชาติที่เดินทางเข้ามา
ครั้นถึงปี พ.ศ.2312 สมัยกรุงธนบุรี ทะเลสาบสงขลาขยายตัวเป็นชุมชนการค้าอย่างรวดเร็ว ทำให้การสัญจรในพื้นที่รอบทะเลสาบมีคึกคักมากขึ้น ทำให้พื้นที่ทะเลสาบคลาคล่ำไปด้วยเรือที่มีขนาดและลักษณะต่าง ๆ จำนวนมาก ทั้งเรือพาย เรือแจว เรือใบ เรือประทุน รวมทั้งเรือยนต์หรือเรือเมล์ที่เข้ามามึบทบาทในช่วงหลังมาในช่วงหลัง
(เรือแจว พาหนะหลักที่ใช้ในการสัญจรในทะเลสาบสงขลา ก่อนถึงยุคเรือเมลล์)
การไปมาหาสู่กันระหว่างชุมชนของผู้คนรอบทะเลสาบสงขลาที่เชื่อมต่อถึง 3 จังหวัด ทั้งพัทลุง นครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา เนื่องจากชุมชนและผู้คนรอบทะเลสาบนั้นมีความผูกพันกับทะเลสาบ ในฐานะเป็นทางสัญจร โดยอาศัยเรือเป็นยานพาหนะหลัก มายาวนานตั้งแต่อดีต โดยใช้เรือพาย เรือแจว และเรือใบ เป็นพาหนะหลัก
ต่อมาจึงพัฒนาเข้าสู่ยุคเรือเมล์ ที่เข้ามามีบทบาทเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวพื้นที่รอบทะเลสาบสงขลาได้ มีการเปิดเส้นทางเรือเมล์ในการสัญจรขึ้น ระหว่างชุมชนที่มีความต้องการใช้สูง โดยเปิดวิ่งระหว่างอำเภอเมืองสงขลา อำเภอระโนดจังหวัดสงขลา และอำเภอปากพะยูนของจังหวัดพัทลุง
(เรือใบบรรทุกข้าว ในทะเลสาบสงขลา)
ซึ่งการติดต่อสัญจรมีสะดวกและรวดเร็วกว่าการ ใช้เรือแจว หรือเรือใบที่ต้องใช้เวลาถึง 2 วัน 2 คืนเป็นอย่างน้อยในการเดินทาง ซึ่งนับเป็นจุดสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่มีพัฒนาการในการ ติดต่อสื่อสารระหว่างชุมชนรอบทะเลสาบในแต่ละช่วงเวลา ส่วนการสัญจรทางบกจะใช้เดินเท้าหรือแรงงานสัตว์เป็นพาหนะช่วยทุ่นแรงในการไป มาหาสู่กับชุมชนใกล้เคียง และได้พัฒนาไล่เรียงมาเป็นลำตับตามแต่ละช่วงเวลา
(เรือเมลล์ ที่ใช้โดยสารในทะเลสาบสงขลา ระหว่างระโนด-ปากพนัง )
จากยุคของการใช้เรือพาย เรือแจวของชาวบ้านได้พัฒนาขึ้นมาเป็นยุดของเรือเมล์โดยสาร และตามมาด้วยยุคของรถยนต์โดยสารแบบรั้วไม้เข้ามามีบทบาทตามลำดับ ซึ่งก่อนจะมีรถไฟและทางรถยนต์กันในภายหลัง โดยสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นได้ที่การพัฒนาขึ้นอย่างจริงจังได้เริ่มสร้างทางรถไฟสายใต้ขึ้น
(ท่าเรือเมลล์ในอดีต ต้้งอยู่ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ)
และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งคือการเริ่มมีการตัดถนนสายหลักในปี พ.ศ.2516 มี การตัดถนนสายสงขลา-ระโนด ไปเชื่อมต่อนครศรีธรรมราชทำให้ผู้คนทางคาบสมุทรสทิงพระ เดินทางได้สะดวกมากขึ้นทุ่นเวลากว่าใช้เรือเมล์ส่วนทางฝังพัทลุงมีการตัดถนนที่สามารถเดินทางไปหาดใหญ่-ตรังและอื่นๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางรูปแบบสัญจร ภายหลังจากมีถนนที่สะดวกมากขึ้นทำให้การสัญจรทางน้ำได้ถูกลดบทบาทลงไปตามลำดับจนถึงปัจุบัน
ขอบขอบคุณภาพ/ข้อมูลบทความ : รัชกานต์ ฉิมประเสริฐ.พัฒนาการของเรือนพื้นถิ่นฯ.มหาวิทยาลัยศิลปากร
ตำนานเล่าขานบ้านเขาพระ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
19 พฤษภาคม 2567 | 253เจดีย์แห่งศรัทธา เจดีย์สมเด็จเจ้าเกาะยอ กับประเพณีแห่ผ้าขึ้นเขากุฏิ
19 พฤษภาคม 2567 | 175อุโบสถวัดดีหลวงใน ร่องรอยความเจริญของพุทธศาสนาบนคาบสมุทรสทิงพระ ในสมัยอยุธยา
19 พฤษภาคม 2567 | 173บ้านคูน้ำรอบ หมู่บ้านที่เป็นเกาะหนึ่งเดียวในอำเภอจะนะ
12 พฤษภาคม 2567 | 287อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของไทย
12 พฤษภาคม 2567 | 239รู้จัก...กริชสกุลช่างสงขลา ศราตราวุธศักดิ์สิทธิ์ สะท้อนความเชื่อ-อัตลักษณ์ของคนใต้
12 พฤษภาคม 2567 | 219ย้อนรอย 3 เรือบรรทุกขนาดใหญ่ ถูกพายุพัดเกยตื้นชายหาดชลาทัศน์-แหลมสนอ่อน
5 พฤษภาคม 2567 | 369รู้หรือไม่ ศาลาท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บนเขาชุมสักภายในสวนสาธารณะหาดใหญ่
5 พฤษภาคม 2567 | 307