หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

วิถีชีวิต

"บังเลาะ"ชายพิการแต่กำเนิด แขนมีเพียงแค่ข้อศอก สู้ชีวิตด้วยนิ้วโป้งเพียงข้างเดียว
3 กันยายน 2563 | 7,133

โลกสร้างมนุษย์มาแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีครบทั้ง 32 บางคนไม่ครบ อีกหนึ่งเรื่องราวของคนสู้ชีวิตที่ไม่เคยย้อท้อต่อความลำบากของตนเอง วันนี้หาดใหญ่โฟกัส ขอพาทุกคนที่กำลังท้อ หรือตกอยู่ในสภาะแบบนี้ไปรู้จักกับ "บังเลาะ" หรือนายอับดุลเลาะ มะลี ในวัย 30 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 40/4 หมู่ที่ 2 ตำบล สะบ้าย้อย อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา อาศัยอยู่กับครอบครัว มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ผมเป็นคนที่ 4 เป็นคนพิการมาตั้งแต่กำเนิด แขนมีเพียงแค่ข้อศอก ส่วนข้างซ้ายจะมีเหมือนนิ้ว 1 หนึ่ง เลยเป็นที่มาของชื่อ "แบเลาะ" นิ้วเดียว 

ซึ่งบังเลาะได้เล่าถึงชีวิตบังเลาะให้เราฟังคร่าว ๆ ว่าในแต่ละวันบังเลาะพยายามใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วยการแบ่งเวลาไปเรียน เพื่อที่จะเอาความรู้มาต่อยอดในด้านการงาน รวมทั้งต้องหาเวลาในการเพ้นท์สีเสื้อขายในช่วงว่าง ๆ เพื่อที่จะมีรายได้ประทังตนและครอบครัว เพราะว่าในช่วงนี้บังเลาะต้องพยายามออกกำลังกายที่หลาย ๆ คนเห็นจากหน้าเฟซบุ๊ก เพื่อที่จะให้ร่างกายแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา พร้อมในการประกอบชีพ ผมมีนิ้วโป้งแค่นิ้วเดียว แต่กลับไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนคนทั่วไป และไม่เลือกเป็นภาระใคร แต่เลือกที่เป็นต้นแบบให้สังคม

ซึ่งวันนี้เราก็ได้มีบทสัมภาษณ์ดี ๆ จากบังเลาะมาบอกเล่าให้เป็นแรงใจในการสู้ชีวิตของใครอีกหลายคนบนโลกใบนี้ เรื่องราวและบทสัมภาษณ์จะน่าติดตามอย่างไร เราไปฟังความคิดของชายที่พิการ แต่หัวใจยิ่งใหญ่คนนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย

เหตุผลอะไรที่ทำให้ตัวบังเลาะรู้สึกว่าเราต้องสู้มาถึงทุกวันนี้? 

-ในฐานะที่ผมเกิดมามีเพียงผมคนเดียวในครอบครัวที่พิการ พี่น้องทุกคนก็ปกติทั้งหมด และเห็นพี่ ๆ ได้ไปเรียนหนังสือ ตัวผมเองมีความรู้สึกอยากที่จะเรียนเหมือนกับพี่ ๆ เลยไปบอกพ่อแม่ ว่าถ้าผมจะเรียนด้วยได้หรือไม่ ลึก ๆ ของพ่อแม่ก็ไม่อยากให้เราเรียน เพราะท่านกลัวว่าเราจะเข้ากับเพื่อน ๆ ไม่ได้ เหตุผลอีกอย่างที่ท่านไม่อยากให้เรียนคือท่านกลัวว่าจะมีเพื่อนมาคอยมาแกล้ง หรือล้อเราที่โรงเรียน แต่ท่านก็ไม่ได้ขัดเรา ผมเลยไปถามครูที่โรงเรียนว่ารับเด็กพิการเรียนไหม สมัยนั้นทางภาครัฐยังไม่เปิดโอกาสมากในการศึกษาของคนพิการ แต่โชคดีของผม ที่ทางโรงเรียนได้รับผมเข้าเรียนเหมือนกับคนปกติ

แน่นอนเมื่อเราอยู่ในสังคมใหม่ ย่อมมีคนที่ไม่คอยพอใจกับเรานั้นคือเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งที่คอยแกล้งคอยหยอกล้อเรา บางที่ก็ทำให้เราน้อยใจจนคิดที่จะหยุดเรียนเพราะความน้อยใจเพื่อน ๆ และเรากลับมาฟ้องพ่อแม่ พ่อแม่ก็บอกว่าถ้าเราคิดที่จะเรียนแล้ว เราต้องเรียนให้จบ เพราะเราเลือกที่จะเรียน ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ได้บังคับตัวเราเลย มันอยู่ที่เราเลือกเอง

ในตอนนั้นเราเลือกที่จะเรียนต่อ เราก็ต้องไปเรียนทุกวันเ และทนฟังคำดูถูกจากเพื่อน ๆ ที่คอยดูถูกว่าคนพิการอย่างแกจะไปถึงไหนอาจจะเรียนไม่จบ ถ้าจบก็อาจจะจบแค่ชั้น ป.6 คงไม่จบสูงไปกว่านี้แล้ว เราได้ยินประโยคนั้นทุก ๆ วันจนมีความคิดว่าสักวันเราต้องเรียนให้สูงกว่าเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ให้ได้ และนี้คือเหตุผลที่ทำให้เรามาถึงจุด ๆ นี้ เราเอาคำดูถูกจากเพื่อน ๆ มาเป็นแรงผลักดันให้เราไปถึงจุดที่เราขาดจนมามีในทุกวันนี้

ความคาดหวังในชีวิตที่เราต้องการหลังจากนี้ เมื่อหันไปมองคนที่พิการด้วยกันในสังคม? 

- สำหรับผม ผมมองว่าในสักวันผมคาดหวังว่าเราต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าคนพิการไม่จำเป็นต้องพี่งใคร คนพิการสามารถที่ใช้ชีวิตเมือนกับคนปกติได้ อยากจะเห็นเพื่อน ๆ ที่พิการออกดูโลกภายนอกบ้าง อย่างมองแค่ตัวเอง โลกมันเปิดกว้าง เรามีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาตัวเองให้ก้าวไกลได้อยู่เสมอ แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกยืนที่จุดไหน ทำอย่างไร บางคนเห็นว่าเราเกิดมาเป็นแบบนี้ แล้วต้องยอมแพ้ตลอดชีวิตมันไม่จริงหรอกครับ

มีสิ่งใดบ้างในตัวบังเลาะที่อยากจะพัฒนาต่อไปควบคู่ต่อยอดเรื่อย ๆ ?

- ตอนนี้ผมอยากพัฒนาตัวเองในเรื่องของฝีมือการใช้คอมพิวเตอร์ ฝีมือในการตัดต่อวีดีโอทั้งหมดที่สามารถโปรโมทงานที่ผมทำให้ นั่นก็คือการเพ้นท์เสื้อขาย และอยากเรียนรู้ในด้านของการถ่ายภาพมาก ถ้าผมเรียนรู้ได้มาก ผมก็จะสามารถถ่ายภาพผลงานผมลงโปรโมทได้อย่างสวยงาม โดยที่ไม่ต้องจ้างใครให้เปลืองค่าใช้จ่าย

อยากให้บังเลาะกล่าวให้กำลังใจคนพิการทั่วทุกจังหวัด พร้อมบอกหลักการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ?

-มันไม่สำคัญว่าเราจะเกิดมามีชีวิตแบบใน จะพิการ หรือปกติ แต่สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะเหลือกใช้ชีวิตแบบในตั่งหาก คนพิการก็สามารถที่มีชีวิตที่ดีได้ ขอแค่เราสู้ คนอื่นให้ได้แค่กำลังใจ ต่อให้คนทั้งโลกนี้ให้กำลังใจ แต่ถ้าเราไม่ให้กำลังใจตัวเอง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่มีใครที่อยากเกิดมาพิการ แต่เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เอาคำดูถูกหมิ่นประมาท มาเป็นแรงผลักให้เราไปถึงความฝันให้ได้

เพราะตราบใด "ที่มองเห็นขี้ตาของตัวเอง แม้ว่ามันจะอยู่ใกล้ตาของตัว ถ้าไม่มีคนบอกหรือสองกระจกดู ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราก็เช่นกัน หากเราแก้ไขไม่ได้ ก็ขอคำปรึกษาจากคนอื่นได้ ทุก ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนมีทางออกอยู่ทั้งนั้นสู้ ๆ นะ อย่าเพิ่งท้อกับบททดสอบที่หนักหนาในครั้งนี้ ไม่มีใครหรอกที่ชอบคำดูถูกคำเหยียดหยาม มานั่งคิด ๆ ไปแล้วนะ ถ้าไม่มีคำกล่าวเหล่านั้นนั้น เราคงไม่มีถึงวันนี้ ขอบคุณคำดูถูกวันนั้น ที่ทำให้มี "บังลเลาะ นักเลงนิ้วเดียว" ในวันนี้

 

 

 

 

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง