นายนิพันธ์ ผาแสง ในวัย 36 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี ได้กล่าวว่ากลุ่มชันโรงที่นี่กลุ่มเล็ก ๆ เกิดจากความตั้งใจของสมาชิก 8 คน ใช้เวลาหลังจากเลิกงานมาทำ ซึ่งต้องบอกว่าการเลี้ยงชันโรง เพราะบ้านเรามีชันโรงเยอะมากเพราะธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ มีชันโรงอยู่ตามต้นตาล
แต่ก่อนไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลยหรือถ้าอยู่ตามบ้านของคนในหมู่บ้านเขาก็จะเผาทิ้งหมด แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนไปแล้วชาวบ้านบ้านไหนที่เห็นชันโรงก็จะมาตามพวกผมไปเก็บรังของชันโรงตามต้นตาล ชันโรงที่มาตอมเกสรดอกเสม็ดขาวในป่า จะเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ไประหว่างที่เก็บเกี่ยวน้ำหวานก็ผสมเกสรไปด้วย
ทางหาดใหญ่โฟกัส เลยไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์เรื่องราววิถีชีวิตของพี่นิพันธ์ เพื่อที่จะให้คนรุ่นหลัง หรือผู้สนใจได้อ่านเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ ที่เกิดขึ้นในตำบลชะแล้ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ของดีที่ใครอีกหลายคนอาจจะไม่ได้รู้จักมากนัก
ก่อนจะมาเป็นวิสาหกิจชุมชนนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร?
- จุดเริ่มต้นจากการเห็นชันโรงตามธรรมชาติตามต้นโตนด และตามบ้านเรือน จึงมีความสนใจหาข้อมูลการเลี้ยงชันโรงจากอินเตอร์เน็ต ประกอบกับพื้นที่ตำบลชะแล้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบ มีต้นโตนดมาก มีชันโรงที่อยู่ตามธรรมชาติเยอะ เลยคิดนำชันโรงที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์ และขยายพันธุ์ให้อยู่คู่ชุมชน
สร้างรายได้ให้กับสมาชิกในการผลิตน้ำผึ้งชันโรง และผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งชันโรง รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ผู้ที่มีความสนใจ ทั้งนี้ได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงชันโรงบ้านชะแล้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสนใจ และใช้เวลาว่างจากงานประจำมาเลี้ยงชันโรง มีสมาชิก จำนวน 8 คน โดยใช้พื้นที่ของสวนปู่เจี้ยง ม.4 ต.ชะแล้ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นสถานที่ในการเลี้ยงชันโรง
ในปัจจุบัน ผลลัพธ์ดีไหม การพัฒนา และต่อยอดในอนาคตวางไว้อย่างไร?
- ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงชันโรงบ้านชะแล้ ได้รับความสนใจจากผู้สนใจเลี้ยงชันโรง เริ่มมีผลผลิตน้ำผึ้งชันโรง และผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งชันโรงจำหน่าย มีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางเฟสบุ๊ค ไลน์ และช่องยูทูบ มีหลายกลุ่มเข้ามาศึกษาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การพัฒนาและต่อยอดในอนาคต
จะดำเนินการในเรื่องการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งชันโรงให้มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม น่าสนใจ สร้างรายได้ให้กับสมาชิกและคนในชุมชน เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับผู้เลี้ยงชันโรง อนุรักษ์ชันโรงให้คงอยู่ในท้องถิ่นตลอดไป ต่อยอดในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต่อไป
ชันโรงที่นี่ดูแลกันยังไง ทำมานานแค่ไหนแล้ว ?
-จริง ๆ เราเริ่มต้นจากอะไรที่เล็กมาก ๆ นะ เริ่มต้นจากการหาชันโรงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ตามต้นโตนด กระบอกไม้ไผ่ ขนำเก่า แล้วนำมาใส่ในรังไม้ที่ต่อขึ้นมา นำมาอนุบาลไว้จนแข็งแรงดี จึงนำมาวางดูแลในพื้นที่สวนปู่เจี้ยง ซึ่งเป็นระบบนิเวศป่าชายเลน เต็มไปด้วยดงเสม็ดขาวมีสรรพคุณทางยา
โดยเปิดให้ผู้ที่มีความสนใจมาศึกษาเรียนรู้ทำมาตั้งแต่ปี 2561 และเริ่มรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2562 และเลี้ยงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันมีรังชันโรงอยู่ 160 รัง โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากชันโรง ขวดเล็ก 100 ml ราคา 150 บาท ขวดใหญ่ 200 ml ราคา 300 บาท ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มีสบู่ก้อน สบู่เหลว โลชั่น มันหม่อง อยู่ในระหว่างการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดให้มีคุณค่าต่อชุมชนมากขึ้น
อีกทั้งคนในจังหวัดสงขลาสามารถให้กำลังใจ โดยการแวะมาซื้อผลิตภัณฑ์ให้วิสาหกิจกลุ่มเลี้ยงชันโรงบ้านชะแล้แห่งนี้สามารถก้าวต่อไปได้ และพร้อมที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักศึกษาที่สนใจ หรือต้องการเรียนรู้และสนับสนุนทางกลุ่มของเรา ตัวผมเองก็พร้อมสอนไปทีละขั้น
และในตอนนี้มีตลาดต้องการน้ำผึ้งมาก ชาวบ้านทั้งตำบลชะแล้ และละแวกใกล้เคียงหันมาเลี้ยงชันโรงกันเยอะ ที่สำคัญเป็นการรักษาความสมดุลของธรรมชาติ ทางทีมงานของผมก็จะทำอย่างเต็มที่เต็มต่อไป เพื่อให้เกิดคุณค่าต่อชุมชนที่เราอาศัยอยู่
หากสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจชันโรงบ้านชะแล้ หรือแอดไลน์ nipanwadee
"โกหล่าย" ทายาทรุ่นที่ 2 ร้านตัดผมสมบูรณ์เกษาหาดใหญ่
21 สิงหาคม 2567 | 404ดอกผลของความเพียร สู่ทุเรียนสองฝนสวนบังบา สวนแรกเริ่มจัดงานบุฟเฟต์ทุเรียน(เขาพระ)
18 สิงหาคม 2567 | 224ป้าแอด หญิงแกร่งแห่งอำเภอรัตภูมิ ยึดอาชีพทำนาจนเกิดเป็นแบรนด์ข้าวสังข์หยด สบายแสนคูหาใต้
23 มิถุนายน 2567 | 690"ลุงแจ้ว"สามล้อถีบรุ่นสุดท้ายแห่งเมืองสงขลา ขี่สามล้อถีบมากว่า 59 ปีกับอาชีพที่รักและมีความสุข
13 มิถุนายน 2567 | 1,005"หลวงทุ่งจินดา" ขวัญใจเด็กสะเดา แจกนมขนมฟรี ทำมานานกว่า 17 ปี ผู้ให้ที่มีแต่ความสุข
29 เมษายน 2567 | 837"คนสงขลา" ศิษย์เก่า ม.ขอนแก่น รุ่นที่ 1หมายเลขนักศึกษา 001 คณะเกษตรศาสตร์
6 กุมภาพันธ์ 2567 | 27,791