หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

ประวัติมัสยิดบ้านพลีใต้ คลองทราย นาทวี
19 กรกฎาคม 2563 | 6,841

หลาย ๆ คนคงคุนเคยกับมัสยิด เนื่องจากทางจังหวัดสงขลาเป็นเมืองชายแดนที่ต่างมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม และศาสนา 1 ในนั้น เปแ็นศาสนาอสลามที่มีคนนับถืออย่างมากในจังหวัดสงขลา ที่สำคัญยังคงมีมัสยิดที่มีเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วันนี้หาดใหญ่โฟกัส ขอพาทุกท่านไปทราบประวัติมัสยิดบ้านพลีใต้ ของอำเภอนาทวี ไปพร้อม ๆ กัน

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2472  บ้านพลีใต้เป็นหมู่บ้านที่ราษฎรตั้งบ้านเรือนอยู่กระจัดกระจายไม่หนาแน่นเหมือนในปัจจุบัน  การประกอบศาสนกิจของชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจึงมีมัสยิดถึง 2 แห่ง คือ (1.ข้างบ้านนายดนฟาตะ  ดุหลำยะแม (ในบ้าน) 2.ข้างบ้านนายลีบีน  สาแหละเต๊ะ ซึ่งเป็นที่ดินของนายยีมะเส็น  บ่าวสะหัด) นอกจากนั้นในการทำละหมาดในวันศุกร์ หรือวันฮารีรายอก็จะทำกันตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยบ้าง

ต่อมา สมัยหมื่นนาทวี  ชนเกษม ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านพลีใต้ ท่านก็ได้ใช้บ้านเรือนของท่านเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแทนมัสยิดอยู่ชั่วระยะหนึ่ง  จึงได้บริจาคที่ดินของท่าน ๑ แปลง มอบให้เป็นที่ตั้งมัสยิด (ข้างบ้านนายดนฟาตะ ดุหลำยะแม (ในบ้าน))โดยจัดสร้างมัสยิดขึ้นเป็นอาคารเรือนไม้ชั่วคราว  เรือนไม้มุงจาก พื้นกระดาน ฝากระดาน มีนายหะยีเส็น  ใหนเด เป็นอิหม่าม

ต่อมาในปี พ.ศ. 2479 สมัยนายหลิก   ดุหลำยะแม (พ่ออดีตนายบ้านแอ) เป็นผู้ใหญ่บ้านและมีโต๊ะครู หะยีสนิ  สมะอู (พ่อบาบอยูม)ได้เป็นผู้ประสานเกลี่ยกล่อมและชวนเชิญให้ชาวบ้านพลีใต้ ซึ่งเดิมมีมัสยิดอยู่ 2 แห่ง ได้มาร่วมกันใช้มัสยิดแห่งเดียวกัน โดยชี้แจงให้ทราบเหตุผลว่า เนื่องจากหมู่บ้านพลีเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ และเป็นหมู่บ้านเดียว ก็ควรจะใช้มัสยิดรวมกัน เป็นที่แห่งเดียวเท่านั้น โดยได้ทำการรื้อถอนมัสยิดอีกแห่งหนึ่ง(ข้างบ้านนายลีบีน  สาแหละเต๊ะ ซึ่งเป็นที่ดินของนายยีมะเส็น  บ่าวสะหัด ) ให้มาอยู่รวมกันในที่ดินของ หมื่นนาทวี ชนเกษม บริจาคเพียงแห่งเดียว (ข้างบ้านนายดนฟาตะ  ดุหลำยะแม (ในบ้าน) ) และมี นายหะยีมะตำ  ใหนเด (พ่อของนายดนสุโกด ใหนเด) เป็นอิหม่าม

ต่อมาปี พ.ศ. 2492  มัสยิดแห่งนี้ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย และในปี พ.ศ. 2505 นายหะยีมะตำ ใหนเด โต๊ะอิหม่ามได้พิจารณาเห็นว่า มัสยิดแห่งนี้ชำรุดและคับแคบมาก ประกอบกับสถานที่ไม่เหมาะสม จึงได้ประชุมปรึกษาหารือสัปบุรุษ ในหมู่บ้าน มีมติให้จัดสร้างมัสยิดขึ้นใหม่ และย้ายสถานที่ตั้งใหม่ มาอยู่ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบันนี้ โดยมีผู้บริจาคที่ดินให้เป็นที่ตั้ง คือ

1.นายเจะโกะ   สาหมัด (พ่อของนายมูด  สาหมัด)   มอบให้ 3  งาน  14 ตารางวา

2. นายสาและ   สาสัน (พ่อของนายสุเบต  สาสัน)  มอบให้  2 งาน   20  ตารางวา

3.  นายมาเกบ  บูยูโซ๊ะ(พ่อของอามีเนาะ บูยูโซ๊ะ)   มอบให้ 3 งาน    90   ตารางวา

4.  นางไหมมูเน๊าะ  หมานขมิ๊  (แม่ของนางเนาะ (บ้านต้นลาน) มอบให้ 1 งาน 26

ตารางวา  รวมเป็นเนื้อที่ทั้งสิ้น  3 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา 

โดยเริ่มทำการก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่ขึ้นในวันที่ 9  พฤษภาคม พ.ศ. 2506โดยมีนายหะยีมะตำ ใหนเด เป็นโต๊ะอิหม่ามอำนวยการก่อสร้างไปได้ 3  ปี โดยได้หล่อเสา คาน และฝาผนังเสร็จ  นายหะยีมะตำ  ใหนเด  ก็ถึงแก่กรรม การก่อสร้างก็หยุดชะงักมาชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อปี พ.ศ.2510 ได้มีการประชุมแต่งตั้ง นายตะเหย็บ ขะเดหรี (พ่อของนายสำแอ หลีสะหัด) ขึ้นเป็นอิหม่าม  จึงได้อำนวยการก่อสร้างเพิ่มเติมมาโดยตลอด กระทั้งได้รับงบประมาณจากกรมการศาสนาสนับสนุนบางส่วนจนอาคารสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในขณะนั้น พ.ศ.2532 นายตะเหย็บ  ขะเดหรี  ได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องด้วยโรคชรา หลังจากนั้นได้มีการประชุมคณะกรรมการมัสยิดและผู้อวุโส  ในหมู่บ้านได้แต่งตั้งนายดนสุโกด  ใหนเด  เป็นอีหม่าม ในปัจจุบันนี้ มีผลงานดังนี้

1.ได้จัดตั้งศูนย์เด็กเล็กขึ้นมา 1 หลัง

2.ได้จัดตั้งโรงเรียนศาสนาสอนศาสนาอิสลาม (วันเสาร์-อาทิตย์) ขึ้นมา 1 หลัง 6 ห้อง พร้อมจัดซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนจำนวนเงิน 700,00 กว่าบาท

3. เมื่อปี พ.ศ. 2538 ทางราชการได้คัดเลือกเป็นโต๊ะอิหม่ามดีเด่น รางวัลที่ ๑ของจังหวัดสงขลา ได้รับโหล่เกียรติคุณของพระราชินี พร้อมเงินจำนวน 7,000  บาท

4.ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2540 ได้ส่งเข้าประกวดอิหม่ามดีเด่นอีก ได้รางวัลที่ 3 ของจังหวัดสงขลา พร้อมได้รับ รางวัลโล่เกียรติคุณ ของพระราชินี พร้อมเงินสด 3,000 บาท

เมื่อปี พ.ศ. 2541 ได้จัดตั้ง ชมรมอิหม่ามคอเต็บ  บิหลั่น ในเขตอำเภอนาทวีและได้รับตำแหน่งเป็นประธานชมรม การจัดตั้งชมรมนั้น เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีและให้ความช่วยเหลือระหว่างมัสยิดในเขตอำเภอนาทวี

เมื่อปี พ.ศ. 2543 ได้เลือกตั้งเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลามีผลงานดังนี้

1. การจัดตั้งกองทุนซากาตในมัสยิด

2. ร่วมกันเสนอโครงการจัดมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ได้รับการอนุมัติเป็นที่ เรียบร้อยจากกระทรวงมหาดไทยเป็น จำนวนเงิน ๓๘ ล้านกว่าบาท (เบื้องต้น) ในปี พ.ศ. 2548 ได้หมดวาระดำรงตำแหน่งกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และเมื่อเดือนธันวาคม 2548 ได้สมัครเป็นกรรมการอิสลามสมัยที่ 2 และในปี พ.ศ.2548 ตรงกับเดือนพฤศจิกายน ได้ขออนุมัติจัดตั้งโรงเรียนประถมศึกษาตอนต้น ป.1 พร้อมได้สร้างอาคารเด็กก่อนเกณฑ์ขึ้นมาอีก 3 ห้อง จัดเป็นจำนวนเงินประมาณ 800,000 กว่าบาท

ปี พ.ศ. 2548 เช่นกันได้บูรณะมัสยิดพร้อมต่อเติมเป็นอาคาร 2 ชั้น ใช้งบประมาณ 2,000,000 กว่าบาท โดยเป็นเงินบริจาคของชาวบ้านพลีใต้ เมื่อปี พ.ศ.2549 ตรงกับวันที่ 1กันยายน 2549 ได้เปิดสำนักงานชมรมอิหม่ามขึ้น โดยที่นายดนสุโกด  ใหนเด เป็นประธาน สถานที่ตั้งตรงกันข้ามกับตลาดนาทวี และได้แต่งตั้งคณะกรรมการชมรม 12 คน ได้แบ่งปันหน้าที่ปฏิบัติงานในวันอังคารและวันเสาร์ของทุกๆ สัปดาห์

ต้นปี พ.ศ. 2550 ได้ก่อสร้างอาคารโรงเรียน ๒ ชั้น และอาคารมัสยิดอีก 3 ชั้น เฉพาะโรงเรียนใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด 6 ห้องเรียนพร้อมห้องน้ำห้องส้วมประมาณ 3,000,000 กว่าบาท โดยเงินเก็บเล็กประสมน้อยของโรงเรียน และทางโรงเรียนได้จัดตั้งเป็นมูลนิธิ ภายใต้มูลนิธิของโรงเรียนแสงธรรม  อ.จะนะ จ.สงขลา ทางรัฐจึงได้อนุมัติเงิน ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2550 สำหรับมัสยิดได้เงินจากการรับบริจาคของพี่น้องชาวบ้านพลีใต้ด้วยแรงศรัทธาของพี่น้องนี้เอง ทำให้คณะกรรมการมีกำลังใจในการบริหาร จนเกิดผลสำเร็จเหมือนดั่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

หลังจากนั้นปี พ.ศ. 2554 ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมามาถึงเดือนมิถุนายน ตรงกับวันที่30 ได้ทำการซื้อที่ดินเป็นของโรงเรียน จำนวน 5 ไร่กว่า ๆ จะสร้างโรงเรียนอีก 4 ชั้น จำนวนห้องเรียน 36 ห้องเรียนใช้งบไม่เกิน 4-6 ล้านบาท

ขอบคุณภาพข้อมูล :  นายดนสุโกด  ใหนเด

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง