เมื่อพูดถึง “เบตง” ช่วงแรก ๆ คือกลัวมากที่จะต้องเดินทางไปที่นี่ด้วยความที่เบตงเป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่มีภาพลักษณ์ของความไม่สงบให้เห็นอยู่บ่อย ๆ จนวันนึงมีเพื่อนชวนขึ้นมาว่า “ไปเที่ยวเบตงกัน” เรานึกภาพทะเลหมอกอัยเยอร์เวงสวย ๆ ศึกษาดูรีวิวต่าง ๆ จนมั่นใจ และสลัดความกลัวที่มีทั้งหมดออกไป เพราะอยากไปเบตงสักครั้งนึงในชีวิต เมื่อไปถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้รู้สึกว่าคิดไม่ผิดแล้วที่ตัดสินใจมาที่นี่ เบตง ยิ่งกว่าโอเค จะงดงามขนาดไหนนั้นมาดูกัน
ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 3 คน สามสาวสุดสวย งบประมาณค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1000 บาท แน่นอน
แพลนที่วางไว้คล่าว ๆ ในเวลา 2 วัน 1 คืน คือ ไปแวะถ่ายรุปที่สะพานฮาลา - บาลา จากนั้นไปเที่ยวในเมืองเบตง และไปชมดอกไม้เมืองหนาวสวย ๆ ที่สวนหมื่นบุปผาและก็ขึ้นไปดูทะเลหมอกอัยเยอร์เวงอันนี้พลาดไม่ได้
Day1
ออกเดินทางจากหาดใหญ่ 9.00 พร้อมด้วยเพื่อน ๆ อีก 2 คน และรถยนต์คู่ใจ พร้อมออกเดินทางไปสู่ใต้สุดแดนสยาม พร้อมเปิดเพลงที่ชอบ แหม่ะ ฟิลมา บอกตรง ๆ ที่มากัน 3 คนเนี่ย ไม่มีใครรู้เส้นทางสักคน และไม่เคยมีใครเคยมาเบตงและสามจังหวัดเลย ที่มาทริปนี้เพราะความอยากเที่ยวล้วน ๆ กง กลัวอะไร ไม่มี๊ ทำยังไงล่ะ เปิด GPS สิ ว่าแล้วก็ให้ GPS นำทาง ขับไป ขับมา ขับมา ขับไป ตามจีพีเอสไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงด่านประกอบ เจอด่าน เอ้าาาา ซวยแล้ว ถามทหารเค้าบอกว่าต้องจ็อบพาสปอร์ตเพื่อข้ามฝั่งไปมาเลย์ มันจะใกล้กว่าอีกเส้นทางหนึ่ง
โดยเส้นทาง แบบแรก คือ หาดใหญ่ - เบตง (เส้นทางไทย) จากหาดใหญ่ ผ่านเส้นทางยะลา - ธารโต ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชั่วโมง แต่จะคดเคี้ยวเวียนหัวนึดนึง
แบบสอง หาดใหญ่-มาเลเซีย-เบตง ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ใกล้กว่าเส้นทางแรก แต่จะต้องใช้พาสปอร์ต เส้นทางสะดวกสบายกว่า
หลังจากที่เราตามคุณจีพีเอสไปโผล่ที่ด่านประกอบ และไม่ได้นำพาสปอร์ตไป เราจึงถามทางพี่ ๆ ทหารไปเรื่อย ๆ ตามด่านต่าง ๆ ไม่ใช้จีพีเอสแล้ว 555 เพราะกลัวจะพาไปทางที่ไปไม่ได้อีก พี่เค้าแนะนำให้เราเข้าทางยะลา จนมาเจอเส้นทางปรกติที่คนปรกติเค้ามากัน ส่วนแก๊งพวกเรานั้นไม่ปรกติ
เส้นทางจะเป็นธรรมชาติ สวยงามตลอดเส้นทาง มีด่านอยู่เป็นจุด ๆ ระหว่างทางไป แต่เมื่อเข้าตัวเมืองเบตงจะมีด่านน้อยลง
ขับสักพักก็จะเจอกับ สะพานแม่หวาดธารโต เป็นสะพานเข้าทะเลสาบฮาลาบาลามีจุดแวะพักสามารถแวะถ่ายรูปชมบรรยากาศทะเลสาบ เขตอุทยานแห่งชาติป่าฮาลาบาลาได้ ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเบตง
ใครที่มีเวลามากกว่าเรา ก็มาเที่ยวฮาลา-บาลา ต่อได้เลยนะ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอเมซอลแหล่งเอเชียเลยแหละ
มัวแต่หลงอยู่ กว่าจะมาถึงก็บ่าย 2 แล้ว โดยปรกติถ้าไม่ขับผิดเส้นทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงนิด ๆ ก็จะถึงเบตง แต่พวกเราใช้เวลาไปเกือบ 6 ชั่วโมง โอ้ย หิว ๆ จะเป็นลม ก่อนมาพวกเราวางแพลนกันไว้ว่ามาเบตง ต้องกินไก่เบตง เมื่อมาถึงไม่รอช้า ขับรถหาร้านข้าวมันไก่เบตง ก็มาเจอกับร้าน “เจริญ ข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้ สท.แม้ว” อยู่แถว ๆ หอนาฬิกา
มาเสิร์ฟแล้ว ข้าวมันไก่เบตง ..
เสริมความรู้นิดนึง ไก่เบตงนั้นเป็นไก่เนื้อพันธุ์พื้นเมือง ที่มีต้นกำเนิดมาจากไก่พันธุ์เหลียงซาน จากประเทศจีน นำมาเลี้ยงที่เบตง จนกลายเป็นไก่ที่ทำชื่อเสียงให้ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้เลี้ยงไก่เบตงในพื้นที่อื่นๆ ด้วย เนื่องจากเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภค
จุดเด่นของไก่เบตงคือ เนื้อแน่นนุ่ม หนังกรอบ มันน้อยมาก หนังมีสีเหลืองอ่อนกรอบ ๆ แต่เนื่องจากไก่เบตงเลี้ยงยากจึงทำให้มีราคาสูง ทำให้หาไก่เบตงแท้ ๆ กินได้ยาก แต่ที่ร้านนี้จะใช้ไก่เบตง 100% เนื้อแน่น ๆ หนังกรอบ ๆ น้ำจิ้มสูตรทางร้าน อร่อยเลยแหละ
น้ำแตโอ เห็นชื่อแปลก ๆ ดีเลยสั่งมาลอง รสชาติคล้าย ๆ กันโอเลี้ยง แต่แตโอจะหวาน ๆ กว่า
กินเสร็จแล้วก็แวะมาเช็คอินกันหน่อยกับตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกันสักหน่อย
สอบถามข้อมูลคล่าว ๆ พบว่า ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรก ก็เพื่อใช้เป็นที่กระจายข่าวสารบ้านเมือง ให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง จากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้ และใช้เป็นตู้ไปรษณีย์มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ ขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ 9 เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
หอนาฬิกา
ของขึ้นชื่ออีกอย่างก็คือ ส้มโชกุนเบตง นับเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ มีรสชาติโดดเด่นหวานอมเปรี้ยว เนื้อนุ่มไม่มีกาก ผลมีขนาดใหญ่ สามารถซื้อกินเองหรือซื้อฝากได้
ถ้าเดินทางมาเบตง ช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ของทุกปี จะเป็นช่วงของ ฤดูใบยางเปลี่ยนสี ช่วงที่ต้นยางพาราผลัดใบ ใบแก่เต็มที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแดง และร่วงหล่นจนหมดต้น ก่อนจะผลิใบอ่อน ตามภูเขาสลับซับซ้อนของ อ.เบตง มีสีสันที่สวยงามตลอดเส้นทาง
มีบางจุดที่สวยมาก ๆ แต่ถ่ายมาไม่ทันเสียดายมาก ๆ เลย
แปป ๆ ก็ตอนเย็นละไปต่อกันที่ สวนหมื่นบุปผา ใครจะคิดว่าภาคใต้ก็มีดอกไม้เมืองหนาว เบตงมีสวนดอกไม้เมืองหนาวให้ชมด้วยนะกับสวนดอกไม้เมืองหนาวเบตงมีพื้นที่กว่า 35 ไร่ อยู่ในหุบเขาความสูงประมาณ 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล
การเดินทาง 1. ขับรถจาก จ.ยะลา ไปตามเส้นทางสาย 410 (ยะลา-เบตง) ประมาณ 140 กม. ก่อนเข้าเมืองเบตง ที่ กม.4 เลี้ยวขวา เข้าไปตามเส้นทางอีกประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร
2. จากเบตง ใช้เส้นที่ไปบ่อน้ำร้อนเบตงเลยไปมีป้ายบอกทางไปสวนดอกไม้ และอุโมงค์ปิยะมิตร ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายสวนดอกไม้เมืองหนาว อีกไม่กี่กิโลเมตรก็ถึง
เดินไปถึง ต้องอุทาน ว้าว ๆ ออกมา เพราะดอกไม้สวยม๊ากกกกก สวยจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าภาคใต้ก็ปลูกดอกไม้เมืองหนาวได้ด้วยเหรอเนี่ย
คือเหมือนดอกไม้ปลอมมาก ทั้ง ๆ ที่คือดอกไม้จริง
ดูแต่ตา มืออย่าจับนะจ๊ะ เดี่ยวดอกจะพังเอา
อิ่มหนำสำราญกับสวนดอกไม้กันแล้ว ก็ขับรถไปที่พักกันเถอะ
เราจองที่พักเป็นเต็นท์หลังละ 400 บาท ต่อคืน ผ่านเฟสชื่อว่า จองที่พักทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง เบอร์โทรติดต่อ 062-5823650 ที่พักจะอยู่ด้านบนตื่นขึ้นมาก็จะพบกับทะเลหมอกเลย ที่พักด้านบนอากาศดีมาก
ภาพนี้ถ่ายตอนเช้า แต่จริง ๆ เราไปถึงก็ค่ำแล้ว เพราะมัวแต่เสียเวลากับการขับรถผิดเส้นทางตั้งแต่ช่วงเช้า
กลางคืนจากหน้าที่พักเรามองเห็นดาวชัดมาก ๆ เพราะไม่มีแสงรบกวนเลย โรเมนติกสุด ๆ เลยแกรรร
DAY 2
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เรากับเพื่อน ๆ ตื่นกันตั้งแต่ตี 4 กว่า ๆ เพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัวและขึ้นไปชมทะเลหมอกที่จุดชมวิวด้านบน แต่ที่จริงหน้าห้องพักก็มีทะเลหมอกนะ แต่ข้างบนจะเป็นจุดชมวิวที่สวยกว่า โดยจะขับรถไปจอดไว้ที่ตีนเขา และต่อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นไปเพราะทางทรหดพอสมควร เที่ยวละ 20 บาท
กว่าจะถึงด้านบนก็เกือบตี 6 เพราะเราไปตรงกับวันหยุดนักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่พอขึ้นไปเจอกับทะเลหมอกด้านบน ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ รายล้อมไปด้วยหมอกขาว หนา ๆ เสียอย่างเดียวคือวันนั้นคนเยอะ เราต้องยืนรอจนนักท่องเที่ยวเริ่มบางลงจึงจะได้ถ่ายรูป สวยงามจนไม่น่าเชื่อว่าทะเลหมอกแห่งนี้จะอยู่ในภาคใต้
ของจริงสวยกว่านี้มาก ๆ เลย ติดใจจนอยากกลับไปอีกอะ
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ที่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยอดฮิตของเบตงที่เดินทางสะดวกรถขึ้นถึง และมีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปี ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเบตง ประมาณ 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร เป็นทะเลหมอกที่ใหญ่และสวยงาม มีหมอกในชมได้ตลอดทั้งปี แต่จะมากหรือจะน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศช่วงนั้น ๆ ด้วย
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ทอแสงสีทองโผล่มาจากยอดเขาเรานี่ถ่ายรูปรัว ๆ เลย
เกือบ 8 โมง หมอกเริ่มเบาตาลงไปบ้าง โผล่ให้เห็นยอดเขาด้านล่าง สวยมว๊ากกกกกกกกกกก ก.ล้านตัว
ถ่ายรุปคู่กับทะเลหมอกกันหน่อย เดี่ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง
พวกเราดื่มด่ำชมทะเลหมอกกันจนเดือบ 9 โมง เรียกได้ว่า ไม่อิ่มไม่กลับ หมายถึงอิ่มบรรยากาศนะ แต่ตอนนี้ชักจะท้องหิวแล้วสิ จ๊อก ๆ ๆ ไปกินข้าวกันดีกว่า เราได้ลงแบบเดิมโดยนั่งวิวมอเตอร์ไซค์ลงไป 20 บาทเหมือนเดิม ไปที่จุดขายอาหาร ซึ่งอยู่หน้าที่พักของเราเลย ตรงนี้ถือเป็นจุดชมวิวที่ 2 อีกด้วย ตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กันนะ เพียงแต่ว่าจุดชมวิวที่ 1 อยู่สูงกว่า เห็นทัศนียภาพรอบ ๆ ได้มากกว่า
แล้วเราก็มาฝากร้านที่ร้านข้าวต้ม อร่อยมาก ๆ เลยแหละ ถ้วยละ 25 บาท กับชาร้อนแก้วละ 15 บาท
เป็นยังไงกันบ้างกับความงดงามของเมืองเบตงเมืองอ้อมกอดของขุนเขา หลงรักเสน่ห์ของความสงบเรียบง่าย ของที่นี่เข้าแล้วสิ จนลบภาพความน่ากลัวของสามจังหวัดไปได้เลย อีกทั้งให้ฟีลเหมือนอยู่ภาคเหนือของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สวรรค์บนดินถิ่นแดนใต้ได้อย่างน่าหลงไหล ลองมาดูสิ แล้วจะรู้ว่าเบตง ยิ่งกว่าโอเค …
หาดใหญ่ | เปิดใหม่!! คาเฟ่วิวเขา ฟิลธรรมชาติ "Jirasan FARM & CAFE" จิบแฟ ให้อาหารแพะ
25 กันยายน 2567 | 172หาดใหญ่ | เจ้าแม่สายแฟ สายช้อป ห้ามพลาด!! เทศกาลแห่งความสุขได้เริ่มขึ้นแล้ว กับงาน HELLO HATYAI 2024
16 กันยายน 2567 | 155สงขลา | เปิดพิกัดจุดเช็คอินใหม่!! Songkhla Flower Farm สวนดอกไม้แห่งแรกในสงขลา
18 ธันวาคม 2566 | 16,118หาดใหญ่ | เปิดพิกัด!! นอนเต็นท์ กินปิ้งย่าง ริมน้ำตก "บ้านสวนเพียรภิรมย์ แคมป์ปิ้ง"
20 พฤศจิกายน 2566 | 11,013หาดใหญ่ | ไดอาน่ามาแล้วสนุก!! รวมพลเซเลปสัตว์เลี้ยงตัวป่วน ถ่ายรูป ป้อนอาหาร ชมฟรีตลอดงาน
14 พฤศจิกายน 2566 | 1,283หาดใหญ่ | แคมป์ปิ้งเปิดใหม่!! "เดอะแคมป์วิลเลจ วังพา" นอนเต๊นท์ กินปิ้งย่าง ฟังเสียงน้ำตก
4 มิถุนายน 2566 | 17,342พัทลุง | แจก 5 พิกัด!! One Day Trip ที่เที่ยวพัทลุงไปเช้าเย็นกลับ
17 พฤษภาคม 2566 | 5,899หาดใหญ่ | ไปกันแล้วยัง คาเฟ่ริมเขา "TW cafe" จิบกาแฟ นั่งชิลล์ วิวภูเขาสุดว้าว
3 พฤษภาคม 2565 | 6,484