โรงเรียนวัดท่าม่วง ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอรัตภูมิ แต่เพิ่งมาเปลี่ยนในภายหลังเป็นอำเภอควนเนียง โรงเรียนหลังนี้สร้างเมื่อวันที่ 3สิงหาคม พ.ศ.2506 มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นอาคารไม้ทั้งหลัง มีฉลุลวดลายศิลปะสวยงาม ด้วยฝีมือของพ่อท่านเที้ยน อินทปัญโญ เจ้าอาวาสวัดท่าม่วง
อาคารหลังนี้ก่อสร้างอยู่ในวัดท่าม่วง โดยทางเจ้าอาวาสวัดคือพ่อท่านเที้ยน อินทปัญโญต้องการที่จะสนับสนุนด้านการศึกษา ให้เยาวชนหมู่บ้านใกล้เคียงได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนหนังสือ รวมถึงได้ศึกษาธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่นีีเป็นการเรียนการสอนระดับประถมศึกษาตั้งแต่ป.1-ป.6
การเรียนการสอนประกอบไปด้วยคุณครูและพระสงฆ์เป็นผู้สอนวิชาธรรมะเพื่อขัดเกลาจริยธรรม มีเด็กที่เข้ามาเรียนสมัยนั้น 100-200คน ก่อนที่จะมีอาคารเรียนหลังใหม่เข้ามาอีก 2 หลังที่ตั้งอยู่ติดริมทะเลอ่าวบ้านทึง รวมถึงอาคารเอนกประสงค์อีก ๑ หลัง ปัจจุบันโรงเรียนวัดท่าม่วงได้ร้างไปนานแล้ว โดยกระทรวงศึกษาสั่งปิดโรงเรียนข้ออ้างที่ว่า นักเรียนน้อย ขาดทุน สำหรับอาคารเรียนต่าง ๆ ยังมีการใช้งานได้ดีมาก หลังจากถูกทิ้งร้างตอนนี้เริ่มทรุดโทรมอย่างหนัก แต่หากมีการบูรณะซ่อมแซมก็คาดว่ายังสามารถใช้งานประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้อีกมากมาย
ด้วยพื้นที่ตั้งของโรงเรียนวัดท่าม่วงอยู่ในทำเลที่เหมาะสมและบริสุทธิ์เหมาะกับการที่จะใช้เป็นสถานศึกษาอย่างยิ่งยวด เพราะมีวัด มีทะเล มีป่าชุมชนชายเลน มีชุมชนล้อมรอบใกล้อำเภอ ถนนหนทางสะดวกสบาย และที่สำคัญคือสามารถรองรับนักเรียนได้นับหลายร้อยคนอีกด้วย
ทางชุมชนพยายามที่จะร้องขอใช้อาคารเรียนที่ทิ้งร้าง (หลังเก่า) นำไปทำเป็นศูนย์วัฒนธรรมของชุมชนและอนุรักษ์อาคารเรียนไม้หลังนี้ไว้ แต่ทางกระทรวงศึกษาไม่อนุญาตซึ่งที่นี่ถือเป็นอาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียนว่าท่าม่วง แต่กลับปล่อยทิ้งร้างให้ผุพังและล่าสุดมีคนขโมยไม้พื้นกระดานไปแล้วบางส่วน
และมีการพยายามพูดคุยปะสานงานให้กระทรวงศึกษาธิการใช้อาคารแห่งนี้เป็นศูนย์อบรมและเป็นที่ทำการอบต. หรือเป็นค่ายลูกเสือรวมถึงเป็นแหล่งการศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนบ้านอ่าวทึง ด้วยบริเวณดังกล่าวอยู่ติดกับป่ายชายเลนชุมชนกว่า 2,000 ไร่ และมีคลองท่าม่วงล้อมรอบเป็นเกาะกลางซึ่งยังจะสามารถเชื่อมไปได้อีกหลายอำเภอของจังหวัดสงขลา แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด ซึ่งมีผลสรุปว่ากระทรวงศึกษาธิการไม่อนุญาตนั่นเอง
ส่วนอาคารเรียนที่เพิ่งสร้างมาใหม่ในภายหลังก็ไม่ต่างอะไรกันถูกทิ้งให้ร้างอย่างเปล่าประโยชน์ มีวัวควายเข้าไปอาศัยอยู่ ประตูหน้าต่างก็ผุพังไปมากแล้วเหมือนกัน สมัยก่อนคนในละแวกวัดนี้ บ้านท่าม่วง บ้านอ่าวทึง บ้านสายเรียบ บ้านไอ้ฉะ บ้านวังเนียน บ้านควนดม บ้านโคกทราย บ้านบ่อหมาก เรียนกันในวัดซึ่งใช้ศาลาการเปรียญในการเรียนการสอน
พ่อท่านเที้ยน จึงมีความคิดในการสร้างโรงเรียนวัดท่าม่วง เพื่อสนับสนุนการศึกษาให้กับเยาวชนในละแวกใกล้เคียง รวมทั้งการสร้างเสนาสนะสถานที่ต่าง ๆ ท่านจึงได้เดินทางจากวัดท่าม่วงไปบ้านท่องแต้ว ต.เขาพระ อ. รัตภูมิ จ.สงขลา เพื่อตัดไม้มาสร้างเสนาสนะสถาน โดยมีผู้ติดตาม 2 คน คือนายเถี้ยน ติธรรมโม นายขิ้น ติธรรมโม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของท่านเป็นลูกของนายเซี้ยน
ท่านมีพาหนะก็คือควาย 3 ตัว โดยนายนำ สุขงาม เป็นคนมอบให้และช้างอีก 4 เชือก จากชาวบ้านแถวท่องแต้ว ท่านได้ปลูกสร้างขนำในป่า(ภาษากลางเรียกว่า กระท่อม) ปกติแล้วการเดินป่าต้องมีคาถาป้องกันตัวพอสมควรเพราะต้องเจอสัตว์ป่ามากมายรวมทั้งเสือ
การที่จะโค่นหรือตัดต้นไม้ใหญ่ในป่าเขาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การโค่นหรือตัดในแต่ละครั้ง ต้องใช้คาถาอาคมกำกับและการขอขมาลาโทษ ดูฤกษ์ว่าควรตัดวันไหน เวลาไหน และดูทิศที่จะลงขวานเพื่อโค่นไม้(ในอดีตไม่มีเลื่อยไฟฟ้าเหมือนในปัจจุบัน) การส่งเสบียงอาหารก็ได้รับความช่วยเหลือจากนายโข้ แซ่ลิ่ว ชาวบ้านสีสอน ต.เขาพระ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา นายไข่หับครก อนันตพงค์และนางแกวดภรรยาของนายไข่หับครกชาวบ้านท่องแต้ว ต.เขาพระ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
พอตัดไม้เสร็จแล้วท่านก็จะใช้ช้าง 4 เชือกและควาย 3 ตัว ลากไม้ไปยังคลองภูมีเพื่อผูกแพแล้วลากไม้ไปตามลำคลองภูมีการร่องแพจำเป็นต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก เพราะคลองมีสภาพคดเคี้ยวมาก และที่สำคัญที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคือ นายขุ้ย ศรีไสย นายทุ่น ศรีไสย นายกลิน บุยรอง นายกลัน บุญรอง นายสั้น สุขแก้ว นายขิ้น ติธรรมโม นายเถี้ยนและพ่อท่านเที้ยน
ท่านใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะร่องแพมาถึงปากคลองภูมีที่บ้านปากภูมี ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แล้วร่องแพจากทะเลปากบางมายังทะเลบ้านอ่าวทึงจนถึงปากคลองท่าม่วง และมาขึ้นฝั่งที่ริมคลองท่าม่วงท่านเดินทางไปมาระหว่างวัดท่าม่วงกับบ้านเกาะแต้วใช้เวลาเกือบปีกว่าขนไม้มาได้ทั้งหมด หลังจากนั้นท่านได้เดินทางไปยังบริเวณบ้านควนรู อ.รัตภูมิ ต้นไม้ใหญ่บริเวณนั้นไม่มีใครกล้าตัดโค่นเพราะชาวบ้านเชื่อว่ามีภูตผีปีศาจสิงสถิตย์อยู่ในต้นไม้แห่งนี้ พ่อท่านเที่ยนจึงได้ตัดต้นไม้มาหมดสุดท้ายก้มาตัดที่โคกทราย และที่แห่งนี้เองที่ทำให้เกล็ดไม้กระเด็นเข้าตาของท่านและทำให้ตาซ้ายท่านบอด
เมื่อสร้างโรงเรียนท่าม่วงเสร็จแล้ว (หลังเก่า) การทำงานไม้ทุกชนิดท่านจะเป็นคนลงมือเลื่อยไม้ด้วยตัวเองเพราะถ้าคนอื่นมาทำจะไม่ถูกใจท่าน ครั้งหนึ่งท่านเคยเลื่อยพลั้งโดนวงเดือนทำให้นิ้วกลางและนิ้วก้อยนางข้างขวาขาด เมื่อสร้างเสนาสนะสถานเสร็จเรียบร้อย ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดโดยการปรับภูมิทัศน์รอบ ๆ วัดด้วยการขนทรายใส่รถลุน จากป่าช้าริมคลองท่าม่วงมาถมในวัดท่าม่วง
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดก็คือความยากลำบากและความพยายามของพระรูปหนึ่งที่วัดท่าม่วง คือพ่อท่านเที่ยน อินทปัญโญ ท่านได้จัดสร้างโรงเรียนวัดท่าม่วงให้แก่ทางราชการ 1 หลัง เพื่อสนับสนุนการศึกษาของชาติ แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่โรงเรียนวัดท่าม่วงได้ตกอยู่ในสภาพรกร้างอย่างภาพดังกล่าวที่เราได้เห็นกัน
ขอบคุณข้อมูลรูปภาพ : OKnation. nationtv.tv
ตำนานเล่าขานบ้านเขาพระ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
19 พฤษภาคม 2567 | 37เจดีย์แห่งศรัทธา เจดีย์สมเด็จเจ้าเกาะยอ กับประเพณีแห่ผ้าขึ้นเขากุฏิ
19 พฤษภาคม 2567 | 44อุโบสถวัดดีหลวงใน ร่องรอยความเจริญของพุทธศาสนาบนคาบสมุทรสทิงพระ ในสมัยอยุธยา
19 พฤษภาคม 2567 | 53บ้านคูน้ำรอบ หมู่บ้านที่เป็นเกาะหนึ่งเดียวในอำเภอจะนะ
12 พฤษภาคม 2567 | 185อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของไทย
12 พฤษภาคม 2567 | 155รู้จัก...กริชสกุลช่างสงขลา ศราตราวุธศักดิ์สิทธิ์ สะท้อนความเชื่อ-อัตลักษณ์ของคนใต้
12 พฤษภาคม 2567 | 132ย้อนรอย 3 เรือบรรทุกขนาดใหญ่ ถูกพายุพัดเกยตื้นชายหาดชลาทัศน์-แหลมสนอ่อน
5 พฤษภาคม 2567 | 244รู้หรือไม่ ศาลาท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บนเขาชุมสักภายในสวนสาธารณะหาดใหญ่
5 พฤษภาคม 2567 | 230