หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

“การที่เป็นคนหัวไม่ดี ก็เลยสู้แบบบ้าน ๆ อาศัยขยัน อาศัยอึดเข้าสู้”  พ.ต.ท.เกริกชัย ฉันทจิตต์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 กล่าว 
หาดใหญ่โฟกัส มีโอกาสได้สัมภาษณ์บุคคลท่านหนึ่งที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จในชีวิตในสายอาชีพตำรวจ ที่แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นเด็กที่ใช้ชีวิตธรรมดา ตามประสาวัยรุ่น จนมีจุดหันเหชีวิตให้มาดำเนินชีวิตสายตำรวจ  

พ.ต.ท.เกริกชัย ฉันทจิตต์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 (ปัจจุบัน) จบการศึกษาประถมที่โรงเรียนวัดบางทีง ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา ,จบมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนบางกล่ำวิทยารัชมังคลาภิเษก,มัธยมศึกษาตอนปลาย รร.มหาวชิราวุธ จ.สงขลา ,นิติศาสตร์บัณฑิค ม.รามคำแหง, นิติศาสตร์มหาบัณฑิต ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ,เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาฯ, ประกาศนียบัตรวิชาชีพสืบสวนคดีอาญาและหลักสูตรสารวัตร รุ่นที่ 123 วิทยาลัยการตำรวจ 

ประวัติการทำงาน

-รองสว. ประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 24 ต.ค. 2550 

-พงส. (สบ1) สน.ปทุมวัน บก.น.6 บช.น. 1 พ.ย. 2550

-รอง สว.สส.สภ.สะเดา จว.สงขลา บช.ภ9 3 มิ.ย. 2555

-สว.สส.สภ.ปาดังเบซาร์ จว.สงขลา บช.ภ9 31 ม.ค.2557

-สว.กก.สส.ภ.จว.สตูล บช.ภ9 25 ก.ย 2558

-สว.สส.สภ.ทุ่งลุง จว.สงขลา 15 พ.ค.2559

-ผบ. ร้อย (สบ2) กก.ตชด.43 บก.ตชด.ภาค4 15 มี.ค 62

-ปี 2553 - 2559 ไปทำงานด้านความมั่นคง รับผิดชอบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจ. สงขลา โดยไปช่วยราชการ ที่ งานสืบสวนคดีสำคัญ ศปก.ตร.สน. ( ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา)

ถาม-ตอบกัน..........

เดิมทีพ่อแม่รับราชการครู เรียนประถมที่โรงเรียนวัดบางทีง ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพราะพ่อกับแม่สอนที่โรงเรียนนั้น ตอนนั้นเป็นทั้งลูกเป็นทั้งลูกศิษย์  ตอนนั้นเรากร่างไหม เพราะถือว่าพ่อแม่เป็นครูอยู่ในโรงเรียน  

"ถ้ากับเพื่อนก็จะไม่กร่างนะ แต่เวลาแม่สอนก็จะเถียงแม่ในห้องเรียนบ้าง"

จบประถมแล้วเรียนต่อที่ไหน 

"ตอนนั้นสอบ ญ.ว. (หาดใหญ่วิทยาลัยไม่ติด) คือที่บ้านมีกัน 3 คน พี่น้อง เป็นผู้ชายหมด สามหนุ่มสามมุม (หัวเราะ) มีพี่คนเดียวที่สอบ ญ.ว. ไม่ติด  พ่อก็เลยให้ไปเรียนที่โรงเรียนบางกล่ำวิทยา รัชมังคลาภิเษก จนจบมัธยมฯ ต้น ตอนมัธยมฯ ปลายก็เรียนที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ ในแผนการเรียน ศิลป์ - คำนวณ ตอนนั้นเป็นนักบอลโรงเรียนด้วย" 

"ตอนเรียนมัธยมฯ ปลาย คือ เกเร ไม่ค่อยเรียน ติด 0 ตลอด โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ ติดตลอดเลย (หัวเราะ) คือ ศิลป์ - คำนวณ ต้องเรียนเน้นคณิตฯ , อังกฤษ พี่ก็ติด 0 ตลอด ทั้งสองวิชา แต่ก็ประคองเรียนให้ตัวเองจบพร้อม ๆ กับคนอื่นนะ คือพอเราเป็นนักบอลโรงเรียน ซ้อมเช้า ซ้อมเย็น พอเข้าเรียนก็หลับบ้างไรบ้าง ขี้เกียจบ้าง ยิ่งเรียนคณิตศาสตร์มันต้องใช้สมาธิมาก พอไม่มีสมาธิก็ไม่เข้าใจทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องรอแก้ 0 ให้ผ่านอีกรอบ เพราะคิดแล้วว่ายังไงก็ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องจบให้ได้"

 "พอจบมัธยมปลาย ก็เอ็น(เอ็นทรานซ์) ที่ไหนไม่ติดเลย จะติดได้ไง หนังสือไม่เคยอ่าน ก็เลยไปเรียนราม (มหาวิทยาลัยรามคำแหง) ไปเรียนคณะนิติศาสตร์ ที่เลือกเรียนเพราะเพื่อนเรียนกันเยอะ พ่อกับแม่ก็อยากให้เรียนนิติศาสตร์ อีกอย่างหนึ่ง คือ คิดว่า เรียนจบนิติศาสตร์ สามารถทำงานได้ในหลายสาขาอาชีพ ตอนไปเรียนปีแรกขี้เกียจมากกกกกก สอบผ่านน้อยมาก แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ต้องทำให้ปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ เพราะพ่อเสียชีวิต ก็เลยกลับมาคิดว่า ชีวิตต่อไปจะเป็นยังไง ถ้าเรียนไม่จบจะประกอบอาชีพอะไร หลังจากนั้นก็เลยตั้งใจเรียน จนจบภายใน 4 ปี"

พี่ชายเล่าให้ฟังว่า "ตอนเรียนมหาวิทยาลัย พี่ความจำไม่ดีเท่าไร อาจจะเพราะตอนมัธยมฯปลายขี้เกียจมานาน คนอื่นอ่านหนังสือรอบเดียวสองรอบ เขาก็จำ แต่พี่ไม่จำ ก็เลยอาศัยความอึด พี่อ่าน 6 เที่ยว ต้องอาศัยความอึดเข้าสู้ เพราะเรียนนิติศาสตร์ ต้องอาศัยความจำ ตรงไหนอ่านแล้วไม่เข้าใจ ท่องเลย ท่องแบบนกแก้วนกขุนทองเลย ยิ่งภาษาอังกฤษนะ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ ก็เลยท่องเลย 10 เที่ยว 20 เที่ยว เพื่อเอาไปสอบก่อน ให้ผ่านไปก่อน" 

"พอจบมหาวิทยาลัยก็เลยมีความมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย ว่าเราก็ทำได้นะ ก็เลยไปต่อเนติบัณฑิต อ่านหนังสืออยู่ 1 ปีเต็ม อ่านแบบจริงจังมาก ๆ ตัดเพื่อนตัดฝูงเลยนะ ตื่นมา 8 โมงเช้า ตื่น อาบน้ำ แต่งตัว แล้วขึ้นรถเมล์ไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด นั่งจนห้องสมุดปิด ทำวนอยู่แบบนี้ประมาร 1 ปีเต็ม ขนาดเพื่อนโทรฯมาชวนให้ไปสังสรรค์ ก็บอกเพื่อนไปว่า ปีนี้ขอนะ จะไม่ไหน ขออ่านหนังสือ แต่ปีนั้นพอไปสอบก็สอบไม่ผ่านนะ (หัวเราะ) แต่ความรู้มันได้นะ ก็สอบเรื่อย ๆ จนผ่าน  มาผ่านตอนเริ่มทำงานแล้ว"

พี่เริ่มงานแรก คือ งานอะไร 

"งานแรกทำงานอยู่ที่กรมบังคับคดี เป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่ง นิติกร ก็ทำงาน แล้วอ่านหนังสือไปด้วย ตื่นตี 5 อ่านหนังาสือ 8 โมงไปทำงาน พอพักเที่ยง กินข้าวเสร็จ ก็อ่านหนังสืออีก เลิกงานเล่นกีฬา อ่านหนัง คือเรียกง่ายว่า พอว่างก็จะอ่านหนังสือตลอดเลย เพราะอยากจะจบเนติบัณฑิต"

ความฝันพี่อยากทำงานอะไร 

"อยากเป็นผู้พิพากษา พอสอบเนติบัณฑิตผ่าน อายุงานที่เป็นนิติกรก็ครบตามจำนวนที่ทำให้เราสามารถสอบผู้พิพากษาได้ ก็สอบอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เพราะสอบสนามใหญ่ ข้อสอบค่อนข้างยาก ระหว่างนั้นก็เลยคิดว่าอยากสอบสนามเล็ก ก็เลยไปเรียนนิติศาสตร์ปริญญาโท พอเรียนจบก็สสอบผู้พิพากษาอีกรอบ แต่ก็ไม่ได้เหมือนเดิม (หัวเราะ) จากนั้นก็เลยเริ่มสอบหน่วยงานราชการ สอบติดบัญชีหลายหน่วยงานมาก แต่เขาเรียกไม่พร้อมกัน พี่เลยเลือกเป็นนักวิชาการสำนักงานที่ดินจังหวัดตาก แต่ก็ยังอ่านหนังสืออยู่เรื่อย ๆ นะ"

ความตั้งใจของพี่แว่บ ๆ ไหม ว่าอยากเป็นตำรวจ  
"ไม่มีเลย หลังจากเรียนจบก็มีไปสอบบ้าง แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองอยากเป็นตำรวจ เป้าหมายของเรา คือ ผู้พิพากษาหรืออัยการ เพราะเห็นว่าเงินเดือนเยอะ (หัวเราะ) แต่ตอนที่กำลังทำงานเป็นนักวิชาการสำนักงานที่ดิน ก็มีการเปิดสอบพนักงานสอบสวน (สอบนายร้อย) รับวุฒิเนติบัณฑิตไทยหรือนิติศาสตร์มหาบัณฑิต ในกลุ่มที่อ่านหนังสือด้วยกัน ก็เลยชวนกันไปสอบ ก็ไปสอบเฉย ๆ นะ ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ก็สอบได้ ตัดสินใจอยู่สักพักว่าจะเอาดีไหม ก็เลยคิดว่าเอาก็ได้ (หัวเราะ) ก็เลยลาออกจากสำนักงานที่ดินแล้วไปรายงานตัวเข้าเป็นตำรวจ"

หลังการดำเนินชีวิตสายตำรวจ ก็มีผลงานต่อเนื่องและโดดเด่นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานและมีความละเอียดอ่อน ผสานกับสัญชาติญาณความเป็นนักสืบ และยึดมั่นว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ทำให้ได้รับรางวัล ตำรวจต้นแบบดีเด่น (รางวัลสูงสุดประจำปี 2557 ) ของมูลนิธิบุณยจินดา พร้อมเงิน 100,000 บาท ทั้งนี้ในการทำงานได้ร่วมกับผู้เป็นนายที่เปรียบเสมือนครูคอยสอนประสิทธิ์ประสาทวิชาในสมรภูมิหลายคน อาทิ  พล.ต.ท.  สฤษฏ์ชัย เอนกเวียง อดีต ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,
พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วยผลงานร่วมปิดล้อมตรวจค้น 540 ครั้ง ร่วมปิดล้อมตรวจค้นและปะทะกลุ่ม RKK จำนวนกว่า 10 ครั้ง ร่วมวิสามัญคนร้ายและผู้ต้องหาคดีความมั่นคง เกือบ 10 ราย ร่วมจับกุมคนร้ายและผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงได้จำนวน 52 ราย ร่วมตรวจยึดอาวุธสงครามได้ 22 กระบอกและร่วมขยายผลสมาชิกเครือข่าย RKK ได้มากกว่า 300 ราย “นี่ความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตตำรวจ”  พ.ต.ท.เกริกชัย