หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

ข่าวบันเทิง

(มีคลิป)อดีตนักร้องเผย พิษศัลยกรรม หมอเกาหลีให้หิ้วถุงระบายเลือดกลับไทย โอกาสรอด 10%
14 กรกฎาคม 2561 | 19,611
(มีคลิป)อดีตนักร้องเผย พิษศัลยกรรม หมอเกาหลีให้หิ้วถุงระบายเลือดกลับไทย โอกาสรอด 10%

“เม จีระนันท์” แฉรพ. ดังเกาหลี ผ่าตัดเสริมนมแต่เกิดผิดพลาด เลือดออกมากผิดปกติ ซัดหมอปกปิด ให้หิ้วถุงระบายเลือดขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย ติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง โอกาสรอด 10 เปอร์เซ็นต์ 


หลังจากเป็นกระแสโด่งดังในโซเซียลอยู่ในขณะนี้ อดีตนักร้องดังเจ้าของเพลง “นอนไม่หลับ(ถ้าไม่กลับพร้อมเธอ)”  สาว “เม จีระนันท์ กิจประสาน” ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ถึงขั้นติดเชื้อ โคม่าหนัก โดยเจ้าตัวได้เปิดใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยว่าตอนนั้นโคม่า โอกาสรอดเหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“หลังจากทำศัลยกรรมมาจากที่เกาหลี ที่รพ. Grand Plastic Surgery การผ่าตัดผิดพลาด เลือดออกมากผิดปกติ แต่ทางรพ.ปกปิด ให้เมหิ้วถุงระบายเลือดขึ้นเครื่องบินกลับมาไทย เมติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง เป็นเชื้อที่ชื่อ Pseudomonas Aeruginosa ซึ่งพบได้ในรพ.และสถานพยาบาลเท่านั้น เมโคม่า โอกาสรอดเพียง 10% อยู่ ICU และรับการผ่าตัดอีก 3 ครั้ง (ในคลิปนี้ เมได้รับการรักษาที่รพ.ไทยแห่งหนึงเป็นที่แรกค่ะ)”

Part 1 : ทำไมถึงตัดสินใจทำศัลยกรรม และเลือกรพ. เอเจนท์นี้

เมไม่ได้บอกว่า การทำศัลยกรรมไม่ดี หรือไม่ควรทำนะคะ แต่เมออกมาพูด เพื่อแชร์ประสบการณ์ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง บทเรียนครั้งนี้ ส่วนหนึงเกิดจากความผิดพลาดของเมเอง ที่ไปหลงเชื่อและไว้ใจ เอเจนท์กับโรงพยาบาลผิด !! ดูเพียงแค่การโฆษณา รีวิว อวดอ้างชื่อเสียงของ รพ.และเอเจนท์

“ศัลยกรรม” ได้เปลี่ยนชีวิตคนจำนวนหนึ่ง ในทางที่ดีขึน และเมขอบอกเลยว่า คนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ คุณคือคนที่โชคดีมาก แต่ในทางกลับกัน “ศัลยกรรม” ก็ได้เปลี่ยนชีวิตคนจำนวนไม่น้อย ในทางที่เลวร้าย บางคนเสียโฉม ทุพพลภาพ ถึงแก่ความตาย บางคนแม้ไม่ตาย แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ซึงเมเองก็เป็นหนึงในนั้น ที่เกือบต้องเสียชีวิต จากการทำศัลยกรรม !!

นี่เป็นการทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตของเมเลยค่ะ เมทำธุรกิจขายเสื้อผ้า เป็นนางแบบด้วยตัวเอง แต่เมรูปร่างเล็ก สัดส่วนดูเหมือนเด็ก จึงอยากเสริมหน้าอก เพื่อให้ใส่เสื้อผ้าสวย ประกอบกับอายุที่มากขึน หนังตาของเมเริ่มหย่อนคล้อย ชั้นตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน และเมก็มีแพลนที่จะกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง (เมเคยเป็นนักร้องนักแสดง สังกัด RS มาก่อนค่ะ) จึงอยากเสริมบุคลิกและความมั่นใจ

เมคิดว่าตัวเองได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว โดยเลือกเอเจนท์ชื่อดังให้ดูแล ซึงก็คือ คุณ อุ้ม รัสรินทร์ กับ โรงพยาบาลแกรนด์ (Grand Plastic Surgery) เป็นรพ.ใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเกาหลี (คุณอุ้มบอกว่ายังงั้น) โดยดูจากการโฆษณารีวิวลูกค้า มีทั้งดารา เซเล็ป เน็ตไอดอล คุณอุ้มบอกกับเมว่าลูกค้าเค้ามีทั้ง นักการเมือง ไฮโซ ดารา คนไทยที่เค้าพามาทำศัลยกรรมที่นี่ เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 50-60 คน

Part 2 : รพ. เอเจนท์ขายฝัน ปิดการขาย จ่ายไม่มีใบเสร็จ ไม่มีสัญญา

เมนัดเจอกับคุณอุ้มที่เกาหลี ที่รพ. Grand กลางเดือน พ.ย. 60 เป็นการ Consult ครั้งแรกกับคุณหมอยุน เจ้าของรพ. เมต้องการทำ 2 อย่าง คือ ตาและหน้าอก เค้าบอกกับเมว่า ปัญหาบนใบหน้าของเม คือโหนกแก้มและคาง และแนะนำให้เมจัดโครงหน้า ทุบโหนก ดึงคางลงมาให้ยาวขึ้น เมตกใจและปฏิเสธทันที เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำเลย

แต่เค้าก็พูดโน้มน้าว ให้เมเห็นว่า การจัดโครงหน้า เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน 45 นาทีก็เสร็จ ยังโน้มน้าวให้ทำไปพร้อมๆ กันกับการทำหน้าอกและตา เพราะต้องวางยาสลบอยู่แล้ว เจ็บครั้งเดียว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการวางยาอีก และจะได้ส่วนลดมากกว่า ที่สำคัญคือ หน้าจะหวานขึ้น ดูเด็กลงไป 10 ปี เมก็เคลิ้มสิคะ แต่ขอตัดสินใจอีกที

​ในส่วนของการทำหน้าอก เมต้องการผ่าเอาซิลิโคนเข้าทางรักแร้ เนื่องจากไม่แน่ใจว่า ตัวเองเป็นคีรอยด์หรือไม่จึงไม่อยากให้มีแผลที่ใต้ราวนม แต่วันนั้น คุณหมอพยายามโน้มน้าว ให้เมผ่าทางใต้ราวนม โดยบอกว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก สูญเสียเนื้อเยื่อน้อยกว่า ระยะเวลาพักฟื้นสั้นกว่า คือ 1 เดือน แต่การผ่าทางรักแร้ จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาพักฟื้น 3 เดือน และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า เพิ่มเงินประมาณ 40,000 บาท โน้มน้าวกันอยู่นาน คุณหมอดูหงุดหงิด จนเมเริ่มเอะใจ จึงถามตรงๆ ว่าคุณหมอทำให้ได้หรือไม่ ไม่ชำนาญ หรือมีอะไรมั๊ย แต่เค้าก็บอกว่า ไม่มีอะไร ถ้าเมอยากทำ เค้าก็ทำได้ เพียงแต่เค้าเห็นว่า จะได้ไม่ต้องพักฟื้นนาน และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เค้าทำให้ลูกค้าได้หมด คุณอุ้มเอง ที่นั่งอยู่ในห้องวันนั้น ก็ยังบอกกับเม ว่าถ้าเมอยากทำที่รักแร้ ก็ทำได้เลย ไม่มีปัญหา อย่าตามใจหมอ เอาที่เมสบายใจเลย เราก็สรุปกันวันนั้นว่าจะผ่าทางรักแร้ ซิลิโคนขนาดเล็ก 230-250 CC (แต่ไม่ได้แจ้งยี่ห้อของซิลิโคนให้เมทราบ ไม่มีการ์ดที่ระบุยี่ห้อและ serial number เหมือนที่อื่นๆ ซึ่งเมก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามันต้องมี) เมขอคุณหมอมือหนึ่ง ซึ่งคุณอุ้มได้จัดคุณหมอลี เซ ฮวาน ให้ และขอให้เมวางเงินมัดจำทันที เพื่อจะนัดคิวคุณหมอ เค้าบอกว่าคุณหมอคิวค่อนข้างแน่น ต้องจ่ายเงินมัดจำก่อน จึงจะนัดคิวได้ กำหนดวันผ่าตัด คือ 21 ธันวาคม 2560 เมจ่ายเป็นงินสด 800,000 กว่าบาท โดยที่รพ.ไม่ได้ออกใบกำกับภาษีให้ เพราะเค้าจะให้ส่วนลดเมเพิ่มขึ้นอีก 10% ค่ะ

Part 3 : ก่อนขึ้นเขียง สภาพไม่พร้อมยังฝืน ผ่าแล้วเลือดออกผิดปกติ ยังปกปิด ให้หิ้วถุงระบายเลือดกลับไทย ยังบอกว่า “ไม่เป็นไร”

วันผ่าตัด 21 ธ.ค. 60 ช่วงเช้า คุณหมอลี ซึ่งเป็นหมอที่ทำหน้าอกและตาให้เม จะทำการดีไซน์รูปทรงหน้าอกและตา ระหว่างนั้น เมก็หน้ามืด เป็นลม ตอนนั้น คุณแม่ตกใจมาก เพราะปกติเมไม่เคยเป็นแบบนี้ จะไม่ยอมให้เมผ่าตัดในวันนั้น ขอเลื่อนออกไปก่อน แต่คุณหมอก็เอาผลการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพของเม มายืนยัน ว่าสุขภาพเมเป็นปกติ แข็งแรงดี สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ ที่เมเป็นลม น่าจะเกิดจากความกลัว เค้าให้เมไปให้น้ำเกลือ นอนพักสักครู่ เมื่อเริ่มมีอาการดีขึ้น จึงเข้ารับผ่าตัดในวันนั้น ตามกำหนดเดิม เค้าแจ้งว่าการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่การผ่าตัดจริงใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง และมีถุงระบายเลือดที่รักแร้ทั้งสองข้าง

หลังการผ่าตัดเมเริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อนภายในทรวงอก คล้ายมีน้ำกรดไหลแสบซ่านอยู่ภายในหน้าอก ลุกเดินแทบไม่ได้ เมถามคุณหมอถึงอาการผิดปกตินี้ คุณหมอบอกว่า เป็นอาการเจ็บปวดตามปกติหลังการผ่าตัด และมันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง

​เค้าให้เมนอนที่รพ. 2 คืน แต่เมเจ็บปวดมาก ไม่สามารถลุกเดินได้เลย จึงขอคุณหมออยู่ต่ออีกคืน เป็น 3 คืน จากนั้นให้เมย้ายไปอยู่ที่โรงแรมข้างๆ รพ.ซึ่งคุณอุ้มเตรียมไว้ให้ พยาบาลบอกให้คุณแม่ เอาเลือด เทออกจากถุงระบายเลือดทั้ง 2 ข้างทุกวัน

เมเจ็บปวดแสนสาหัสมาก ขยับเขยื้อนตัวแทบไม่ได้ จะลุกไปเข้าห้องน้ำ คุณแม่ต้องคอยอุ้มประคอง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดตัวให้ เอเจนท์ ที่เมเสียเงินเพราะคิดว่าเค้าจะดูแลเป็นอย่างดี ก็มาเยี่ยมแค่ครั้งเดียวตอนออกจากห้องผ่าตัด ถ้าเมไม่มีคุณแม่มาด้วย แล้วเมจะทำยังไง จะประคองตัว เพื่อดื่มน้ำ ทานข้าวยังแทบไม่ไหว

​วันที่ 28 ธ.ค.60 ตามกำหนดที่เมจะต้องตัดไหม ถอดถุงระบายเลือดออก และเดินทางกลับไทย เมื่อมาถึง รพ. คุณแม่ได้ให้คุณหมอลีดูปริมาณเลือดที่จดเอาไว้ และถามคุณหมอว่าทำไมเลือดของเม ยังออกในปริมาณมากทุกๆ วัน ไม่ลดลงเลย มีอะไรผิดปกติมั๊ย คุณหมอได้แต่ตอบว่า “ไม่เป็นไร” แต่บอกกับเมว่า เค้าจะยังไม่ถอดถุงระบายเลือดออกให้เมนะ เมต้องหิ้วถุงระบายเลือด ขึ้นเครื่องกลับไทยด้วย ซึ่งเมตกใจมาก ถามคุณหมอหลายครั้งว่า มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เพราะตามกำหนดคือ จะใส่สายระบายเลือดประมาณ 3-7 วันหลังการผ่าตัด คุณหมอก็ยังยืนยันว่า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นปกติดี” แต่เมก็สงสัยว่า ถ้าเมกลับไทยแล้ว ใครจะเป็นคนเอาสายระบายเลือดออกให้เม ที่ไหน ยังไง คุณหมอบอกว่า เค้าจะบินไปไทย ในวันที่ 3 ม.ค. 61 และจะเป็นคนเอาสายระบายเลือดออกให้เมเอง ที่ KTOP Clinic ซึ่งเป็นสาขาของรพ.Grand ในไทย ในย่านทองหล่อ เมถามคุณอุ้มว่าเคยมีใครที่ต้องหิ้วถุงระบายเลือดกลับไทยมั๊ย เค้าบอกว่า ไม่เคยมี เมเป็นเคสแรกทีต้องหิ้วถุงระบายเลือดกลับ แต่เค้าก็บอกเมว่า “ไม่เป็นไร”

​คุณหมอออกใบรับรองแพทย์ ให้เมยื่นสายการบิน และขอรถเข็นจากสนามบิน ทั้งที่เกาหลีและไทย เมเดินแทบไม่ได้เลย นับเป็น 7 วันหลังการผ่าตัดแล้ว แต่เมยังคงเจ็บปวดมาก ไม่เหมือนที่คุณอุ้มบอกเลย ว่าตอนที่เค้าทำ หรือลูกค้าคนอื่นๆ 3-4 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาการดีขึ้นๆ เมื่อมาถึงไทย เมก็อยู่แต่ที่บ้าน นอนเป็นผัก ลุกไปไหนไม่ไหว จะไปเข้าห้องน้ำ คุณแม่ต้องคอยอุ้มให้ลุกนั่ง พยุงตัวพาไป เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำให้เม ตลอดเวลา​

อาการของเมในแต่ละวันไม่ดีขึ้นเลย เมเจ็บปวดแสนสาหัส อย่าว่าแต่เดินเลยค่ะ แค่ใครมาโดนแขนเมนิดเดียว เมก็จะเจ็บสะท้านไปทั้งตัว

Part 4 : หลังจากหมอลี เซ ฮวาน มาถอดสายระบายเลือดที่KTOP Clinic ในไทย อาการทรุดหนัก แต่ยังบอกว่า “ไม่เป็นไร”

​3 ม.ค. 61 เมมาพบคุณหมอลี ที่คลินิค KTOP ทองหล่อ ตามนัด เพื่อมาถอดสายระบายเลือด คุณแม่ได้เอากระดาษจดปริมาณเลือด ที่ออกมาในแต่ละวันให้คุณหมอดู แต่คุณหมอกลับไม่ดูเลย คุณแม่จึงบอกย้ำถามคุณหมอ ว่า เลือดของเม ออกมาเยอะทุกวัน ไม่ลดลง มันผิดปกติมั๊ย แต่คุณหมอก็ตอบว่า “ไม่เป็นไร” และก็เอาถุงระบายเลือดออก เย็บปิดแผลด้วยตัวเองในวันนั้นเลย

​หลังจากเอาถุงระบายเลือดออก เมก็ทรุดหนัก มีไข้สูงทุกวัน เจ็บปวดแสบปวดร้อน ในทรวงอก คล้ายมีน้ำกรดไหลซ่านอยู่ภายใน เหมือนเนื้อจะฉีกออกมา ทรมานมาก คุณแม่รายงานอาการไปยังคุณหมอลี ผ่านคุณอุ้ม เอเจนท์ คุณหมอสั่งให้เมมาที่ KTOP เพื่อรับยา ทั้งยาทานและฉีดยาเข้าทางเส้นเลือด โดยมีพยาบาลชาวเกาหลีเป็นคนฉีดให้ ตามที่คุณหมอลีสั่ง หลังจากฉีดยาแล้ว
ความเจ็บปวดของเมจะทุเลาลง แต่พอกลับถึงบ้าน กลางดึก ยาหมดฤทธิ์ ความเจ็บปวดต่างๆ ไข้หนาวสั่น อาการทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม คุณแม่รายงานอาการไปยังคุณหมอลี ผ่านคุณอุ้มตลอด และสิ่งที่เค้าทำ ก็คือ ให้เมมาที่ KTOP เพื่อมาฉีดยาเข้าเส้นเลือด !!

เป็นแบบนี้แทบทุกวัน การเดินทางไปคลินิกแต่ละครั้ง เมทรมานมาก คุณแม่ต้องขับรถไปช้าๆ เพราะแค่รถตกหลุม หรือเบรคเบาๆ เมจะรู้สึกเจ็บ ปวดแสบปวดร้อนรุนแรง แทบขาดใจ แต่ก็ต้องทนเพราะเพราะต้องไปฉีดยา !! ด้วยความหวังว่ามันจะดีขึ้น

​ในแต่ละวันแต่ละคืน ทั้งเมและคุณแม่ ไม่มีวันไหนเลยที่เราได้นอนหลับ เมเจ็บปวดแสนสาหัส หลับๆ ตื่นๆ นอนไม่ได้ มีไข้สูง เพ้อ นอนร้องครวญครางทั้งคืน ทานยาลดไข้ก็ไม่ลด เวลาที่เมจะลุกไปเข้าห้องน้ำ คุณแม่ต้องคอยอุ้มพยุงให้ลุกนั่ง ประคองเดินไป เวลาขยับเขยื้อนตัว เมจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนแทบดิ้น เหมือนเนื้อภายในหน้าอกจะฉีก เป็นช่วงเวลาที่ทรมานแสนสาหัสมากที่สุดของเมเลยค่ะ

​คุณแม่รายงานอาการไปยังคุณหมอลี ผ่านคุณอุ้มทุกวัน ถามตลอดว่ามีอะไรที่ผิดปกติมั๊ย ทำไมเมถึงเจ็บมากขนาดนี้ แย่ลงไปทุกวันๆ ไม่ได้ดีขึ้น อย่างที่ทุกคนบอกเลย เมติดเชื้อหรือเปล่า นมจะเน่ามั๊ย คำตอบที่ได้ทุกครั้ง คือ “ไม่เป็นไร มันเป็นอาการปกติของคนที่เพิ่งผ่าตัดทำหน้าอก และเดี๋ยวมันจะค่อยๆดีขึ้นเอง ให้เมอดทน”

การติดต่อคุณหมอลี เป็นไปอย่างยากลำบากและล่าช้า คุณหมอ ติดเคสผ่าตัดบ้าง บินไปต่างประเทศ วันหยุด ลาพักร้อนบ้าง ถ้าคุณอุ้ม ติดต่อคุณหมอไม่ได้ ก็ต้องรอ ไม่มีใคร ทำอะไรได้มากไปกว่านี้เลย คุณหมอที่คลินิค KTOP ก็ไม่มีใครดูแลรักษาเมได้ 
ทุกครั้งที่ไป KTOP ก็จะเจอแต่พยาบาลทั้งชาวเกาหลีและไทย มีคุณหมอมาดู ก็เป็นเพียงคุณหมอผู้ช่วย ที่ไม่ใช่คุณหมอโดยตรงทางด้านศัลยกรรม และทำอะไรไม่ได้ไปกว่ารอคำสั่งจากคุณหมอลีเท่านั้น

​ทุกๆวัน เมมีความหวัง ว่ามันจะค่อยๆ ดีขึ้น ตามที่คุณหมอบอก เมดีใจทุกครั้งที่ฉีดยา แล้วความเจ็บปวดทุเลาลง แต่พอยาหมดฤทธิ์ ความเจ็บปวดทุกอย่างก็กลับมา เมแทบหมดกำลังใจ อาการของเมหนักขึ้นเรื่อยๆ ผอมเป็นโครงกระดูก ตัวซีด อิดโรย ใครที่ได้เห็นเม ก็ตกใจกับสภาพ ที่เหมือนคนเจ็บป่วยใกล้ตาย คล้ายศพ !!

"ภาพเหตุการณ์ที่ รพ. Grand Plastic Surgery นะคะ เมได้นอนที่รพ. 2 คืน แต่เมเจ็บหนักมาก คุณแม่จึงขออยู่ต่ออีก 1 คืน พยาบาลสอนให้คุณแม่ เทเลือดออกจากถุงระบายเลือดทุกวัน แล้วให้เม ย้ายไปนอนที่โรงแรมอยู่ติดกันกับข้างๆรพ. พร้อมถุงระบายเลือด ถึงกำหนด 7 วัน ที่ต้องถอดสายระบายเลือดออก แค่หมอลี บอกว่ายังถอดออกไม่ได้ และให้เมหิ้วถุงระบายเลือดขึ้นเครื่องกลับไทยมาด้วย โดยบอกว่า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นปกติดี”

เมเพิ่งมาทราบภายหลัง ว่ามันผิดปกติ !! การที่มีสายเดรนนานถึง 2 สัปดาห์ การที่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่พยาบาลเทเลือดออกจากถุงเดรน และยังให้หิ้วขึ้นเครื่องบินกลับไทยมาด้วย !!"

 


เรื่องที่เกี่ยวข้อง