หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

ข่าวสังคมและการเมือง

สงขลา | 4 ชีวิตรันทดอาศัยวัดเป็นที่หลับนอนนาน 3 เดือน กำนันพะวงรุดช่วยเหลือ ผ.อ.รร. สั่งช่วยเหลือเรื่องค่าเทอม
1 มิถุนายน 2566 | 14,775
สงขลา | 4 ชีวิตรันทดอาศัยวัดเป็นที่หลับนอนนาน 3 เดือน กำนันพะวงรุดช่วยเหลือ ผ.อ.รร. สั่งช่วยเหลือเรื่องค่าเทอม

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือจาก นางกัญ อายุ 43 ปี ว่าครอบครัวของตนมีด้วยกัน 4 คน มีตน สามีและลูกสาวอีก 2 คน ซึ่งได้พากันมาอาศัยศาลาวัดภายในวัดห้วยขัน ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นที่หลับนอนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม จนถึง ต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนสาเหตุที่มาอาศัยศาลาวัดนอนนั้น 

เนื่องจากมีเพื่อนของครูต้น ซึ่งเป็นครูสอนหนังสือของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส เป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 352/2 ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งได้ประกาศขายบ้านลงทางโซเชียล และตนได้ทำการติดต่อไปเพื่อนของนายประดิน ก่อนจะมีการตกลงขอเช่าบ้านไปก่อนซักระยะ เดือนละ 5,000 บาท เพื่อต้องการซื้อบ้านกับนายปะดินในอนาคต พร้อมกับตนเปิดบริษัทรับงานจากบริษัทเอกชนซึ่งเกี่ยวกับสายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สายสื่อสารอินเทอร์เน็ต ที่บ้านหลังดังกล่าวไปด้วย 

หลังผ่านไปเกือบ 3 ปี ช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ทางบริษัทเอกชนได้มีปัญหาเล็กน้อยระบบเบิกจ่ายค่าวัสดุสายสื่อสารต่างๆ และอุปกรณ์ติดตั้งในบางชิ้นและทางบริษัทให้สำรองจ่ายไปก่อน จึงทำให้ตนต้องหายืมเงินเป็นการชั่วคราว โดยการยืมเงินนายประดิน 20,000 บาท ก่อนจะมีการผ่อนเงินที่ยืมมาพร้อมค่าเช่าบ้านอย่างตรงเวลาเดือนละ 15,000 บาท หลังผ่อนมีการผ่อนครบตามที่คุยไว้ ครูต้นจึงได้เสนอเงินมาอีก 50,000 บาท เพื่อให้ตนนำเงินไปหมุนเป็นการชั่วคราวในช่วงที่ธุรกิจกำลังเติบโต ต่อมาช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ทางบริษัทเอกชนได้มีปัญหาการเบิกจ่ายอีกครั้ง

ตนจึงได้มีการพูดคุยกับครูต้นขอผ่อนเงินขั้นต่ำเงินที่ยืมมาเดือนละ 2,000-3,000 บาท ชั่วคราวไปก่อน พร้อมกับเงินผ่อนบ้านตามปกติเดือนละ 5,000 บาท จนยอดเงินที่ยืมมาเหลือ 35,000 บาท จากนั้นเดือนตุลาคม 2565 

จากนั้นครูต้นได้เดินทางมาที่บ้านและบอกว่าภรรยาของตนเองได้ไล่ออกจากบ้านและไม่ยินยอมให้ตนผ่อนชำระเงินที่ยืมมาเดือนละ 2,000 -3,000 บาท และขอให้ตนผ่อนเดือนละ 10,000 บาท พร้อมกับค่าเช่าตามราคาเดิม ซึ่งเดือนละ 15,000 บาท แต่ด้วยตนมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแล โดยเฉพาะลูกสาว 2 คน ต้องใช้เงินซึ่งกำลังอยู่ในช่วงระหว่างกำลังศึกษาเล่าเรียน จึงไม่สามารถทำตามที่ขอได้และเริ่มมีปัญหาทะเลาะกับนายประดินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งช่วงเดือนต้นเดือนธันวาคม 2565 ตนได้ขอค้างค่าเช่าบ้าน 1 เดือน และนำเงินค่าเช่าบ้านชดเชยกับเงินที่ยืมมา ตามคำสั่งของภรรยานายประดินให้ผ่อนเดือนละ 10,000 บาท 

แต่ด้วยครูต้นไม่ยอมและโมโหตนที่ตนหาเงินไม่ครบตามที่คุยกันไว้ ทำให้ตนเกิดการทะเลาะมีปากกันถึงขั้นขึ้นโรงพัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการไกล่เกลี่ยและตนมีการตกลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะหาเงินนำมาจ่ายในวันที่ 15 มกราคา 2566 หลังมีการทำข้อตกลงต่างคนต่างแยกย้าย ต่อมาปรากฎว่าวันที่ 4 มกราคม 2566 ครูต้นจึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าให้มาทำการตัดหม้อแปลงไฟฟ้าก่อนจะเดินทางกลับจังหวัดนราธิวาส ตนจึงได้ติดต่อครูต้นเพื่อให้มาติดตั้งหม้อแปลง แต่ครูต้นบอกว่า ภรรยาได้สั่งให้หาเงินก้อนมาคืน ณ เดี๋ยวนั้น จึงจะติดตั้งหม้อแปลงให้ 

ด้วยความที่ตนไม่มีเงินก้อนซึ่งต้องรอทางบริษัทเอกชนเบิกจ่ายตามที่นัดวันไว้ซึ่งยังไม่ถึงดำหนดวันที่ 15 มกราคม 2566  และตั้งแต่น้้นมาทำให้ตนและครอบครัวต้องลำบากไม่มีไฟฟ้าใช้และติดขัดในช่วงรับงานจากทางบริษัทและอื่นๆอีกหลายอย่างภายในบ้าน จนกระทั่งครูต้นใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่ที่บ้านและถือวิสาสะตัดกุญแจล็อคประตูบ้านของตนออก แล้วนำแม่กุญแจอันใหม่มาล็อคประตูบ้าน ก่อนที่ตนและครอบครัวจะเดินทางกลับมาที่บ้านและพบว่าเข้าบ้านไม่ได้แล้ว จึงเป็นสาเหตุพาครอบครัวมาอาศัยหลับนอนภายในวัดเป็นการชั่วคราว

 

ล่าสุดนายวัฒนา ถนอมศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาวชิราวุธจังหวัดสงขลา นายจิรศักดิ์ วรกิจ กำนันตำบลพะวง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 (ผู้หญิง) และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางลงพื้นที่ที่วัดห้วยขัน ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นต่อครอบครัวของนางกัญ พร้อมสามีและลูกสาว 2 คน เนื่องจากลูกสาวทั้ง 2 คน กำลังอยู่ในช่วงกำลังศึกเล่าเรียน

 ก่อนจะมีการสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน จากนั้นนายจิรศักดิ์ วรกิจ กำนันตำบลพะวง ได้มีการโทรประสานไปที่ นายประดิน โต๊ะเด็ง หรือ ครูต้น เป็นเจ้าของบ้านที่นางกัญญาวีร์และครอบครัวได้เช่าบ้านอาศัยอยู่ ซึ่งใช้เวลาพูดคุยประมาณ 20 นาที พร้อมกับมีการนัดวันเวลาให้นายประดินเดินทางมาที่อำเภอหาดใหญ่ เพื่อพูดคุยไกล่เกลี่ยหาข้อยุติ


จากการสอบถาม นายจิรศักดิ์ วรกิจ กำนันตำบลพะวง ได้เปิดเผยว่า หลังมีการพูดคุยแนะนำติดต่อครูต้นไปที่จังหวัดนราธิวาสบ้านที่มีปัญหากับน้องจอยซึ่งทางครูต้นจะเดินทางลงมา เพื่อเคลียร์ปัญหาให้ก่อนส่วนเรื่องสาเหตุที่ล็อคประตูบ้านจากการพูดคุยซึ่งทางครูต้นไม่บอกซึ่งคิดว่าต้นน่าจะมีปัญหาส่วนตัวของแกเอง ถึงอย่างไรต้องรอให้ครูต้นเดินทางลงมาก่อนและพูดคุยกันอีกทีซึ่งคาดว่าน่าจะไม่เกิน 2-3 วัน เดินทางมาถึงหาดใหญ่ ช้าสุดก็วันเสาร์เพราะวันอาทิตย์ครูต้นบอกว่าติดประชุม 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีการล็อคบ้านนั้นต้องคิดถึงตัวเราเหมือนเรามีลูกและลูกอยู่ในวัยศึกษาทั้ง 2 คน อนาคตของเด็กและที่สำคัญแกก็เป็นครูด้วย อยากถามครูต้นว่าอนาคตของเด็กไม่สงสารเด็กหรือไงครับ ส่วนทางแม่เด็กตอนนี้ต้องการมากที่สุดก็คือจะเป็นพวกอุปกรณ์เครื่องมือที่ทำมาหากินและเป็นอาชีพของแก ซึ่งอุปกรณ์ประกอบอาชีพทุกอย่างอยู่ภายในบ้านครูต้นซึ่งวันที่โดนล็อคบ้านทั้ง 4 คน ออกมาแต่ตัวทั้งหมด ซึ่งไม่มีใครรู้เจ้าของบ้านจะมาตัดกุญแจและนำกุญแจใหม่ล็อคประตูแล้วก็กลับนราธิวาสเลย เพราะไม่มีใคร อยู่บ้านพอกลับมาอีกทีก็เข้าบ้านไม่ได้แล้ว

และตอนนี้ทาง ผอ.ของโรงเรียนมหาวชิราวุธและโรงเรียนเทศบาล 5 สงขลา ได้สั่งการให้ครูประจำชั้นคอยดูแลเด็กๆอย่างใกล้ชิด พร้อมกับดูแลเรื่องอุปกรณ์การเรียนทั้ง 2 คน ซึ่งทั้งสองคนก็ออกมาแต่ตัวเช่นกัน

จากการพูดคุยกับ ลูกสาวคนโต ได้เล่าว่า ตนมาอาศัยนอนที่ตรงนี้ ประมาณเกือบจะ 3 เดือน ซึ่งมันทรมานมากและไม่เคยคิดด้วยว่าตนเองและครอบครัวต้องมานอนที่ตรงนี้ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมากซึ่งตนไม่คิดว่าครูคนหนึ่งจะทำร้ายชีวิตเด็กได้ ขนาดนี้โดยเฉพาะ กับครอบครัวตน จนไม่อยากจะฝากอะไรถึงครูขอแค่ให้ครูมีจิตสำนึกของครูก็แค่นั้นเองสมมุติถ้าคุณครูมีลูกคุณครูโดนกระทำแบบนี้จะรู้สึกยังไง ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมไม่นึกถึงความรู้สึกของหนูด้วยนะตอนนี้ตนอยากอยู่เป็นครอบครัวเหมือนเดิมและตนกังวลน้องสาวรู้สึกสงสารน้องมากๆ ปกติตนจะเป็นคนเข้มแข็งต่อหน้าพ่อแม่ พอรับหลังตนก็แอบร้องเพราะรู้สึกสงสารครอบครัว และอยากจะขอบคุณทางผอ.โรงเรียนและพี่ๆทุกคน ที่เข้ามาช่วยเหลือซึ่งตอนนี้ตนรู้สึกโล่งอกพร้อมกับคุณแม่ด้วย

ต่อมาหลังนายวัฒนา ถนอมศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาวชิราวุธจังหวัดสงขลา เดินทางกลับและผู้สื่อข่าวกำลังจะสัมภาษณ์นางกัญญาวีร์  ธรรมโร แม่ของนางสาวฑิตย์ติยา หลำโสะ  จู่ๆ ผู้ใหญ่บ้าน ได้ด่าตำหนิและแสดงอาการไม่พอใจต่อสองแม่ลูก เนื่องจากได้แอบมานอนภายในวัดทั้งครอบครัวและไม่ได้มีการบอกกล่าวให้ตนเองได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นและทำให้นักข่าวนำชื่อของวัดไปลงทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้อธิบายให้ผู้ใหญ่บ้านได้เข้าใจ สาเหตุทำไมที่ทางครอบครัวไม่ยอมแจ้งให้ทราบ ซึ่งวันนี้ทางครอบครัวก็ได้เดินทางมาอธิบายแล้วเมื่อสักครู่ 

จากนั้นปรากฎว่า ได้มีพระลูกวัดรูปหนึ่งเดินเข้ามาเกิดการโต้เถียงการขึ้นและเกือบจะวางมวยเนื่องจากไม่พอใจที่นำชื่อวัดไปลงข่าวและครอบครัวเป็นต้นเหตุให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียงซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ผู้สื่อข่าวได้ไปอธิบายและเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ระหว่างพระกับนักข่าวซึ่ง ซึ่งทางนักข่าวได้ถามพระลูกวัดว่า การนำชื่อของวัดไปนำเสนอข่าวน้้นไม่ได้เกิดความเสื่อมเสียหรือเสียหายแต่อย่างใด

สาเหตุ ที่นำชื่อวัดไปลงในข่าวนั้นเพื่อที่จะต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบพิกัดแน่ชัดเพื่อที่จะได้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแต่กลับกลายเป็นว่าเป็นการทำให้เสียชื่อเสียงซึ่งแท้ที่จริงแล้วคนที่ถูกกระทำคือครอบครัวของชาวบ้าน ไม่ใช่วัด ถูกกระทำจนให้เสียเสื่อมเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด 

ด้านกำนันและผู้ช่วยกำนันได้เข้ามาห้ามปรามและนำตัวพระลูกวัดไปสงบสติอารมณ์ที่กุฎิ จึงเกิดคำถามว่า วัดเป็นที่สาธารณะและชาวบ้านช่วยกันสร้างวัด แต่ทำไมชาวบ้านเดือดร้อนไปพึ่งวัดกลับกลายเป็นว่าไปทำให้วัดเสียเสื่อมเสียชื่อเสียง


เรื่องที่เกี่ยวข้อง