หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

ข่าวสังคมและการเมือง

จะนะ | หลายหน่วยลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาเด็ก 5 ขวบ พัฒนาการช้า มีอาการชักเกร็งกระตุก หลังฉีดวัคซีนเด็กตามเกณฑ์
30 พฤศจิกายน 2565 | 4,548
จะนะ | หลายหน่วยลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาเด็ก 5 ขวบ พัฒนาการช้า มีอาการชักเกร็งกระตุก หลังฉีดวัคซีนเด็กตามเกณฑ์

วันที่ 29/11/65 นายแพทย์ สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา นำทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลา พร้อมสาธารณสุขอำเภอจะนะ และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 58/1 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พบกับ นางสาวยุพดี ดอเลาะ อายุ 27 ปี แม่ของเด็กชาย เด็กชายอินฮัม หมันเหล้ม อายุ 4 ปี 2 เดือน

หลังจาก นางสาวยุพดี ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ลูกชายของตนเข้ารับการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าหมอไทร เมื่อตอนอายุ 5 เดือน 8 วัน แล้วมีอาการชักกระตุก เกร็ง ตาเหลือก น้ำลายฟูมปาก

มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน ทำให้ได้รับผลกระทบไม่สามารถเข้าโรงเรียนได้ แต่เจ้าหน้าที่ที่ฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับลูกชายของตน กลับไม่เหลียวแล ไม่มาให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด ซึ่งตนและครอบครัวต้องนำบุตรชายเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจะนะ และส่งไปต่อรักษาที่โรงพยาบาลสงขลา ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่า เกิดจากอาการข้างเคียงของการฉีดวัคซีน ทำให้ลูกชายต้องรักษาต่อเนื่อง และแพทย์ก็ปรับยากันชักให้ จนทำให้ขณะนี้ อาการเริ่มดีขึ้น อาการชักน้อยลง และลูกชายก็กลับมาเดินเกือบจะปกติ แต่ยังไม่สามารถพูดเป็นคำได้เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน 

ทั้งนี้ ทีมแพทย์ ได้ตรวจอาการของเด็กชาย อินฮัม ก็ยังไม่พบความผิดปกติในร่างกาย กล้ามเนื้อก็แข็งแรง ปอดและหัวใจก็ทำงานปกติ  ด้าน นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ เผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ พม.สงขลา เข้ามาดูแลเด็กชายคนดังกล่าว อาการไม่น่าเป็นห่วงมาก ซึ่งที่ผ่านมา มีอาการชักต่อเนื่อง แต่ล่าสุด ไม่ได้มีอาการชักมา 3-4 เดือนแล้ว หลังจากได้รับยาจากโรงพยาบาลสงขลา และระดับยาคงที่จนสามารถควบคุมอาการชักได้ เด็กไม่มีอาการซึมเกินไป ถือเป็นสัญญาณที่ดี 

แต่มีปัญหาที่พัฒนาการช้าไป เพราะเด็ก 4 ขวบ ที่ขณะนี้เดินได้ แต่ยังไม่คล่อง ขณะที่มือ ยังทำงานใช้การได้ไม่เต็มที่ และยังพูดไม่ได้ ซึ่งต้องเน้นพัฒนาการด้านสติปัญญา และกล้ามเนื้อ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องช่วยกันส่งเสริมพัฒนาการในชีวิตประจำวัน เช่น การหาของเล่น ที่จะช่วยให้เด็กหยิบจับ เพื่อให้มือทำงานได้มากขึ้น หรือ การกินข้าว ให้ใช้มือจับช้อนด้วยตัวเอง หรือ การหานักจิตวิทยา และนักกายภาพบำบัด จากโรงพยาบาลจะนะ เข้ามาดูแลเยียวยา ให้เด็กได้มีพัฒนาการทางสมองได้เร็วขึ้น และเมื่อถึงวัยสมควร ก็สามารถนำเข้าเรียนที่โรงเรียนเด็กพิเศษของอำเภอจะนะได้ 

ส่วนสาเหตุ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากวัคซีน คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ที่เด็กทุกคนต้องได้รับการฉีดเมื่อถึงเกณฑ์ ซึ่งวัคซีนสามารถทำให้เกิดภาวะสมองอักเสบ หรือ ชักเรื้อรังได้ แต่ไมไ่ด้เกิดกับทุกคน อาจจะ 1 ต่อแสนคน หรือ 1 ต่อ 5 หมื่นคน ซึ่งในจังหวัดสงขลา เด็กที่มีภาวะแบบนี้มีน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ก็จะเกิดภาวะติดเชื้อ หรือ กรรมพันธุ์ 

ทั้งนี้ เด็กยังมีโอกาสที่จะหายเป็นปกติได้ โดยการควบคุมภาวะชัก และหากกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี ก็จะลดยาหรือหยุดยาได้ พร้อมกับการดูแลด้านพัฒนาการควบคู่กันไป และหากส่งเสริมกระตุ้นที่ดีก็จะหายกลับมามีพัฒนาการได้เหมือนกับเด็กในวัยเดียวกัน ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 ปี 

ด้าน นางสาวสุพัตรา ดิสระ ฝ่ายเยียวยา พม.สงขลา  เผยว่า จากการพูดคุยกับแม่ของเด็กก็ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ ค่าใช้จ่ายในการนำลูกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสงขลา หรือ ค่าใช้จ่ายในการซื้อแพมเพิซ และการดูแลเด็กรายวัน ซึ่ง พม.จะเร่งดำเนินการเงินสงเคราะห์ครอบครัว และแผนระยะยาว ต้องนำเข้ากองทุนคุ้มครองเด็ก เนื่องจากครอบครัวนี้มีลูกที่ต้องดูแล 3 คน ส่วนการนำเข้าเรียนในโรงเรียน ต้องให้เด็กฝึกพัฒนาการเรียนรู้ที่ดีขึ้นจากที่บ้านก่อน  โดยจะใช้ระยะเวลาฝึก 2 ปี หากดีขึ้นแล้วก็จะเข้าเรียนได้ตามเกณฑ์ปกติ 

ขณะที่ นางสาวยุพดี ดอเลาะ ก็ดีใจและขอบคุณหลายหน่วยงานเข้าให้ความช่วยเหลือและมารับผิดชอบพร้อมเยียวยาเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งจะมีการเยียวยาค่าใช้จ่ายในการลูกชายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแลลูก ส่วนพัฒนาการลูกก็ต้องดำเนินการไปพร้อมกับคำแนะนำของแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนตนก็ต้องทำการบ้านในการรักษาลูก รวมทั้งการนำตัวเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการรักษา และทำกายภาพให้พัฒนาการดีขึ้น 

ซึ่งขณะนี้อาการของลูกชายดีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ถดถอย เดินไม่ได้ แต่ขณะนี้กลับมาเดินได้แล้ว ยิ้มได้ และคาดว่าไม่เกิน  2 ปี จะกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งตนก็จะทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่ ให้ลูกหายเป็นปกติ


เรื่องที่เกี่ยวข้อง