หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

ข่าวอาชญากรรม

สงขลา | ชาวจะนะ กว่า 500 คน พร้อมผู้นำท้องถิ่นยื่นหนังสือ ถึงรัฐบาลหนุนให้เดินหน้านิคมอุตสาหกรรมจะนะ ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา
14 มกราคม 2565 | 5,169
สงขลา | ชาวจะนะ กว่า 500 คน พร้อมผู้นำท้องถิ่นยื่นหนังสือ ถึงรัฐบาลหนุนให้เดินหน้านิคมอุตสาหกรรมจะนะ ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา

วานนี้ (13/1/65) เวลา 11.00 น. นายโชติบริพัตร ไชยแก้ว  นายสักรียา  อะยามา  และนายเจ๊ะโส๊ะ หัดเหาะ  3 แกนนำชาวบ้านจากตำบลนาทับ ตำบลตลิ่งชัน และตำบลสะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา พร้อมชาวบ้านในพื้นที่จาก 3 ตำบลจำนวนกว่า 500 คนเดินทางมายังศาลากลางจังหวัดสงขลา เพื่อแสดงเจตจำนงค์ในการสนับสนุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ  ที่รัฐบาลสั่งให้ยุติโครงการเพื่อทำการศึกษาโครงการอย่างละเอียด  ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านที่เห็นด้วยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก 

โดยมีการกล่าวโจมตีกลุ่มคัดค้านว่ามีเพียงส่วนน้อยไม่ถึง 20% ชาวบ้านส่วนใหญ่กว่า 80% เห็นด้วยกับโครงการนี้ เนื่องจากจะนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น มีการจ้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง ก่อให้เกิดเศรษฐกิจสะบัดในชุมชนและชาวบ้านทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้น รัฐบาลท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีมาบำรุงมาพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญทัดเทียมเมืองที่เจริญแล้ว เพราะทุกวันนี้ลูกหลานในพื้นที่ต่างออกไปทำมาหากินต่างพื้นที่เช่นที่ภูเก็ต ในตัวเมืองสงขลาในตัวเมืองหาดใหญ่และโรงงานในรอบๆ อ.จะนะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ครอบครัวขาดความอบอุ่นเพราะต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดกลับมาจนมืดค่ำ

ชาวจะนะที่มาเรียกร้องวันนี้เป็น ชาวบ้านในพื้นที่ของ 3 ตำบลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจริง ไม่ใช่เป็นคนต่างพื้นที่  พร้อมอ่านแถลงการณ์ ว่าชาวตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาทับ ตำบลสะกอม อ.จะนะ ถึงรัฐบาลและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ที่ผ่านมาพวกเราประชาชน 3 ตำบล ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร เรื่องการพัฒนาเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าในอนาคต ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล พวกเราคือผู้มีส่วนได้เสียจริงส่วนใหญ่เห็นด้วยสนับสนุนอยากให้โครงการปรากฏเป็นจริงตามวันเวลาที่กำหนด เพราะเชื่อว่าเกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ทั้งการจ้างงานซึ่งเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของคนหนุ่มสาวลูกหลานของเราในอนาคตอันใกล้ ทั้งภาษีท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นตลอดจนนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในส่วนอื่นๆของผู้คนในชุมชน แต่ท่ามกลางการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการขั้นตอนต่างๆไม่ว่าการปรับเปลี่ยนผังเมืองเพื่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินโครงการการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ การจัดประชุมในกรอบการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้รับการขัดขวางทุกครั้งเรื่อยมาจนเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องสั่งชะลอกระบวนการขับเคลือนจนกระทั่งขณะนี้โครงการก็อยู่ในระยะของการหยุดชะงัก

แต่การที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโครงการและรวมไปถึงจัดให้มีการทำการศึกษาประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ขึ้นถือเป็นเรื่องดีเพราะเป็นการสร้างกระบวนการรับรู้ข้อเท็จจริงร่วมกันมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามพวกเราทั้งสามตำบลก็ยังมีความวิตกกังวลอยู่ไม่น้อยว่าโครงการอาจจะถูกเลื่อนออกไปอีกตามกระแสกดดันของกลุ่มผู้คัดค้านที่มุ่งต่อต้านการพัฒนาอุตสาหกรรมและองค์การของรัฐโดยไม่นำพาต่อผลกระทบในอนาคต อันเกิดจากการหยุดชะงักของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังนี้

1. รัฐบาลจะต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ว่าจะไม่ยุติโครงการนี้ แค่เพียงเพราะคนส่วนน้อยที่ขัดขวางและยืนยันดำเนินโครงการต่อไปจนสำเร็จตามเวลาที่กำหนด ไม่หลุดไปจากความเหมาะสมของยุคสมัย เพราะคนหนุ่มสาวที่กำลังเรียนหนังสือชั้นมัธยมศึกษา ระดับอาชีวศึกษามีความหวังในการทำงาน
2. ขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชนในชุมชนผู้มีส่วนได้เสียจริงอย่างทั่วถึง ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ศาสนาวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และหากเป็นไปได้ขอให้เร่งรัดศึกษาผลกระทบทางยุทธศาสตร์ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
3. รัฐบาลควรใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อการกระทำใดๆของคนบางกลุ่มที่ละเมิดกฎหมายและละเมิดสิทธิของผู้อื่นเช่นการขัดขวางการประชุม การรื้อเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในทุกกรณี
4. ในคณะกรรมการตรวจสอบระดับพื้นที่ต้องจัดให้มีแกนนำหรือผู้นำชุมชนผู้ทรงคุณวุฒิที่คนส่วนใหญ่ยอมรับจาก 3 ตำบลเป็นกรรมการร่วมในสัดส่วนของผู้สนับสนุนโครงการไม่น้อยกว่ากลุ่มคัดค้านโครงการ

ประการสุดท้ายพวกเราประชาชนผู้มีส่วนได้เสียจริงในพื้นที่ยืนยันว่ายังคงสนับสนุนและคาดหวังให้โครงการพัฒนานี้เกิดขึ้นเป็นจริงในเวลารวดเร็วและเชื่อมั่นต่อความพยายามของรัฐบาลเพราะว่าโครงการเป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชนในพื้นที่และพี่น้องประชาชนไทยทั้งชาติ

หลังจากนั้น ผู้นำชุมชนทั้งสามตำบลได้ทำยื่นหนังสือให้กับนายรุ่งโรจน์ และสูบ ผ.อ. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา พร้อมรับหนังสือ เพื่อเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับ ข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มที่มายื่นหนังสือวันนี้


เรื่องที่เกี่ยวข้อง