ตามที่มีปรากฎภาพในเพจและนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการค้าขายในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา และมีการวิจารณ์ให้เข้าใจผิดว่า เป็นการส่งเสบียงทางทหารนั้น พลโท สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว หรือด่านชายแดนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ในปัจจุบันยังคงเปิดให้มีการผ่านเข้า-ออกภายใต้มาตรการควบคุมการป้องกันโรคโควิด-19 และ เป็นไปตามกฎหมายระเบียบในการข้ามแดนของบุคคลและสินค้า-สิ่งของโดยมีส่วนราชการในพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกันทั้ง ตำรวจ ฝ่ายปกครองของจังหวัด จนท.ศุลกากร,จนท.สาธารณสุข เป็นต้น โดยในการขนส่งสินค้าข้ามแดนต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 เป็นหลัก และพิจารณาร่วมกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอนุญาตสินค้าบางประเภท เช่น พ.ร.บ.กักพืช กระทรวงเกษตรฯ, การนำเข้าสินค้า-ส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนสามารถดำเนินการค้าขาย ขนส่งสินค้าข้ามแดนได้ตามระเบียบและกฎหมายตามความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ตามปกติ โดยเฉพาะในสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคและจำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต ทั้งนี้ต้องไม่ได้เป็นสิ่งของต้องห้ามตามกฎหมายหรือยุทธภัณฑ์ที่อยู่ในการควบคุม
สำหรับการค้าขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา ในขณะนี้นั้น เป็นเรื่องของผู้ประกอบการโดยตรง เป็นการค้าชายแดนตามปกติ กองทัพไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไปดำเนินในเรื่องเหล่านี้ และ จนท.ไม่ได้ปิดกั้นการค้าขายชายแดน หากดำเนินการในกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนของศุลกากรตามที่กล่าวมาแล้ว
ทั้งนี้ ประชาชนตามแนวชายแดน รวมถึงการค้าขายของผู้ประกอบการที่มีการส่งสินค้าตามช่องทางต่างๆ ก็ยังคงต้องผ่าน การตรวจสอบและกำกับดูแลจากทหารเมียนมาตามระเบียบปฏิบัติของทางการเมียนมา ตามปกติเช่นกัน ปัจจุบัน กองกำลังชายแดน ยังคงภารกิจปกป้องอธิปไตย สร้างความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ การลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค
นอกจากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วอีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คืออำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินการค้าขายตามแนวผ่านจุดผ่านแดน จุดผ่อนปรนทางการค้า ช่วยตรวจสอบคัดกรองสิ่งต่างๆโดยเฉพาะสิ่งผิดกฎหมายไม่ให้มีการผ่านเข้า-ออก หรือมีการลักลอบขนส่งสินค้าข้ามแดนโดยไม่ผ่านการตรวจสอบตามกระบวนการศุลกากร โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมดูแลสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนของประเทศเพื่อนบ้าน การนำเสนอข่าวสาร ด้วยความระมัดระวัง ไม่กระทบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและไม่เป็นการก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศอื่น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าข้อมูลนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะอาจจะสร้างผลกระทบในทางลบต่อผลประโยชน์ของประเทศหรือประชาชนชาวไทยได้ สิ่งที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันในขณะนี้คือ สร้างความรักความสามัคคี สร้างการรับรู้ในข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุกเรื่องเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย บ้านเมืองสงบสุข และช่วยกันดูแลคนไทยประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย
สงขลา | ต้อนรับนทท.เดินทางข้ามแดน ร่วมเล่นสงกรานต์ผ่านด่านพรมแดนสะเดา
12 เมษายน 2567 | 4,852สะเดา | นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาเที่ยวในหาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
10 เมษายน 2567 | 4,953สงขลา | เร่งรัด! เปิดให้บริการด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่
6 เมษายน 2567 | 6,316พัทลุง | ชาวพัทลุงหนีร้อนไปเล่นน้ำ!
28 มีนาคม 2567 | 6,068หาดใหญ่ | แรงงานเฮ! มติเอกฉันท์ขึ้นค่าจ้าง 400 บาท นำร่อง 10
27 มีนาคม 2567 | 5,929สงขลา | แรงไม่หยุด! ยางพาราพุ่งเกือบ 90 บาท สูงสุดในรอบ 7 ปี
21 มีนาคม 2567 | 6,231สทิงพระ | ขอใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐ "บ้านคลองรี" (บางส่วน)
21 มีนาคม 2567 | 5,045หาดใหญ่ | มอบโค-กระบือ จำนวน 42 ตัว แก่คนพิการทางการเห็น
19 มีนาคม 2567 | 4,517