ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เคยตั้งเป้าส่งเสริมการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมูลค่าตลอดทั้งปี 2563 ไว้ที่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2562 ที่มีมูลค่า 1.337 ล้านล้านบาท แต่เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้การค้าชายแดนไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-พฤษภาคม) ซบเซาอย่างหนัก เนื่องจากการปิดด่านเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด แต่รัฐบาลยังผ่อนปรนให้เปิดด่านถาวรและจุดผ่อนปรนให้สามารถขนส่งสินค้าได้จำนวน 28 ด่าน จากทั้งหมด 97 ด่าน
การปิดด่านฯ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการทั้งส่งออกและนำเข้า เพราะไทยต่างก็ต้องพึ่งพาการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านกันมายาวนาน เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีความต้องการสินค้าไทยเป็นอย่างมากเพราะความนิยมในคุณภาพของสินค้าไทยซึ่งมีมาตรฐานสินค้าและความคุ้มค่าสูง นอกจากเราจะขายสินค้าให้เพื่อนบ้านได้มากแล้ว เรายังได้รับสินค้าที่มีความหลากหลายจากเพื่อนบ้าน ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้นและยังได้ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ประชาชนคนไทยได้รับประโยชน์จากการได้ดุลการค้าเพื่อนบ้าน โดยในช่วงปี 2562 การค้าชายแดน[1] กับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ (มาเลเซีย สปป. ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์) มีมูลค่า 1,069,251 ล้านบาท เป็นการส่งออก 612,490 ล้านบาท นำเข้า 456,762 ล้านบาท ไทยเกินดุลการค้า 155,728 ล้านบาท และการค้าผ่านแดน[2] กับ 3 ประเทศ (จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม) มูลค่า 268,031 ล้านบาท เป็นการส่งออก 136,933 ล้านบาท นำเข้า 131,098 ล้านบาท ไทยเกินดุลการค้า 5,834 ล้านบาท
เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ปลดล็อกระยะที่ 5 เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ว่า ไทยจะต้องเร่งสนับสนุนการค้าที่ด่านชายแดน และเพิ่มการค้าระหว่างไทยกับประเทศในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย โดยมอบกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป
บัดนี้ ได้มีการอนุมัติให้เปิดจุดผ่านแดน และจุดผ่อนปรนเพิ่มเติม 9 จุดใน 9 จังหวัด ท่ามกลางการคุมเข้มการแพร่ระบาดไม่ให้กลับมาระบาดรอบ 2 ได้ ได้แก่
-จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือหนองคาย จ.หนองคาย
-จุดผ่านแดนถาวรบ้านคกไผ่ อ.ปากชม จ.เลย
-การผ่อนปรนเปิดช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติ ตลาดแนวชายแดนไทย-พม่า จ.ตาก
-จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
-จุดผ่อนปรนการค้าบ้านแจมป๋อง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
-จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
-จุดผ่านแดนถาวรปาดังเบซาร์ และจุดผ่านแดนถาวรด่านบ้านประกอบ จ.สงขลา
-จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
-จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี
ทำให้วันนี้ มีด่านชายแดนที่เปิดแล้วเพิ่มเป็น 37 จุด จากทั้งหมด 97 จุด เป็นด่านถาวร 31 จุด จากทั้งหมด 42 จุด เป็นด่านผ่อนปรนการค้าและท่องเที่ยว 4 จุด จาก 52 จุด เป็นด่านผ่อนปรนพิเศษ 1 จุด และเป็นด่านชั่วคราว 1 จุด แม้ว่ายังเปิดไม่ได้ครบทั้งหมด รัฐบาลจะประสานเพื่อให้มีการเปิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะ 11 ด่านถาวรที่เหลือซึ่งเป็นด่านติดกับเมียนมาร์และ สปป. ลาว
โดยขณะนี้ ได้มีการสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านให้พิจารณาเปิดช่องทางเข้าออกด่านจุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะเพื่อการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านแดนได้ตามความจำเป็น เพื่อบรรเทาผลกระทบและขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดน แต่จะต้องมีมาตรการป้องกันโรค และกำกับการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบและเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งหมดนี้ ทำให้มีจุดผ่านแดนเพิ่มขึ้นอีก 12 จุด ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ดังนี้
-ไทย-มาเลเซีย จำนวน 4 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวรด่านบ้านประกอบ จ.สงขลา / จุดผ่านแดนถาวรด่านบูเก๊ะตา จ.นราธิวาส / จุดผ่านแดนถาวรปาดังเบซาร์ จ.สงขลา / จุดผ่านแดนถาวรด่านตากใบ จ.นราธิวาส
-ไทย-เมียนมาร์ จำนวน 6 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี / จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสินขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ / จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน / จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยผึ้ง จ.แม่ฮ่องสอน / จุดผ่อนปรนการค้าบ้านแม่สามแสบ จ.แม่ฮ่องสอน / จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) จ.กาญจนบุรี
-ไทย-สปป.ลาว จำนวน 1 จุด คือ จุดผ่อนปรนการค้าบ้านใหม่ชายแดน อ.สองแคว จ.น่าน
-ไทย-กัมพูชา จำนวน 1 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
ในด้านมูลค่าการค้าชายแดนในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มาเลเซีย ยังเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์และแผงวงจรไฟฟ้า
-มาเลเซีย มีมูลค่าการค้ารวม 87,854 ล้านบาท ลดลง 32.43%
-สปป.ลาว มูลค่าการค้ารวม 77,172 ล้านบาท ลดลง 6.59%
-เมียนมาร์ มูลค่าการค้ารวม 73,740 ล้านบาท ลดลง 10.96%
-กัมพูชา มูลค่าการค้ารวม 70,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.20%
นอกจากนี้ ในด้านมูลค่าการค้าผ่านแดน ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา จีนยังเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง โดยมีสิงคโปร์ และ เวียดนามรองลงมา
-จีน มีมูลค่าการค้ารวม 90,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.74%
-สิงคโปร์ มีมูลค่าการค้ารวม 36,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.83%
-เวียดนาม มีมูลค่าการค้ารวม 24,697 ล้านบาท ลดลง 26.71%
-ประเทศอื่น ๆ มีมูลค่าการค้ารวม 63,180 ล้านบาท ลดลง 16.85%
ทั้งนี้ การค้าชายแดนและจุดผ่านแดนของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 524,357 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดการณ์แนวโน้มการค้าชายแดนและผ่านแดนในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2563 เชื่อว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากการคลายล็อกมาตรการและเปิดจุดผ่านแดนได้ครบทุกจุด ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 และการไม่กลับมาแพร่ระบาดรอบ 2 อันจะทำให้การค้าชายแดนกลับมาคึกคักสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูล : สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี
สงขลา | ต้อนรับนทท.เดินทางข้ามแดน ร่วมเล่นสงกรานต์ผ่านด่านพรมแดนสะเดา
12 เมษายน 2567 | 5,188สะเดา | นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาเที่ยวในหาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
10 เมษายน 2567 | 5,196สงขลา | เร่งรัด! เปิดให้บริการด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่
6 เมษายน 2567 | 6,775พัทลุง | ชาวพัทลุงหนีร้อนไปเล่นน้ำ!
28 มีนาคม 2567 | 6,657หาดใหญ่ | แรงงานเฮ! มติเอกฉันท์ขึ้นค่าจ้าง 400 บาท นำร่อง 10
27 มีนาคม 2567 | 5,944สงขลา | แรงไม่หยุด! ยางพาราพุ่งเกือบ 90 บาท สูงสุดในรอบ 7 ปี
21 มีนาคม 2567 | 6,256สทิงพระ | ขอใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐ "บ้านคลองรี" (บางส่วน)
21 มีนาคม 2567 | 5,060หาดใหญ่ | มอบโค-กระบือ จำนวน 42 ตัว แก่คนพิการทางการเห็น
19 มีนาคม 2567 | 4,528