หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

ข่าวสังคมและการเมือง

หาดใหญ่ | กุ๊กร้านข้าวต้มเหยื่ออส.กราดยิง เผยกว่า 5 เดือนยังไม่ได้รับการเยียวยาจากครอบครัวอส. ขณะที่ตนถูกยิงกระสุนยังอยู่ในแขนผ่าตัดเอาออกไม่ได้
27 เมษายน 2568 | 7,163
หาดใหญ่ | กุ๊กร้านข้าวต้มเหยื่ออส.กราดยิง เผยกว่า 5 เดือนยังไม่ได้รับการเยียวยาจากครอบครัวอส. ขณะที่ตนถูกยิงกระสุนยังอยู่ในแขนผ่าตัดเอาออกไม่ได้

วันที่ 26 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สัมภาษณ์เหยื่อ อส.กราดยิงร้านข้าวต้มกลางเมืองหาดใหญ่  เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567  เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เจ็บ 3 ราย  ล่าสุด 1 ในผู้บาดเจ็บ นายสุริยา สุประดิษฐ์ วัย 43 ปี (ช้าง) อยู่บ้านเลขที่ 65/7 ม.4 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา  ถูกยิงบริเวณแขนและยังคงต้องรักษาตัวอยู่ เผยว่าตนยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากหน่วยงานและครอบครัวของอส.

จากการสอบถาม เล่าว่า ตนยังเจ็บแผลจากการถูกยิงและทำกายภาพอยู่  เจ็บแปลบๆภายในแขนตอนนี้รู้สึกกังวลใจเรื่องการทำงานเพราะต้องใช้แขนขวาในการทำงาน ทำได้เพียงรับจ๊อบอ่านออเดอร์เท่านั้น ไม่ได้ลงมือในครัว ถือว่าที่ร้านยังใจบุญที่จ้างเราอยู่ ส่วนรายได้หายไปเยอะมาก จากรายได้วันละ 800 เหลือเพียงจ้าง 2 วัน 800 ญาติของผู้ก่อเหตุไม่เคยติดต่อมาช่วยเหลือ เยียวยาก็ไม่ได้สักบาท ส่วนตัวรู้สึกกังวลว่าแขนจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ เราเองก็ได้ทำเรื่องไปทางกระทรวงยุติธรรม ตอนนี้ยังรอใบรับรองแพทย์และพาเข้าที่ประชุม

ด้านนางสาวออมใจ ทองประดับเพชร (เบล) วัย 38 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไปได้กล่าวว่า วันนั้นที่เกิดเรื่องก็ได้นำส่งรพ.หาดใหญ่ เราก็ได้ดูแลเพราะตอนนั้นเข้าเวรดูแลผู้ป่วย รักษาตัวอยู่ 9 วัน จนออกมาเราก็ต้องพาเขาไปทำกายภาพ จากที่ว่าเขาทำงานได้ทุกวัน ก็เหลือเพียง 2 วันเท่านั้น เรื่องการลงครัวก็ยังทำมากไม่ได้ เพราะข้อมือจะบวม  ส่วนในการรักษารอบแรกเอากระสุนออกไม่ได้ ผ่าตัดรอบที่ 2 ก็ยังเอาออกไม่ได้ หมอเลยเอากระดูกมี่หักและแตกเอาออกทั้งหมด ทุกวันนี้กระสุนก็ยังอยู่ในแขน ส่วนวันที่ 28 เมษายนนี้ 68 ศาลจะนัดครั้งแรก

เราก็กลัวเพราะได้ข่าวมาว่าอส.ที่ยิงลูกเป็นตำรวจ เกรงว่าข่าวจะเงียบ ตอนแรกข่าวที่ออกไปบอกว่ายิงเสร็จแล้วมอบตัว พอรุ่งเช้าได้มีการบอกว่าอส.คนนี้เขียนใบลาออกแล้ว เพราะว่าทางครอบครัวของอส.ไม่ได้มาเยียวยาตั้งแต่แรก ส่วนเจ้าของร้านเองก็ตาบอดยังรักษาตัวอยู่ มาถึงตอนนี้จะ 5 เดือนแล้ว เรื่องยังเงียบ เราก็ขาดรายได้ไป ภาระส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่เรา ส่วนวันไหนที่ต้องพาพี่ช้างไปรพ. ก็จะมีกระทบบ้างกับงานในช่วงแรกๆ ช่วงหลังก็แลกเวรเอา อยากให้หน่วยงานเข้ามาดูแลช่วยเหลือเราขาดรายได้  อนาคตก็ไม่รู้ว่าแขนจะกลับมาใช้งานได้ปกติไหม  ญาติอส.เองควรเข้ามาดูแล ไม่ใช่ว่ามีเส้นสายตำรวจจะเงียบ หรือมอบตัวแล้วคดีจะจบมันไม่ใช่ ผลกระทบมันตกอยู่ที่หลายคน

ทั้งเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ และเจ้าของร้านข้าวต้มที่ตาบอด เขาเองก็มีลูกเล็ก ทางญาติผู้ก่อเหตุไม่สนใจใยดี แม้กระทั่งเราด้วย ลูกก็ยังเล็กและเรียนอยู่ ห่วงสุดคือคดีจะไม่คืบหน้า ฝากขังมาเรื่อยๆ ส่วนหลังจากขึ้นศาลในวันที่ 28 เม.ย 68 เราก็กลัวว่าเรื่องจะเงียบ ศาลไม่ตัดสิน หรือให้เขาติดคุกไปเลย แล้วใครจะมารับผิดชอบ เพราะทางครอบครัวเขาก็ไม่ได้เข้ามาดูแลตั้งแต่แรก

ต้องขอบคุณตำรวจที่ทำคดีนี้มีการโทรคุยอัพเดทให้ตลอด สุดท้ายอยากฝากถึงผู้มีอำนาจหัวหน้าเขา เหมือนลูกน้องคุณทำแบบนี้ คุณไม่ควรมาพูดว่าเขาเขียนใบลาออกไปแล้วความรับผิดชอบต้องมี ว่าลูกน้องคุณทำอะไรไว้ไม่ใช่หายไปหรือครอบครัวเขาหันมาดูแลเราบ้าง มันกระทบกับหลายชีวิต ด้านพี่ช้าง ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ผมก็อยากให้หัวหน้าเขา ณ ตอนนั้นออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่วันเกิดเหตุแล้วมาตัดปัญหา หรือลูกน้องของเขาไป เขาเคยดูแลครอบครัวที่ตายไปแล้ว ผมยังมีชีวิตอยู่ก็ขอให้กลับมาดูผมบ้าง.

 


เรื่องที่เกี่ยวข้อง