ศาลปกครองสูงสุดสั่งคุ้มครองชั่วคราวหาดมหาราช จังหวัดสงขลา จากกำเเพงกันคลื่นระยะที่ 3 ของกรมโยธาธิการเเละผังเมือง
วันนี้ 28 มกราคม 2568 ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสามฟ้องว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมกับปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นที่ชายฝั่งหาดมหาราชบริเวณหมู่ที่ 4 ตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายโดยอ้างว่า บริเวณที่พิพาทเป็นชายหาดที่สมบูรณ์และไม่พบการกัดเซาะชายฝั่ง ทั้งยังเป็นชุมชนของชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็กที่ต้องจอดเรือบนพื้นทราย การดำเนินโครงการดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จะทำให้หาดทรายสูญหายและไม่อาจฟื้นฟูให้กลับคืนสภาพเดิมได้ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนและเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่ดำเนินการกำกับดูแลให้มีการดำเนินการตามกฏหมายสำหรับการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำแม่น้ำ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ไม่ดำเนินการควบคุมป้องกันผลกระทบต่อชายหาด จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎตามหนังสือของผู้ฟ้องคดีที่ 4 ระบุว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดพื้นที่ชายฝั่งตำบลจะทิ้งพระ พบว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ไม่พบการกัดเซาะ มีสถานภาพสมดุล แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างในช่วงมรสุม โดยมีตะกอนทรายกลับเข้ามาทดแทน รวมทั้งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลและมีทรัพยากรที่เป็นแหล่งทำการประมงพื้นบ้านของชุมชน ประกอบกับการประชุมร่างแผนมาตรการ แนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ ซึ่งจัดโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และมีผู้แทนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 และเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 โดยที่ประชุมเห็นว่า การป้องกันการกระซ้อชายฝั่งบริเวณดังกล่าว ควรเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับกระบวนการทางธรรมชาติเป็นหลักซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียงน้อยที่สุดและเป็นมาตรการที่เหมาะสม กรณีจึงฟังได้ว่าการดำเนินการตามโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นที่ชายฝั่งหาดมหาราช มีปัญหาความชอบด้วยกฏหมาย ดังนั้น คำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งสามจึงมีมูล
กรณีมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษามาใช้บังคับคดีนี้หรือไม่ นั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีความยาว 1,430 เมตร แบ่งออกเป็นสามระยะ ส่วนระยะที่สามขณะนี้ยังไม่ได้รับงบประมาณและโครงการยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ประกอบกับเมื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสามนำคดีมาฟ้องศาล ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้จัดประชุมร่วมกับผู้ฟ้องคดีทั้งสามและกลุ่มประมงพื้นบ้าน เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และวันที่ 16 กันยายน 2565 โดยในการประชุมได้ข้อยุติร่วมกันว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตกลงจะปรับปรุงรูปแบบจากเขื่อนบันไดอัฒจันทร์ เป็นเขื่อนกำแพงแนวตั้ง และปรับแนวเขื่อนเข้าชิดถนนด้านหลังเขื่อนให้มากที่สุด รวมทั้งปรับลดความยาวของเขื่อนคงเหลือ 83 เมตร กรณีจึงเห็นได้ว่า หากให้ระงับโครงการระยะที่สาม ไว้เป็นการชั่วคราวตามคำร้องขอของผู้ฟ้องคดีทั้งสามย่อมไม่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการโครงการและการจัดการงบประมาณที่ต้องดำเนินการภายในกำหนดเวลา อันจะเป็นปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นแก่การบริหารงานของรัฐ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยังได้รับอนุญาตจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และยังได้รับงบประมาณสำหรับใช้ดำเนินการก่อสร้าง
อีกทั้ง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไม่มีความจำเป็นต้องก่อสร้างโดยเร่งด่วนต่อเนื่องตลอดทั้งโครงการทั้งสามระยะ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สามารถประชุมเจรจากับผู้ฟ้องคดีทั้งสามและกลุ่มประมงพื้นบ้าน โดยยอมรับว่าโครงการในระยะที่สามจะมีการปรับปรุงรูปแบบการก่อสร้างเขื่อนใหม่และลดความยาวของเขื่อนลง นอกจากนี้ เมื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสามอ้างว่าพื้นที่ก่อสร้างโครงการระยะที่สามเป็นพื้นที่ชายหาดสมบูรณ์ ไม่ พบการกัดเซาะชายฝั่ง และเป็นชุมชนชาวประมงที่ต้องการพื้นที่จอดเรือและขนถ่ายอุปกรณ์ประมง ซึ่งเห็นได้ว่าหากปล่อยให้มีการก่อสร้างโครงการดังกล่าวระยะที่สามต่อไป และภายหลังศาลมีคำพิพากษาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามโครงการดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อชายหาดมหาราช มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต่อชุมชนชาวประมง รวมทั้งก่อให้เกิดความเสียหายแก่งบประมาณแผ่นดิน กรณีจึงมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษามาใช้บังคับคดีนี้ตามคำขอของผู้ฟ้องคดีทั้งสาม
การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ระงับการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ ในพื้นที่ชายฝั่งหาดมหาราช หมู่ที่ 4 ตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระยะที่ 3 ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ขอบคุณภาพข่าว : Beach For Life Thailand
หาดใหญ่ | อบจ.สงขลา นำนักเรียนปล่อยกุ้งก้ามกราม 100,000
14 กุมภาพันธ์ 2568 | 2,542ระโนด | ความย่อยยับที่หาดท่าบอน สะท้อนความกำเเพงกันคลื่นของรัฐ
6 กุมภาพันธ์ 2568 | 4,777สงขลา | “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” เป็นเหตุให้เกิดฝุ่น PM
2 กุมภาพันธ์ 2568 | 4,873สงขลา | ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งการหน่วยงานเดินหน้ารับมือไฟป่า หมอกควัน
30 มกราคม 2568 | 4,820สงขลา | เตือนประชาชนระวังแมงกะพรุนพิษ หลังพบแมงกะพรุนหัวขวดกว่า 100
28 มกราคม 2568 | 4,853สทิงพระ | เตือนประชาชน ระวังแมงกะพรุนพิษ
27 มกราคม 2568 | 4,897สงขลา | ศูนย์อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก-มีคลื่นลมแรงน้ำทะเลหนุนสูง
26 มกราคม 2568 | 4,850สงขลา | สบายใจได้! สงขลาติดอันดับจังหวัดอากาศดี ค่าฝุ่น PM 2.5
25 มกราคม 2568 | 4,703