
วลี “ประตูมีกลอน คนคอนมีปืน” เป็นคำพูดที่ได้ยินกันมาพักใหญ่ๆโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ และการทำคอนเท้นต์ต่างๆของผู้คน โดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราช คำสั้น ๆ นี้สะท้อนทั้งความภาคภูมิใจ และวิถีชีวิตของคนใต้ที่ผูกพันกับ “ปืน” อย่างแยกไม่ออก เหมือนกับที่ “ประตูมีกลอน” ใช้เพื่อปกป้องบ้าน คนคอนก็ “มีปืน” เพื่อปกป้องตนเอง ครอบครัว และชุมชน ปืนไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงอาวุธ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความกล้า ความเป็นชาย และการไม่ยอมให้ใครมากดขี่ ซึ่งในบางกรณีปืนก็กลายเป็นเครื่องมือสร้างอำนาจในสังคม
ในภาคใต้ช่วงเกือบ 10 ทศวรรษที่ผ่านมา “ปืนเถื่อน” แพร่หลายอยู่ในชุมชนท้องถิ่นเกือบทุกชุมชน ไม่ว่าจะใช้ล่าสัตว์ ป้องกันโจรผู้ร้าย หรือแม้กระทั่งใช้เป็นทุนอำนาจทางการเมืองท้องถิ่น คนที่มีปืนมักถูกมองว่ามีที่ยืนและได้รับความเกรงใจ แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็บอกเล่าความไม่มั่นคงของสังคม ที่ประชาชนไม่สามารถพึ่งพากฎหมายหรือรัฐได้เต็มที่

(ภาพ : ฐานข้อมูลท้องถิ่นภาคใต้)
เช่น งานของณัฐกานต์-อัพภาสกิจ : ปืนเถื่อนกับการสร้างอํานาจของ นักเลง โจร ไอ้เสือ และผู้มีอิทธิพลในยุคบุกเบิกที่ทํากินของชุมชนแแถบเทือกเขาบรรทัด ที่กล่าวถึงการบุกเบิกที่ดินทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ไกลปืนเที่ยงและทุรกันดาร เมื่อต้องการความมั่นคงในการเข้าถึงทรัพยากร ทําให้ต้องหาวิธีการสร้างอํานาจขึ้นมา การเข้าถึงอํานาจที่เข้มแข็ง หรือการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่มีอํานาจ เช่น กลุ่มคนนักเลง ผู้มีบารมี รวมทั้งผู้ที่มีอิทธิพล เป็นโจร เป็นไอ้เสือ ที่อยู่ในพื้นที่มาก่อนแล้ว เพื่อช่วยในการปกป้องคุ้มครอง หรือ งานของอาจารย์จรูญ-หยูทอง : ที่กล่าวถึงบุคลิกของคนใต้แถบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เมื่อกึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ที่ปรากฎเป็นสำนวนท้องถิ่น “คนพัทลุงชังกั้ง คนสงขลาหมัง คนตรังยอน คนนครรุม” ซึ่งเป็นการอธิบายถึงลักษณะของคนใต้ในแต่ละจังหวัดให้เห็นภาพได้ชัดยิ่งขึ้น คนใต้จึงมักได้ชื่อว่าเป็นชาติพันธุ์ที่มีความรักพวกรักพ้อง มีความเฉลียวฉลาด ทันคนและไม่กลัวคน รักใครรักจริง เกลียดใครเกลียดจริง จนถูกมองว่าเป็นพวก "หัวหมอ สะตอสามัคคี" หรือเป็น "หัวเมืองบังคับยาก" ในสมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยเฉพาะคนนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
คำว่า "ชังกั้ง" หมายถึง มุทะลุดุดัน ไม่ยอมคน "หมัง" หมายถึง ระมัดระวัง ละล้าละลัง ไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจ "ยอน" หมายถึง ยุยงส่งเสริมและ "รุม" หมายถึง ร่วมมือร่วมใจกันกระทำอีกฝ่ายที่มีกำลังน้อยกว่า หรือเสียเปรียบในลักษณะเป็นการทำร้ายหรือให้ร้าย ดังนั้นหากคนใต้ที่เป็นคน "นักเลง" ในสี่จังหวัดดังกล่าว ไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วไปมีเรื่องมีราวกับคนจังหวัดอื่น คนพัทลุงจะชิงลงมือก่อน ขณะที่คนสงขลาคอยเตือนสติไม่ให้มุทะลุ คนตรังคอยให้กำลังใจ (ยอนว่า "เอาต้า") และคนนครคอยช่วยเหลือ (เมื่อเห็นว่าได้เปรียบแล้ว) พูดภาษานักมวยหรือภาษาหนังตะลุงว่า "ครบเครื่อง"

เมื่อมองในเชิงวัฒนธรรม ปืนจึงเป็นมากกว่าเครื่องมือ มันคือภาษาที่สื่อถึงความเป็น “คนใต้” ที่เข้มแข็งและตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม เมื่อกาลเวลาผ่านไป เราจึงต้องถามตัวเองว่า วลีนี้ยังสะท้อนความจริงของสังคมปัจจุบันหรือไม่ หรือถึงเวลาที่เราควรหาสัญลักษณ์ใหม่ ที่บอกเล่าความภาคภูมิใจของคนใต้โดยไม่ผูกติดกับปลายกระบอกปืน
ที่มาภาพ : ภาพยนต์เขาชุมทอง คะนองชุมโจร (เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)
ต้นแบบโบสถ์พอเพียง : "อุโบสถดิน" แห่งแรกและแห่งเดียวในภาคใต้ ณ วัดสันติวรคุณ (สะเดา)
9 พฤศจิกายน 2568 | 158“สำนักสงฆ์เกาะโอน” อ.สะเดา สถานที่สงบกลางป่า กับตำนานทวดเขาวังชิง ผู้ศักดิ์สิทธิ์
9 พฤศจิกายน 2568 | 146พาชมฟาร์มของแม่ : จากพระเมตตาสู่ความยั่งยืนของชุมชน ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อ.คลองหอยโข่ง
4 พฤศจิกายน 2568 | 214ในรอยจะนะ : "วังเก่า ช้างเจ้าเมือง และเหมืองสามคด”
26 ตุลาคม 2568 | 480เรื่องเล่าขนหัวลุก...คืนมืดบนทางหลวงสายเอเชีย เมื่อเงาไม่ใช่เพียงภาพลวงตา
26 ตุลาคม 2568 | 420ย้อนชมภาพ “คู่พระบารมีแห่งแผ่นดิน” เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ เสด็จเยือนสงขลาครั้งแรก
26 ตุลาคม 2568 | 674เทศกาลกินเจหาดใหญ่ : มรดกแห่งศรัทธาชาวไทยเชื้อสายจีน
19 ตุลาคม 2568 | 755