หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

เจ้าแม่อยู่หัว วัดท่าคุระ สทิงพระ
24 มกราคม 2561 | 51,949

บ้านฉันอยู่ในซอยที่ ปากทางเข้าบ้านเป็นร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านที่จะหยุดทำขายเฉพาะวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น แต่จะมีอยูุ่หนึ่งวันที่ทางร้านจะหยุดเป็นประจำทุกปี และไม่ใช่วันสำคัญทางศาสนาอีกด้วย เมื่อเข้าไปพูดคุยสอบถามกับคุณยายเจ้าของร้าน คุณยายก็บอกว่า ต้องพาลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านไปกราบไหว้ เจ้าแม่อยู่หัว ที่วัด ท่าคุระ ยายเจ้าของร้านบอกว่า ได้ลูกชายคนนี้มาจากการขอพรเจ้าแม่อยู่หัว ยายเชื่อเสมอว่า ลูกคนนี้ คือคนที่เจ้าแม่อยู่หัวส่งมาให้เกิดเป็นลูกของยาย ดังนั้น เมื่อมีการสมโภชนเจ้าแม่อยู่หัวที่วัดท่าคุระ ยายและครอบครัวก็ต้องไปกราบไหว้ทุกปี  

หลายคนคงสงสัยว่า เจ้าแม่อยู่หัวคือใคร วันนี้หาดใหญ่โฟกัสจะนำทุกคนย้อนตำนาน เพื่อหาคำเล่าขานเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแม่อยู่หัว มาให้ทุกคนได้รับรู้  เจ้าแม่อยู่หัว คือ พระพุทธรูปทองคำ ขนาดหน้าตักกว้าง 2 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.5 เซนติเมตร สร้างขึ้นแทนตัวบุคคลที่ชาวบ้านท่าคุระ ต.คลองรี อ.สทิงพระ จ.สงขลา หรือบุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว และตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้เคารพบูชา รวมทั้งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้ลูกหลานเกิดความรัก ความสามัคคีสืบมา เมื่อถึงวันพุธแรก ข้างแรม เดือน 6 ผู้ที่ศรัทธาในเจ้าแม่อยู่หัว ก็จะไปร่วม สมโภชสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัว ซึ่งเป็นพันธะของลูกหลานในท้องถิ่น ที่ปฏิบัติต่อ ๆ กันมาในทุกปี 

ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่า เชื่อว่า เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วมีเมืองหนึ่ง ในช่วงสมัยสุโขทัยตอนปลาย อยุธยาตอนต้นเจริญด้วยศิลปวัฒนธรรมอย่างยิ่ง (น่าจะเป็นเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน) เจ้าเมืองมีโอรสหนึ่งพระองค์ เรียกขานโดยทั่วไปว่าพระหน่อ (พระนามที่แท้จริงนั้นไม่สามารถจำได้เพราะกษัตริย์เป็นสมมุติเทพมีพระนามยาว ๆ หลายพยางค์) พระหน่อเป็นที่รักใคร่ของบิดามารดาและเหล่าอาณาราษฎร เพราะพระองค์ เป็นคนฉลาดเฉลียว พูดจาไพเราะอ่อนหวาน  

พระหน่อมักจะลงสรงน้ำที่ท่าน้ำอยู่เป็นประจำ และมีนางสนมดูแลเป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งขณะที่พระหน่อสรงน้ำก็หายไป ค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่องรอย นางสนมจึงกราบบังคมทูลให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงทราบ  พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วเป็นที่สุดและพระราชินีถึงกับเป็นลมหมดสติไป พอตั้งสติได้พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็ก  เสนาบดีน้อยใหญ่ค้นหาอีกครั้งหนึ่งอย่างละเอียดแม้ได้แต่ร่างกายที่ไร้วิญญาณก็ทรงพอพระทัยแล้ว แต่ค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ  

พระองค์ทั้งสอง รับสั่งให้โหราธิบดีทำนายตรวจดูชะตาราศีของพระราชโอรส เมื่อโหราธิบดีได้ตรวจดู ก็พบว่าดวงชะตาของพระหน่อยังไม่ถึงชีวิต เพียงตกอยู่ในพระเคราะห์เล็กน้อยด้วยผลบุญกรรมที่เคยทำไว้แต่ปางก่อนที่เสวยอายุจึงทำให้ต้องพลัดพรากจากเมืองหลวงไป แต่ก็ไปในทางที่ดี จะพบผู้อุปการะอย่างดีและด้วยบุญบารมีต่อไปข้างหน้า จะมีเกียรติคุณเกียรติศัพท์ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แล้วจะกลับสู้พระราชฐานในไม่ช้า ขอให้ติดตามไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นที่ทุรกันดาร 

เมื่อทราบดังนั้นพระองค์ก็สั่งให้เหล่าทหารตามหาพระหน่อ และในที่สุดก็สามารถตามหาพระหน่อเจอที่บ้านตาพรหม ยายจัน ชาวบ้านที่มีอาชีพเก็บผักเก็บฟืน ซึ่งก่อนที่ทหารจะเจอพระหน่อ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็มักจะเข้าไปพูดคุย ขอพรจากพระหน่อ เนื่องจากพระหน่อเป็นคนที่พูดจาอ่อนหวาน ผิวพรรณดี จึงทำให้เกิดความเคารพนับถือ ยำเกรง และเชื่อว่าเด็กคนนี้มีบุญญญาบารมี บางคนเจ็บไข้ได้ป่วย  มีความทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ  ได้มีโอกาสพูดคุยกับพระหน่อตามอัธยาศัยก็สามารถหายไข้  คลายทุกข์บางคนปรารถนาสิ่งใด ได้อธิฐานบนบานก็ได้รับผลสำเร็จ  เมื่อเกิดเหตุอัศจรรย์และมีปฏิหาริย์เช่นนี้ประชาชนทั่วไปต่างให้ความเคารพนับถือพระหน่อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ต่างก็มากราบไว้และนำสิ่งของมาฝาก ทำให้ตายายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปเช่นกัน 

เมื่อทหารเจอพระหน่อจึงจะนำพระหน่อกลับเมืองหลวง และมีการสมโภชพระหน่อขึ้นในวันพุธแรมหนึ่งค่ำ เดือนหก  ก่อนพระหน่อกลับเมืองหลวง พระราชินีีีีีรับสั่งให้นายช่างทำทองตีทองให้แผ่นกว้างแล้วสลักรูปของพระหน่อลงในแผ่นทองนั้นมอบให้ตาพรหมและยายจัน ด้วยความซาบซึ้งน้ำพระทัยพระราชินี ตายายเรียกแผ่นทองคำสลักพระหน่อว่าเจ้าแม่อยู่หัว เหตุผลเพราะพระราชินีหรือเจ้าแม่อยู่หัวเป็นผู้มอบให้ 

ตาพรหมกับยายจันยังอยู่ที่หมู่บ้านพราหมณ์จันเหมือนเดิม เก็บรักษารูปสลักของพระหน่อในแผ่นทองคำไว้อย่างดี แม้ไม่มีพระหน่อตัวจริงแล้วก็ตามแต่ประชาชนทั่วไปยังให้ความเคารพนับถือบนบานตามที่เคยกระทำมาเหมือนตอนที่พระหน่อยังอยู่และได้รับผลสำเร็จทุกประการ ตา ยาย และชาวบ้านจึงพร้อมใจกันยึดถือเอาวันพุธแรกข้างแรม เดือนหก  ตามที่พระเจ้าอยู่หัวจัดพิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ กลางคืนมีมโนราห์แสดงให้ชม รุ่งเช้าวันพฤหัส ใครบนบานศาลกล่าวว่าไว้อย่างไรก็แก้บนเสีย  เช่น บางคนบนไว้รำมโนราห์  

ต่อมาด้วยความโลภเห็นแก่ส่วนตน  ผู้ที่เคารพศรัทธาบางคนที่ใกล้ชิดขอตัดแผ่นทองคำคนละนิดละหน่อย เพื่อนำไปบูชาที่บ้านตนเองหรือบางคนขโมยไปขาย ทำสร้อยคอ ทำกำไล ใช้ประโยชน์ส่วนตนทำให้แผ่นทองคำนั้นสึกกร่อนลงไปทุกที คนที่นำไปทำสร้อยทำกำไล ทำต่างหู  ก็้เกิดแผลพุพอง เน่าเปื่อยตามคอ หู ข้อมือ หรือมีเหตุเป็นไปต่าง ๆ นานา เลยทำให้บุคลเหล่านั้นเกิดความกลัว นำกลับมาไว้ที่เดิม  

เมื่อความเรื่องการขโมยตัดแผ่นทองคำทราบถึงพระเจ้าอยู่หัว พระราชินี และพระหน่อ พระองค์จึงตรัสให้เอาทองคำที่เหลือเหล่านั้น หล่อเป็นพระพุทธรูปเก็บไว้ในผอบอย่างดี ในปีหนึ่งลูกหลานสามารถเห็นพระพุทธรูปแม่เจ้าอยู่หัวได้ครั้งเดียวตอนสรงน้ำ นั่นก็คือวันพุธแรกข้างแรมเดือนหกเท่านั้น ซึ่งทำติต่อกันมานับร้อยปีมาแล้วและลูกหลานเจ้าแม่อยู่หัวเราต้องรักษาประเพณีสืบไป 

 
ขอบคุณข้อมูล : krunora 
ขอบคุณภาพ : cityvariety , sanook 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง