บ้านฉันอยู่ในซอยที่ ปากทางเข้าบ้านเป็นร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านที่จะหยุดทำขายเฉพาะวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น แต่จะมีอยูุ่หนึ่งวันที่ทางร้านจะหยุดเป็นประจำทุกปี และไม่ใช่วันสำคัญทางศาสนาอีกด้วย เมื่อเข้าไปพูดคุยสอบถามกับคุณยายเจ้าของร้าน คุณยายก็บอกว่า ต้องพาลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านไปกราบไหว้ เจ้าแม่อยู่หัว ที่วัด ท่าคุระ ยายเจ้าของร้านบอกว่า ได้ลูกชายคนนี้มาจากการขอพรเจ้าแม่อยู่หัว ยายเชื่อเสมอว่า ลูกคนนี้ คือคนที่เจ้าแม่อยู่หัวส่งมาให้เกิดเป็นลูกของยาย ดังนั้น เมื่อมีการสมโภชนเจ้าแม่อยู่หัวที่วัดท่าคุระ ยายและครอบครัวก็ต้องไปกราบไหว้ทุกปี
หลายคนคงสงสัยว่า เจ้าแม่อยู่หัวคือใคร วันนี้หาดใหญ่โฟกัสจะนำทุกคนย้อนตำนาน เพื่อหาคำเล่าขานเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแม่อยู่หัว มาให้ทุกคนได้รับรู้ เจ้าแม่อยู่หัว คือ พระพุทธรูปทองคำ ขนาดหน้าตักกว้าง 2 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.5 เซนติเมตร สร้างขึ้นแทนตัวบุคคลที่ชาวบ้านท่าคุระ ต.คลองรี อ.สทิงพระ จ.สงขลา หรือบุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว และตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้เคารพบูชา รวมทั้งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้ลูกหลานเกิดความรัก ความสามัคคีสืบมา เมื่อถึงวันพุธแรก ข้างแรม เดือน 6 ผู้ที่ศรัทธาในเจ้าแม่อยู่หัว ก็จะไปร่วม สมโภชสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัว ซึ่งเป็นพันธะของลูกหลานในท้องถิ่น ที่ปฏิบัติต่อ ๆ กันมาในทุกปี
ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่า เชื่อว่า เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วมีเมืองหนึ่ง ในช่วงสมัยสุโขทัยตอนปลาย อยุธยาตอนต้นเจริญด้วยศิลปวัฒนธรรมอย่างยิ่ง (น่าจะเป็นเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน) เจ้าเมืองมีโอรสหนึ่งพระองค์ เรียกขานโดยทั่วไปว่าพระหน่อ (พระนามที่แท้จริงนั้นไม่สามารถจำได้เพราะกษัตริย์เป็นสมมุติเทพมีพระนามยาว ๆ หลายพยางค์) พระหน่อเป็นที่รักใคร่ของบิดามารดาและเหล่าอาณาราษฎร เพราะพระองค์ เป็นคนฉลาดเฉลียว พูดจาไพเราะอ่อนหวาน
พระหน่อมักจะลงสรงน้ำที่ท่าน้ำอยู่เป็นประจำ และมีนางสนมดูแลเป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งขณะที่พระหน่อสรงน้ำก็หายไป ค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่องรอย นางสนมจึงกราบบังคมทูลให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วเป็นที่สุดและพระราชินีถึงกับเป็นลมหมดสติไป พอตั้งสติได้พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็ก เสนาบดีน้อยใหญ่ค้นหาอีกครั้งหนึ่งอย่างละเอียดแม้ได้แต่ร่างกายที่ไร้วิญญาณก็ทรงพอพระทัยแล้ว แต่ค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ
พระองค์ทั้งสอง รับสั่งให้โหราธิบดีทำนายตรวจดูชะตาราศีของพระราชโอรส เมื่อโหราธิบดีได้ตรวจดู ก็พบว่าดวงชะตาของพระหน่อยังไม่ถึงชีวิต เพียงตกอยู่ในพระเคราะห์เล็กน้อยด้วยผลบุญกรรมที่เคยทำไว้แต่ปางก่อนที่เสวยอายุจึงทำให้ต้องพลัดพรากจากเมืองหลวงไป แต่ก็ไปในทางที่ดี จะพบผู้อุปการะอย่างดีและด้วยบุญบารมีต่อไปข้างหน้า จะมีเกียรติคุณเกียรติศัพท์ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แล้วจะกลับสู้พระราชฐานในไม่ช้า ขอให้ติดตามไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นที่ทุรกันดาร
เมื่อทราบดังนั้นพระองค์ก็สั่งให้เหล่าทหารตามหาพระหน่อ และในที่สุดก็สามารถตามหาพระหน่อเจอที่บ้านตาพรหม ยายจัน ชาวบ้านที่มีอาชีพเก็บผักเก็บฟืน ซึ่งก่อนที่ทหารจะเจอพระหน่อ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็มักจะเข้าไปพูดคุย ขอพรจากพระหน่อ เนื่องจากพระหน่อเป็นคนที่พูดจาอ่อนหวาน ผิวพรรณดี จึงทำให้เกิดความเคารพนับถือ ยำเกรง และเชื่อว่าเด็กคนนี้มีบุญญญาบารมี บางคนเจ็บไข้ได้ป่วย มีความทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ ได้มีโอกาสพูดคุยกับพระหน่อตามอัธยาศัยก็สามารถหายไข้ คลายทุกข์บางคนปรารถนาสิ่งใด ได้อธิฐานบนบานก็ได้รับผลสำเร็จ เมื่อเกิดเหตุอัศจรรย์และมีปฏิหาริย์เช่นนี้ประชาชนทั่วไปต่างให้ความเคารพนับถือพระหน่อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างก็มากราบไว้และนำสิ่งของมาฝาก ทำให้ตายายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปเช่นกัน
เมื่อทหารเจอพระหน่อจึงจะนำพระหน่อกลับเมืองหลวง และมีการสมโภชพระหน่อขึ้นในวันพุธแรมหนึ่งค่ำ เดือนหก ก่อนพระหน่อกลับเมืองหลวง พระราชินีีีีีรับสั่งให้นายช่างทำทองตีทองให้แผ่นกว้างแล้วสลักรูปของพระหน่อลงในแผ่นทองนั้นมอบให้ตาพรหมและยายจัน ด้วยความซาบซึ้งน้ำพระทัยพระราชินี ตายายเรียกแผ่นทองคำสลักพระหน่อว่าเจ้าแม่อยู่หัว เหตุผลเพราะพระราชินีหรือเจ้าแม่อยู่หัวเป็นผู้มอบให้
ตาพรหมกับยายจันยังอยู่ที่หมู่บ้านพราหมณ์จันเหมือนเดิม เก็บรักษารูปสลักของพระหน่อในแผ่นทองคำไว้อย่างดี แม้ไม่มีพระหน่อตัวจริงแล้วก็ตามแต่ประชาชนทั่วไปยังให้ความเคารพนับถือบนบานตามที่เคยกระทำมาเหมือนตอนที่พระหน่อยังอยู่และได้รับผลสำเร็จทุกประการ ตา ยาย และชาวบ้านจึงพร้อมใจกันยึดถือเอาวันพุธแรกข้างแรม เดือนหก ตามที่พระเจ้าอยู่หัวจัดพิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ กลางคืนมีมโนราห์แสดงให้ชม รุ่งเช้าวันพฤหัส ใครบนบานศาลกล่าวว่าไว้อย่างไรก็แก้บนเสีย เช่น บางคนบนไว้รำมโนราห์
ต่อมาด้วยความโลภเห็นแก่ส่วนตน ผู้ที่เคารพศรัทธาบางคนที่ใกล้ชิดขอตัดแผ่นทองคำคนละนิดละหน่อย เพื่อนำไปบูชาที่บ้านตนเองหรือบางคนขโมยไปขาย ทำสร้อยคอ ทำกำไล ใช้ประโยชน์ส่วนตนทำให้แผ่นทองคำนั้นสึกกร่อนลงไปทุกที คนที่นำไปทำสร้อยทำกำไล ทำต่างหู ก็้เกิดแผลพุพอง เน่าเปื่อยตามคอ หู ข้อมือ หรือมีเหตุเป็นไปต่าง ๆ นานา เลยทำให้บุคลเหล่านั้นเกิดความกลัว นำกลับมาไว้ที่เดิม
เมื่อความเรื่องการขโมยตัดแผ่นทองคำทราบถึงพระเจ้าอยู่หัว พระราชินี และพระหน่อ พระองค์จึงตรัสให้เอาทองคำที่เหลือเหล่านั้น หล่อเป็นพระพุทธรูปเก็บไว้ในผอบอย่างดี ในปีหนึ่งลูกหลานสามารถเห็นพระพุทธรูปแม่เจ้าอยู่หัวได้ครั้งเดียวตอนสรงน้ำ นั่นก็คือวันพุธแรกข้างแรมเดือนหกเท่านั้น ซึ่งทำติต่อกันมานับร้อยปีมาแล้วและลูกหลานเจ้าแม่อยู่หัวเราต้องรักษาประเพณีสืบไป
ขอบคุณข้อมูล : krunora
ขอบคุณภาพ : cityvariety , sanook
เปิดตำนาน...ที่มาชื่อบ้านบ่อแดง อ.สทิงพระ
25 พฤษภาคม 2568 | 703ของดีของหรอยท่าเลออก ตลาดริมทางของผู้สัญจรผ่าน ณ สามแยกบ่อทราย (ปากรอ)
25 พฤษภาคม 2568 | 2,537ตำนานทวดเข้...ทวดขุนดำ-ทวดแขนลาย แห่งสายน้ำคลองท่าม่วง อ.ควนเนียง
25 พฤษภาคม 2568 | 1,261ร่องรอยจากอดีต พิพิธภัณฑ์วัดท่าช้าง(บางกล่ำ)
18 พฤษภาคม 2568 | 485เจ้าบ่าวน้อยแห่งควนเขาสูง : วีรบุรุษชุมชนท้องถิ่น บ้านพรุเตาะ ต.ทุ่งใหญ่
18 พฤษภาคม 2568 | 1,036หรางเมืองสงขลาในอดีต ครั้นย้ายเมืองสงขลามาฝั่งบ่อยาง
18 พฤษภาคม 2568 | 1,075บัวของคนภาคใต้...ที่ไม่ได้หมายถึงดอกบัว
11 พฤษภาคม 2568 | 1,039ร่องรอยเจดีย์บนเกาะหนู โบราณสถานสำคัญสมัยอาณาจักรอยุธยา
11 พฤษภาคม 2568 | 1,394