จากที่แอดมินชอบฟังเรื่องผีจากผู้เฒ่าผู้แก่เป็นประจำ มีอยู่อย่างหนึ่งที่เป็นเหมือนเวทมนต์คุณไสยโบราณ ที่คนภาคใต้เรียกกันว่า "ยาสั่ง" เป็นอวิชาอาคมที่ใช้ในการสังหารชีวิตผู้คน ยาสั่งจากที่แอดมินได้ศึกษามา เป็นเสมือนการหลอมรวมวิชาอาคม 2 แขนงเข้าด้วยกัน คือ ไสยเวทและวิชาปรุงยาสมุนไพร เอาความหมายโดยทั่วไปของยาสั่ง คือเป็นยาพิษที่กินแล้วถึงตาย หรือได้รับความทุกข์ทรมาน ยาสั่งมีหลายรูปแบบ มีทั้งแบบกินแล้วตายภายในไม่กี่นาที หรือกินแล้วค่อยๆตาย ยาสั่งถ้ามาอยู่ในยุคปัจจุบันก็คือยาพิษดีๆนั่นเอง มักจะถูกปรุงด้วยการนำยาพิษหลายๆชนิดมาปรุงผสมกัน ว่ากันว่ายาสั่งเป็นไสยเวทที่คนยุคก่อนเกรงกลัวเป็นอย่างมาก ส่วนประกอบของยาสั่งทำจากสมุนไพรบางตัวที่ต้องเข้าไปเก็บในหุบเขาลึก ที่เป็นวันดับตามฤกษ์ของเขา เช่นเดียวกับการปรุงยาสั่ง แต่ละที่ก็มีความรุนแรงที่แตกต่างกัน สูตรที่ทำขึ้นเป็นความลับเฉพาะบุคคล
ยาสั่ง หมายถึง สิ่งของอย่างหนึ่งที่ผู้ทำได้นำมาโรยไว้ในอาหารหรือน้ำดื่ม รวมทั้งของกินอย่างอื่น แล้วกำหนดด้วยคาถาอาคมให้ผู้กินต้องมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ ร้ายแรงที่สุดคือตาย ที่เรียกว่ายาสั่งเพราะเป็นการกำหนดสูตรตัวยาไว้ว่า หลังจากที่กินยาตัวนี้เข้าไปแล้วคนที่กินจะต้องตายเมื่อกินอาหารที่กำหนดเข้าไป เช่นว่า ยาสั่งที่มีตัวกระตุ้นคือเนื้อหมู(ในส่วนผสมจะต้องใส่เนื้อหมูลงไปด้วย) หลังจากเหยื่อรับพิษเข้าไปแล้ว จะไม่มีอาการใดๆจนกระทั่งกินเนื้อหมูเข้าไปก็จะเริ่มมีอาการป่วย จะตายเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของยาที่ใช้ โดยก่อนหน้านั้นจะไม่เกิดสิ่งผิดปกติใดๆเลย
โดยยาสั่งอาจจะอยู่ในรูปต่างๆ อาทิ ชนิดน้ำ ยาลูกกลอน(มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ) ยาสั่งบางประเภทมีเพียงผู้ทำเท่านั้นที่รู้ทางแก้ แต่บางครั้งก็ตั้งใจทำขึ้นมาแบบปิดหนทางรอดกันเลยทีเดียว หากเป็นชนิดน้ำเพียงแค่ดื่มไป 1 ช้อน หรือ ครึ่งแก้ว ก็ทำให้เหยื่อเสียชีวิตได้ สรุปแล้วไม่ว่าเหยื่อจะรับประทานไปในปริมาณมากแค่ไหน ก็สามารถทำให้เกิดโทษได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ทำมักจะใส่ในอัตราที่สูง โดยปกติการวางยาสั่งในเหล้าหรือน้ำดื่ม จะทำก็ต่อเมื่อมีความคุมแค้นกันเป็นส่วนตัว เป็นการฆ่าแบบเลือดเย็น
ยาสั่งมีระยาเวลาออกฤทธิ์ต่างกัน ช่วงออกฤทธิ์ตั้งแต่ 3 เดือน,6 เดือน หรือ1-2 ปี หากพ้นเส้นตายที่วางไว้ผู้ที่ถูกยาสั่งจะยังคงมีชีวิตรอดดังเดิม จึงทำให้เกิดความสับสนกันว่า ยาสั่งเป็นวิชาที่อยู่ระหว่างไสยศาสตร์หรือยาพิษกันแน่ เป็นเหตุให้วิชายาสั่งนั้นยากที่จะเผยแพร่ออกมาง่ายๆ เพราะถ้าเปิดเผยออกไปก็อาจเป็นอันตรายต่อตัวเองได้
สำหรับอาการของผู้โดนยาสั่งระยะแรกอาการจะเหมือนคนปกติ ต่อมาร่างกายผอมแหงแรงน้อย มีไข้ ถ้ารับประทานอาหารต้องห้ามตามที่ผู้สั่งกำหนดมา จะมีอาการจะอาเจียรเป็นเลือดทันที มีอาการหงอยๆเหงาๆ หรือ ท้องไส้ปั่นป่วน ทุรนทุรายเป็นบางครั้งแล้วหายไป เป็นๆหายๆ ซึ่งคนโบราณจะรู้ว่าเป็นอะไร ตรวจชีพจรได้ หัวใจจะเต้นไม่เป็นปกติ เมื่อได้รับยาแก้อาการเหล่านั้นก็จะหายทันที
เทคนิคการตำ “ยาสั่ง” จะต้องดูฤกษ์ยามว่าขึ้นกี่ค่ำ แรมกี่ค่ำด้วย ส่วนมากจะตำกัน “วันดับ” ระหว่างตำจะมีการร่ายคาถาเวทย์มนต์ มีตัวยาที่นิยมนำมาผสมหลายชนิด อาทิเช่น เปลือก แก่น หรือใบของพันซาด ใบเสนป่า จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ แกเล่าว่า ต้น “พันซาด” เป็นไม้เนื้อแข็ง ต้นสูงใหญ่ เมื่อรับประทานส่วนต่างของต้นนี้แล้วจะเกิดอาการเมา บางครั้งอาจเมาถึงแก่ความตายได้เมื่อรับประทานไปจำนวนมากๆ ชาวบ้านนิยมนำเนื้อไม้ของต้นพันซาดมาเผาถ่าน เพื่อใช้ในการ ”ตีมีด” เนื่องจากให้ปริมาณไฟที่แรงมาก ว่ากันว่าปริมาณไฟอาจทำให้หม้อทะลุเลยทีเดียว แม้แต่เห็ดที่งอกบนเนื้อไม้ก็ทำให้เห็ดนั้นเมาได้ ส่วนผสมอื่นๆที่นำมาผสมร่วมกัน ก็คือ “ใบเสนป่า” ลักษณะใบจะคล้ายกับ “ผักหวาน” แต่ลักษณะใบเสนป่าจะมีสีคล้ำกว่า เป็นพุ่มเตี้ย มีฤทธิ์เมา และ “ต้นตาเสือ” แต่ตาเสือจะมีฤทธิ์เมาไม่รุนแรงกว่าพืชตัวอื่นๆ
ส่วนผสมของยาสั่งที่ใช้ในจังหวัดภาคใต้ มีดังนี้ 1. ใช้หนอนชนิดหนึ่งเกิดในป่าทึบในฤดูฝน หนอนชนิดนี้เรียกชื่อทางภาคใต้ว่า หนอนกล้วยปิ้ง 2. ใช้รากไม้พวกสมุนไพรชนิดหนึ่งขอปิดนาม เพื่อมิให้เป็นอันตรายแก่ผู้อื่น มิฉะนั้นอาจมีบางท่านนำไปทดลอง ข้าพเจ้าอาจต้องรับบาปในภายหลัง 3. ใช้ตัวตะกงหรือกิ้งก่าขนาดใหญ่ ซึ่งมีชุกชุมในป่าจังหวัดภาคใต้23
วิธีผสม ให้นำหนอนกล้วยปิ้งและรากไม้มาตากแห้งแล้วบดเป็นผงและจับตัวตะกงเป็นๆ มาขังไว้ หากจะให้ผู้ถูกยาสั่งรับประทานเนื้อวัวตายก็ให้นำเนื้อวัวมาคลุกกับผงยาแล้วให้ตะกงกิน โดยยัดปากตะกงจนเต็มท้อง เมื่อตัวตะกงตายแล้ว ให้นำมาปิ้งไฟจนกรอบแล้วบดเป็นผง ไปโรยในอาหารให้คนกิน เมื่อผู้นั้นรับประทานยาสั่งแล้ว ยาสั่งก็กระจายซึมอยู่ในโนโลหิตของผู้นั้น และยังไม่เกิดปฏิกิริยาแก่ร่างกายอย่างไร แต่หากผู้นั้นรับประทานเนื้อวัวเมื่อใด ยาสั่งนั้นจะเกิดปฏิกิริยาเป็นพิษต่อหัวใจผู้นั้นทันที ผู้นั้นก็จะถึงแก่ความตาย หากจะให้รับประทานอะไรตายก็ใช้สิ่งนั้นเป็นสื่อกลางคลุกยาพิษให้ตัวตะกงกิน เช่นจะให้กินข้าวสุกตายก็ใช้ข้าวสุกคลุกยาพิษให้ตัวตะกงกิน ท่านจะเห็นได้ว่าคนโบราณเราก็มีความฉลาดรู้จักปรุงยาที่มีปฏิกิริยาทางเคมีไม่แพ้แพทย์แผนปัจจุบันเลย แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ใช้ความฉลาดของตนในทางที่ผิดและเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์
มีความเชื่อว่า ยาสั่งป้องกันได้โดยวัสดุที่เป็นโลหะเงิน หรืองาช้าง จุ่มลงไปในน้ำหรืออาหาร หากสีเปลี่ยนเป็นสีดำ คือมียาสั่งเจือปน แต่ผู้รู้บอกว่าเอาแน่ไม่ได้ เพราะคนที่ทำยาสั่งเก่งๆจะกาทางป้องกันได้อยู่แล้ว วิธีป้องกันยาสั่ง 100 เปอร์เซ็น คือไม่ทานอาหารหรือน้ำนอกบ้าน นอกจากของๆตนเองและแน่ใจแล้วเท่านั้น มีอีกวิธีที่จะพิสูจน์ว่าอาหารมียาพิษหรือยาสั่งเจือปน ให้ฝานหัวว่านขอทองแก้บางๆ ใส่ลงไปในอาหาร หากว่านนี้หมุนเชื่อได้ว่าในอาหารนั้นมีพิษเจือปน ปัจจุบันยังเชื่อว่ายังมีการใช้ยาสั่งอยู่ในพื้นที่ จังหวัดตรัง จังหวัดกระบี่ จังหวัดพัทลุง
หัวว่านขอทองแก้
ชุมชนรังมดแดงสู่บ้านรำแดง(สิงหนคร)
20 ตุลาคม 2567 | 172ความทรงจำข้างกำแพงเมือง...182 แห่งการสถาปนาเมืองสงขลา(บ่อยาง)
20 ตุลาคม 2567 | 160ย้อนชมที่มา...ประเพณีลากพระของชาวปักษ์ใต้ "พระน้ำดูไปตามชายหลิง พระบกเพริศพริ้งบนหลิงแว็บวับ"
20 ตุลาคม 2567 | 169ตำนานศาลาทวดหัวสะพานพรุเตียว ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในพื้นที่
22 กันยายน 2567 | 295พาชมถ้ำเขาจังโหลน 1 ในตำนานภูผา ณ อำเภอรัตภูมิ
22 กันยายน 2567 | 379ย้อนประวัติที่ฝังศพชาวฮอลันดา เมืองสงขลา
22 กันยายน 2567 | 412ชุมชนโบราณบ้านปะโอ ชุมชนเก่าแก่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์สงขลา
1 กันยายน 2567 | 547ลุ่มน้ำคลองภูมี ลำน้ำหล่อเลี้ยงและยึดโยงชีวิตของผู้คน 4 อำเภอในพื้นที่จังหวัดสงขลา
1 กันยายน 2567 | 1,597