ทุกๆอาณาจักรบนโลกใบนี้ ต่างมีเงินตราที่ใช้กันในเกือบๆทุกยุคทุกสมัย ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต ซึ่งในอดีตนั้นเงินตรามีส่วนสำคัญในการพัฒนาด้านการเมืองและการสงคราม ดินแดนสมัยก่อนของประเทศไทยที่เราเรียกกันว่า "สุวรรณภูมิ" มีกลุ่มคนเชื้อชาติต่างๆ อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นอาณาจักรโบราณหลายๆแห่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้เงินตราที่ใช้กันในแผ่นดินสุวรรณภูมิ จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกันกับเงินตราที่ใช้ในเมืองสงขลา
หัวเมืองทางใต้มีการผลิตเงินตราขึ้นใช้เอง เรียกกันว่า “เงินอีแปะ” โดยนำแร่ดีบุกซึ่งเป็นโลหะที่มีค่าและมีมากในท้องถิ่นมาผลิตเป็นเงินตรา เนื่องจากหัวเมืองภาคใต้ในขณะนั้นมีการทำเหมืองแร่ดีบุก จึงนิยมผลิตเหรียญอีแปะขึ้นใช้ในหัวเมืองใหญ่ๆ ทางภาคใต้ สำหรับใช้เป็นเงินปลีกย่อย รวมทั้งใช้จ่ายภายในเหมืองแร่ หลักฐานการใช้เงินตราของดินแดนทางภาคใต้มีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 เรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดยหัวเมืองภาคใต้มีความนิยมนำแร่ดีบุกผสมตะกั่ว เพื่อผลิตเงินมูลค่าต่ำขึ้นใช้ในหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเรียกว่า “อีแปะ” หรือชาวเมืองภาคใต้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เบี้ย” มีลักษณะเหรียญทรงกลม ตรงกลางมีรู บนเหรียญอีแปะมีอักษรภาษาไทย จีน และอาหรับ สำหรับบอกชื่อเมืองที่ผลิตหรือบริษัทเหมืองแร่ไว้บนหน้าเหรียญ มีลักษณะเหมือนเงินเหรียญของจีน ทั้งนี้ ผู้ผลิตเหรียญอีแปะขึ้นใช้จะเป็นเจ้าเมืองในหัวเมืองภาคใต้ ได้แก่ เมืองปัตตานี สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช เป็นต้น หรือนายเหมืองแร่ดีบุกของชาวจีนที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตเหรียญอีแปะ ซึ่งการผลิตเหรียญอีแปะได้นำแร่ดีบุกผสมตะกั่วเทลงแม่พิมพ์หินหรือโลหะที่แกะแบบเป็นรูปคล้ายต้นไม้เพื่อให้สามารถผลิตเหรียญอีแปะได้ครั้งละหลายเหรียญ โดยแต่ละก้านของแม่พิมพ์ได้แกะแบบเป็นรูปเหรียญอีแปะ ซึ่งเมื่อผู้ใช้ต้องการใช้เหรียญอีแปะก็จะใช้การหักเหรียญอีแปะออกจากกิ่งและตะไบเหรียญให้เรียบ ดังนั้น การผลิตเหรียญอีแปะเชื่อว่าเกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้เงินปลีกย่อยในเหมืองแร่หรือในอาณาเขตเมืองและผลิตตามที่เจ้าเมืองอนุญาต ซึ่งเหรียญอีแปะเป็นที่ยอมรับให้ใช้เฉพาะในท้องถิ่น โดยราษฎรจะต้องนำอีแปะไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราของรัฐก่อนนำไปชำระภาษีอากรให้กับรัฐ
เหรียญอีแปะจีนเมืองสงขลา ทำด้วยดีบุก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30- 37 มิลลิเมตร เหรียญอีแปะสงขลาผลิตขึ้นโดย เจ้าเมืองสงขลา เพื่อใช้ในบริเวณเมืองสงขลา ชาวเมืองสงขลาเรียกเหรียญอีแปะว่า “เบี้ย” เมื่อจะใช้ชำระภาษีอากรให้แก่ทางการ จะต้องนำเบี้ยไปแลกเปลี่ยนกับเงินของรัฐก่อนนำไปชำระ เบี้ยหรืออีแปะสงขลามีทั้งสิ้น 4 แบบ คือ
แบบที่ 1 ด้านหน้ามีอักษรไทยคำว่า “สงขลา” และมีอักษรอาหรับอ่านว่า “เนกกรีซิงกอรา” แปลว่า นครสงขลา ด้านหลังมีอักษรจีนอ่านว่า “ซ้งเซี้ยทงป้อ” แปลว่า “อีแปะเมืองสงขลา”
แบบที่ 2 ด้านหน้ามีอักษรไทยคำว่า “สงขลา”และคำว่าศักราชจุลศักราช 1241 หรือ 1242 หรือ 1243 และมีอักษรอาหรับ “นกกรีซิงกอรา” ด้านหลังมีอักษรจีนบอกว่า “จิงเฮงทงป้อ” แปลว่า “อีแปะที่ทำให้เจริญรุ่งเรือง”
แบบที่ 3 ด้านหน้ามีอักษรไทยคำว่า “สงขลา” และมีอักษรอาหรับอ่านว่า “เนกกรีซิงกอรา” ด้านหลังมีอักษรจีนบอกว่า “จิงเฮงทงป้อ” แปลว่า “อีแปะที่ทำให้เจริญรุ่งเรือง”
แบบที่ 4 มีขนาดใหญ่และหนากว่าทั้ง 3 แบบข้างต้น ด้านหน้ามีอักษรไทย “เบี้ยสงขลาร้อยละเหลียน” ด้านหลังมีอักษรจีนตัวเล็ก 1 ตัว แปลว่า “หัว” และอักษรจีนตัวใหญ่รอบเหรียญ อ่านว่า “ซ้งเซี้ยทงป้อมวยแปะเจ็กอี๊” แปลว่า “อีแปะนครสงขลาร้อยละหนึ่งเหรียญ”
เปิดประวัติชุมชนชายแดน บ้านควนไม้ดำ สู่บ้านไทย-จังโหลน
31 สิงหาคม 2568 | 205ย้อนรอยชุมชนประวัติศาตร์บ้านโคกเมือง และตำนานทวดหลักเมือง (ควนเนียง)
31 สิงหาคม 2568 | 259จากรากเหง้าสู่ปัจจุบัน : สัมผัสวิถีชีวิตคนโนด ผ่านพิพิธภัณฑ์เมืองระโนด
31 สิงหาคม 2568 | 245“โรงเรียนช่างตัดเย็บเสื้อผ้าสงขลา” สู่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสงขลา
24 สิงหาคม 2568 | 579ชุมชนท่องเที่ยว "บ้านหัวนอนวัด" ชุมชนคุณธรรม จิตรกรรมล้ำค่า ศาลาร้อยปี
24 สิงหาคม 2568 | 689ตำนานสิทธิเรือรี สู่ชื่อตำบลคลองรี อ.สทิงพระ
24 สิงหาคม 2568 | 688ข้าวดอกราย อาหารพื้นบ้านของคนสะกอมสมัยเริ่มก่อตั้งชุมชน
17 สิงหาคม 2568 | 702ย้อนภาพเก่าเล่าเรื่องอดีต...วิทยาลัยเทคโนโลยีสงขลา
17 สิงหาคม 2568 | 3,083