หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

กองทัพพระนารายณ์มหาราช...บุกเมืองสงขลา
15 พฤศจิกายน 2560 | 23,468

เมืองสงขลา หรือในชื่อเดิมคือ สิงขระนคร (สิงหนคร) และ ซิงกอรา เคยเป็นเมืองท่าสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ถึงขั้นที่ประเทศล่าอาณานิคมตะวันตก ต่างหวังแย่งชิงพื้นที่ศูนย์กลางทางการค้า ณ เมืองท่าแห่งนี้ โดยผู้ริเริ่มสร้างเมืองแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรือง นั่นคือ "ดาโต๊ะ โมกอล" เจ้าเมืองผู้อพยพมาจากเกาะชวา ด้วยหัวคิดอันก้าวไกล ในการสร้างท่าเรือสินค้าขนาดใหญ่ ส่งผลให้เมืองสงขลาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ภายใต้การเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา เมืองสงขลา (เมืองซิงกอรา) เมื่อสุลต่านสุไลมาน บุตรชายของดาโต๊ะโมกอล ขึ้นปกครองสงขลาต่อจากบิดา ได้มีการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยให้กับเมืองแห่งนี้ขึ้น มีการขุดคูน้ำ สร้างกำแพงเมือง และสร้างป้อมปราการปืนใหญ่ขึ้นถึง 17 แห่ง จนได้ชื่อว่า เป็นปราการที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคใต้ เมืองสงขลายังได้มีการสร้างเงินตราของตัวเองขึ้นมาใช้อีกด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองสงขลา แม้จะเป็นเพียงเมืองประเทศราช แต่กลับมีเงินตราของตัวเอง

เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน พระเจ้าปราสาททอง ได้สถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา สร้างความไม่พอใจต่อสุลต่านสุไลมานเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งตัวเป็นกบฏต่ออยุธยา พร้อมทั้งประอิสรภาพของเมืองสงขลา และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นเจ้าเมืองสิงขระนคร (รามาธิบดีแห่งเมืองสิงขระนคร) สุลต่านสุไลมานวางระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองได้ดีเยี่ยม ประกอบกับที่ตั้งของเมืองแห่งนี้ ยู่ในชัยภูมิที่เป็นต่อคู่ต่อสู้ทั้งปวง เป็นการยากหากใครหมายคิดโจมตีเมืองแห่งนี้ลงได้ หลังจากที่สุลต่านสุไลมานประกาศแข็งเมือง และตั้งตนเป็นเอกราชจากกรุงศรีอยุธยา ท่านได้ดำเนินการทางการค้ากับประเทศต่างๆโดยตรง ซึ่งไม่ต้องผ่านการส่งอากรให้อยุธยาอีกต่อไป ทำให้พระเจ้าปราสาททองกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้น ต้องส่งกองทหารมาปราบหลายครั้งตลอดรัชกาลของพระองค์ แต่พระองค์ก็มิอาจกระทำการได้สำเร็จ เนื่องจากเมืองสิงขระนครอยู่ในชัยภูมิที่ดี และมีการก่อสร้างกำแพงเมือง คันคู ตลอดจนป้อมปืนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อป้องกันเมืองทั้งทางน้ำและทางบกมากมาย

ภาพวาด..พระเจ้าปราสาททอง

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

วัน วลิต (Van Vliet) ผู้แทนบริษัท Dutch East India Co., Ltd. ประจำกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเคยเดินทางมาเยือนเมือง สิงขระนคร เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2185 ได้เขียนรายงานไว้ว่า “พระเจ้าปราสาททอง ได้เคยส่งกองเรือจากกรุงศรีอยุธยามาร่วมกับกองทัพเมืองนครศรีธรรมราช (ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสิงขระนคร) ทำการโจมตีสิงขระนครถึงสองครั้งในช่วงเวลาเพียง สองปี แต่ต้องประสพความพ่ายแพ้ไปทั้งสองครั้ง” ปี พ.ศ. 2223 ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา เมืองสิงขระนครได้ถูกกองทัพของกรุงศรีอยุธยาตีแตกจนได้ โดยกองทัพของกรุงศรีอยุธยาได้โจมตีเมืองสงขลา ทั้งทางบกและทางทะเล ดังปรากฏในจดหมายเหตุของ มองซิเออ เวเรต์ ชาวฝรั่งเศส ที่มาค้าขายในอยุธยาใน พ.ศ. 2230 ว่า “พระเจ้ากรุงสยามได้ส่งกองทัพเรือซึ่งมีเรือรบมาเป็นอันมาก ให้มาตีสิงขระนครเป็นอย่างมาก และ ได้ใช้แผนล่อลวงผู้รักษาป้อมแห่งหนึ่งให้มีใจออกห่างจากนายตน จากนั้นทหารกรุงศรีอยุธยาจึงได้ลอบเข้าไปทางประตูดังกล่าวเปิดประตูให้ทหาร เข้ามาทำลาย และ เผาเมือง โดยเพลิงได้ลุกลามจนไหม้ เมืองตลอดจนวังของเจ้าเมือง จนหมดสิ้น อีกทั้ง ทหารกรุงศรีอยุธยา ยังได้ยกทัพเข้าไปในเมืองทำลาย ป้อม ประตู หอรบ และ บ้านเรือนจนเหลือแต่แผ่นดิน เพราะเกรงว่าจะมีคนคิดกบฎขึ้นมาอีก” ส่วนอีกบันทึกหนึ่งได้เล่าไว้ว่า กองเรือจากกรุงศรีอยุธยาได้ร่วมกับ กองทัพจากนครศรีธรรมราช ได้ยกทัพเรือมาล้อมเมืองสุลต่านที่หัวเขาแดง โดยมีพระยารามเดโชเป็นแม่ทัพใหญ่ ครั้นแล้วกองทัพทั้งสองฝ่ายก็ได้เริ่มทำยุทธนาการกันทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีลูกเรือชาวดัทช์ที่มารักษาการณ์ อยู่ที่สถานีการค้าของบริษัท Dutch East India Co.Ltd. ที่หัวเขาแดง เข้าช่วยฝ่ายสุลต่านสิงขระนคร เข้ารบกับกองทัพเมืองนครศรีธรรมราช ดังปรากฏที่ฝังศพของทหารอาสาชาวดัทช์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกุโบร์ที่ฝังศพของสุลต่านสุไลมาน โดยในบันทึกได้บรรยายรายละเอียดว่า ในคืนวันหนึ่งขณะที่ปืนใหญ่จากเรือรบของนครศรีธรรมราช กำลังกระหน่ำยิงเมืองหัวเขาแดง ทหารซึ่งอยู่ที่ป้อมเมืองสงขลาของสุรต่านมุสตาฟา (บุตร สุลต่านสุไลมาน) จำนวนสองคนได้ทำการทรยศจุดคบไฟโยนลงจากบนภูเขาใส่บ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่ บริเวณเชิงเขา ซึ่งส่วนมากจะมุงด้วยหลังคาใบจาก จึงได้เกิดไฟไหม้ขึ้น ทำให้เกิดโกลาหลอลม่านกันขึ้น จนกระทั่งกองทัพกรุงศรีอยุธยา และ เมืองนครศรีธรรมราช สามารถยกพลขึ้นบกได้หลายจุด เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าเมืองสิงขรนคร ยอมจำนนแก่แม่ทัพใหญ่ เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช

 ปืนใหญ่สุลต่าน ที่ถูกกองทัพอยุธยายึดไป ก่อนถูกพม่าเอาไป และสุดท้ายก็เป็นอังกฤษที่ได้ไปครอบครอง ปัจจุบันอยู่ที่ลอนดอน

สมเด็จพระนารายณ์มีพระบรมราชโองการ ให้ยุบเมืองสุลต่าน มีการกวาดต้อนผู้คนให้อพยพออกจากพื้นที่ไป ชาวสงขลาบางส่วนก็ได้ไปสร้างบ้านเรือน เป็นชุมชนแห่งใหม่ อยู่บริเวณฝั่งแหลมสน ชุมชนแห่งนี้ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน ที่เรารู้จักนั่นเอง หลังจากเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงถูกทำลายแล้วทางกรุงศรีอยุธยามีนโยบายจะยกเมืองสงขลาให้ฝรั่งเศส แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ เนื่องจากเมืองสงขลาในขณะนั้นอยู่ในสภาพเสียหายอย่างหนักเพราะถูกทำลายจนหมดสิ้น

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง