ย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีที่แล้ว สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาวัยใสในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอำเภอหาดใหญ่ ถ้าวันนั้นเพื่อนตัวแสบไม่เปรี้ยวปากอยากกินมะม่วง การใช้ชีวิตนักศึกษาของเราคงปกติสุขเกินไป
ในวันงานเลี้ยงอาหารแก่รุ่นพี่ปี 4 ที่กำลังจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ใต้คณะมีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย รุ่นน้องปี 1 – 3 ช่วยกันบริการรุ่นพี่อย่างดี ทั้งเสิร์ฟอาหาร ร้องเพลงให้ฟัง พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เมื่อย่างเข้าสู่นาทีที่งานเลี้ยงต้องเลิกลา เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง พูดขึ้นว่า มีทั้งของคาวของหวาน แต่อยากกินมะม่วงเปรี้ยวกับพริกเกลือชูรส ขับรถออกไปซื้อเป็นเพื่อนมันหน่อย เราตัดสินใจไปกันสามคน มีเพื่อนคนขับ เรานั่งข้างคนขับ และเพื่อนที่อยากกินมะม่วงเปรี้ยวนั่งอยู่เบาะหลัง หลังซื้อเสร็จก็ขับรถกลับเข้ามมหาวิทยาลัย เพื่อนก็เข้าจอดรถที่ลานจอดรถหน้าคณะ ลานนี้กว้างมากสามารถจุรถได้หลายสิบคัน แต่อยู่ ๆ เราก็เกิดง่วงขึ้นมากะทันหัน อาจเนื่องจากเพลียในช่วงที่มีงานเลี้ยง จึงบอกเพื่อนว่าของีบในรถสักพัก ให้เพื่อนกลับไปคณะก่อน แต่เพื่อนก็ยืนยันว่าบริเวณตรงลานจอดรถค่อนข้างมืด ก็เลยจะอยู่เป็นเพื่อน แต่ขอออกไปถ่ายรูปเล่นบริเวณเสาไฟไม่ไกลจากที่รถจอดอยู่ เพื่อนทั้งสองคนก็ออกจากรถไปพร้อมกับถุงมะม่วงเปรี้ยว ผ่านไปประมาณ 15 นาที หลังจากงีบได้นิดหน่อย เราทั้งสามคนก็กลับเข้าคณะ เพื่อช่วยคนอื่นเคลียร์พื้นที่บริเวณงาน กว่าจะเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาพอสมควร
เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ เวลาเที่ยงคืนนิด ๆ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ชื่อว่า ไม่เคยหลับใหล หลังจากทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย เพื่อนทุกคนในกลุ่มลงความเห็นว่า จะไปกินหมูปิ้งตีสอง (แต่ร้านเปิดตั้งแต่เที่ยงคืน) ทุกคนยังดูสดชื่นรวมถึงเราด้วย เมื่อไปถึงร้านหมูปิ้งก็สั่งอาหารตามต้องการ หมูปิ้ง เครื่องดื่มเย็น ๆ แต่เมื่อเรากัดหมูปิ้งเข้าปากไปคำแรก สัมผัสได้เลยว่า เห้ยยยยยยย มันอร่อยย ก็กินต่อเรื่อย ๆ แต่ไม่นานเราก็รู้สึกในใจหวิว ๆ อยากกรีดร้องออกมาตรงนั้นเลย มือสั่น ตัวสั่นขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ พยายามข่มตัวเอง แล้วบอกเพื่อนว่า กลับกันเลยได้ไหม รู้สึกแปลก ๆ เพื่อนทุกคนมองหน้าเรา แล้วตัดสินใจกลับเข้าไปคณะอีกครั้งเพื่อแยกย้ายกันกลับที่พัก
เมื่อไปถึงคณะมีน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ แล้วก็พูดกับเราว่า พวกพี่ไปทำอะไรกันมา แล้วบอกให้เรา(คนเดียว)ไปเอาผ้าถุงสวมหัวนะ แล้วสวดมนต์จนถึงตีสาม จากนั้นค่อยกลับบ้านไปอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด เพราะเหมือนพี่จะโดนของนะ ระหว่างที่เราสวดมนต์ อยู่ ๆ เพื่อนคนที่อยากกินมะม่วงเปรี้ยวก็นั่งสั่นเป็นเจ้าเข้า ตัวเราเองกลัวไปหมด ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งสวดมนต์ ส่วนเพื่อนคนที่นั่งสั่นบอกว่า ตัวมันเองมีของที่ดูแลมันอยู่ มันจึงถามทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องว่า ใครมีของออกไปจากห้องหน่อย
น้องคนที่เดินมาบอกให้เราสวดมนต์ นั่งยิ้มแล้วก็บอกว่า เดี๋ยวออกไปเอง อย่ามาตีกันเลย ทุกคนไม่ได้คิดร้ายต่อกัน (อันนี้คงไม่ได้บอกคนที่นั่งในห้องแน่ ๆ) เมื่อน้องคนนั้นเดินออกจากห้องไปทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนเราก็ทำได้แค่กลัวแล้วก็นั่งสวดมนต์จนถึงตีสาม (ในใจคิดตลอดว่า ทำไมต้องตี 3 ตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ )
เวลาล่วงเลยถึงตีสามครึ่ง ทุกคนแยกย้ายกลับที่พัก ส่วนเราเพื่อนคนที่ขับรถขับมาส่งที่บ้าน ส่วนเพื่อนคนที่อยากกินมะม่วงเปรี้ยวเมื่อถึงหอพัก ก็โทรศัพท์ไปเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แม่ที่อยู่ต่างอำเภอฟัง แม่ก็เลยนำเรื่องราวไปให้ผู้ที่มีญาณวิเศษ ช่วยวิเคราะห์ ว่าเกิดจากอะไร ตอนเที่ยง เมื่อทุกคนรวมตัวกันอีกครั้งใต้คณะเพื่อรอเรียนวิชาในภาคบ่าย เพื่อนคนที่อยากกินมะม่วงเปรี้ยวก็เล่าให้ฟังว่ามันโทรไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เลยไปถามผู้รู้ เขาบอกแม่มาว่า เมื่อคืนได้ไปในสถานที่ที่มีลานกว้าง ๆ มืด ๆ บ้างหรือเปล่า ตรงนั้นมีตอไม้อยู่หนึ่งตอ มีเจ้าที่อยู่ ได้ไปทำอะไรหลบหลู่ไว้หรือเปล่า ให้ไปทำพิธีขอขมา ดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ตอไม้ตอนั้นซะด้วย
พวกเราทั้งสามคนก็ถึงบางอ้อเลยจ้า เพื่อนคนขับรถก็พูดขึ้นว่า อ่อ เราเขวี้ยงเม็ดมะม่วงไว้ตรงนั้น แล้วก็ถ่ายรูปแถวนั้นด้วย คงไปรบกวนท่านแหละ สงสัยเป็นตอไม้นั้นแน่ ๆ ตอนนี้เราเกิดคำถามขึ้นในหัวว่า นอนอยู่เฉย ๆ ในรถ ทำไมต้องเป็นตรู ที่มีอาการ ทำอะไรผิด ก็เลยถามเพื่อนคนที่อยากกินมะม่วงเปรี้ยว มันบอกว่าถามแม่ให้แล้ว เรื่องเรา เขาบอกแม่มันมาว่า เราเป็นคนเดียวที่ช่วงนี้กำลังดวงตก ทุกอย่างก็เลยเข้ามาสู่ตัวเราได้ง่าย
ช่วงบ่ายของวันนั้น ในเวลาที่นักศึกษาหลายสิบคนขับรถเข้ามาจอดรถบริเวณลานนี้ พวกเขาก็จะพบกับหญิงสาวสามคนนั่งไหว้ตอไม้อยู่กลางลานกว้าง แล้วก็หันไปซุบซิบกัน (แหม ไม่รู้เลยว่าคิดอะไรอยู่)
ทุกวันนี้เวลาเข้าไปในมหา'ลัย พยายามเลี่ยงที่จะจอดรถตรงลานนั้น นึกถึงวันนั้นทีไร อายก็อาย กลัวก็กลัว แต่วันนั้นต้องทำจริง ๆ เพราะกลัวมากกว่าอาย เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณจริง ๆ แต่ตอนนี้เวลาคิดถึงเรื่องนี้ ไม่ค่อยรู้สึกกลัวเท่าไร แต่รู้สึกว่า วันนั้นอายมาก คนไม่เจอกับตัว หรือเชื่อเรื่องแบบนี้ เขาต้องคิดว่าเราสามคน บ้าแน่ ๆ ที่นั่งไหว้ตอไม้ตอนกลางวันแสก ๆ
ขอบคุณภาพปก (ใช้เป็นภาพประกอบเท่านั้นไม่เกี่ยวกับเนื้อหา) : thehouse
เรื่อง : หยกสีเขียว HatyaiFocus
หรางเมืองสงขลาในอดีต ครั้นย้ายเมืองสงขลามาฝั่งบ่อยาง
18 พฤษภาคม 2568 | 29บัวของคนภาคใต้...ที่ไม่ได้หมายถึงดอกบัว
11 พฤษภาคม 2568 | 403ร่องรอยเจดีย์บนเกาะหนู โบราณสถานสำคัญสมัยอาณาจักรอยุธยา
11 พฤษภาคม 2568 | 379ศาลาตาเล่อเท่อ ที่พึ่งของชาวบ้านเมื่อของสำคัญสูญหาย
27 เมษายน 2568 | 731จากอดีตบ้านทุ่งเหม็นขี้ สู่บ้านทุ่งขมิ้น(นาหม่อม)
27 เมษายน 2568 | 360บุกป่าหาน้ำตกลับ...น้ำตกโตนหน้าผี ณ เขาพระ อ.รัตภูมิ
27 เมษายน 2568 | 685ศาลเจ้าแม่กวนอิมสวนหมาก ศาลเจ้าแห่งแรกที่ริเริ่มทำโรงทานเจในสงขลา
20 เมษายน 2568 | 608พาชม...บ้านขุนตระการตะเครียะเขต บ้านเก่าโบราณนับร้อยปี "บ้าน 108 เสา"
30 มีนาคม 2568 | 1,341