หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

วิถีชีวิต

คนหาดใหญ่เจ้าของไร่ชาและข้าวออแกนิคที่ญี่ปุ่น เรื่องราวของพี่แจคจะทำให้เราเข้าใจคำว่าน้อยแต่(มีความสุข)มากที่แท้จริง
4 กันยายน 2568 | 4,609

คนหาดใหญ่ที่เป็นเจ้าของไร่ชาและข้าวออแกนิคที่ญี่ปุ่น เรื่องราวของพี่แจคจะทำให้เราเข้าใจคำว่าน้อยแต่(มีความสุข)มากที่แท้จริง พี่แจคเดินทางมาจากญี่ปุ่นกลับมาทำธุระที่หาดใหญ่ หาดใหญ่โฟกัสได้จังหวะดีพาทุกคนไปรู้จักกับพี่แจค-ปฐมทัศน์ ทองฉิม

พี่แจคเกิดและเติบโตที่หมู่บ้านวังพา ใกล้น้ำตกโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา จบชั้นกศน. เมื่ออายุ 20 ปีตัดสินใจไม่เรียนต่อ ชวนเพื่อนไปเป็นอาสาสมัคร องค์กรอาสาสมัครนานาชาติ Greenway International Workcamp อ.คลองหอยโข่ง เพราะเป็นคนชอบดูหนังฝรั่ง อยากใส่สูท พูดภาษาอังกฤษ พอเข้าไปอยู่ในองค์กรฯเกิดความซึมซับผ่านงานกิจกรรม ได้ใช้ภาษาอังกฤษเจอชาวต่างชาติเยอะเลยพูดภาษาอังกฤษได้ ทำอยู่ได้ประมาณ 1 ปีกว่าก็มีเหตุให้ต้องออก จากนั้นก็กลับบ้านไปกรีดยาง ก็ทำไปเรื่อยๆ จนมีช่วงที่เริ่มรู้จักการทำเกษตรอินทรีย์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่หมู่บ้านราชธานีอโศกอุบลราชธานี เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการทำการเกษตรแล้วก็รู้สึกชอบ แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสทำด้านนี้อย่างจริงจัง

หนุ่มหาดใหญ่กรีดยางอยู่ใต้ พรหมลิขิตจัดสรรพบรักกับสาวญี่ปุ่น
หลังจากกลับบ้านไปกรีดยางได้สักพัก อยู่มาวันนึงพี่โรส คนฮอนแลนด์ พี่ที่เคยทำอยู่ Greenway ด้วยกันย้ายไปอยู่พะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ทำมูลนิธิและเกสเฮ้าส์ ก็ชักชวนให้เข้ามาทำงานอาสาสมัครอีกครั้ง ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างคนไทยกับต่างชาติ ที่นี่กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่แจคได้มาเจอแฟนชาวญี่ปุ่น พรหมลิขิตจัดสรรให้ได้เจอกัน อาสาคนอื่นไม่ว่างมาต้อนรับเลยต้องเป็นเราที่ต้องรับ คุยกันแล้วรู้เลยว่าคนนี้ที่ใช่ สิ่งที่เราคอยมานานคือคนนี้เลย คุยกัน 3 วันขอแต่งงานเลย ดึงหญ้าเจ้าชู้เอามามัดทำเป็นแหวนขอแต่งงาน ตอนนั้นประมาณปี 2010

ย้ายไปญี่ปุ่น ครั้งแรกที่รู้จักไร่ชาและเมืองวาซุกะ
พอช่วงปี 2011 ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นและแต่งงานเลย ตอนนั้นได้วีซ่า 90 วัน พ่อตาเป็นคนรับรองให้ โดยที่เค้าไม่เคยเจอเรามาก่อนเลย ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีอะไรทำ แฟนเลยแนะนำว่าไปไร่ชาเพื่อนของเค้าไหม เค้าทำไร่ชาอยู่ที่เมืองวาซุกะ (Wazuka เกียวโต เป็นเมืองแห่งไร่ชาในจังหวัดเกียวโต มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ตั้งแต่สมัยยุคคามาคุระ เป็นแหล่งผลิตชาเซนฉะคุณภาพเยี่ยม และยังเป็นแหล่งผลิตชาอุจิที่มีชื่อเสียง) แล้วบังเอิญว่าเพื่อนญี่ปุ่นคนนั้นเคยทำงานเป็นอาสาสมัครอยู่ที่ Greenway ก็เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาก่อน

ตอนแรกเค้าไม่มั่นใจว่าคนไทยจะทำชาได้ไหมเพราะงานมันหนัก พอเจอเราเค้าคิดว่าทำได้เลยให้ทำช่วงบ่าย ส่วนช่วงเช้าเราก็ไปช่วยอีกเจ้านึง ช่วยตัดหิ้ว ทำความสะอาดใบก่อนเกี่ยว ขนขึ้นรถ ซึ่งไร่ชาที่เราไปช่วยตอนเช้าเป็นของคุณลุงคนนึงที่แกเพิ่งเสียปีนี้(2025) ตอนนั้นเราก็เริ่มรู้สึกสนุกและชอบการทำไร่แล้ว

แต่หลังจากครบ 90 วัน ตามช่วงวีซ่า ก็ต้องกลับหาดใหญ่มาทำสวนยางต่อ ตอนอยู่ในสวนยางไม่มีไฟฟ้าใช้ ใช้โซล่าเซลแผงนึง น้ำบ่อขุดเอาทีหลัง ส่วนใหญ่ใช้ไม้ฟืน หลังคารั่วเป็นย่อมๆ ตอนนี้ภรรยาก็มาอยู่ด้วยเรารู้สึกว่าภูมิใจกับตัวเค้าที่สามารถใช้ชีวิตกับเราแบบนี้ได้ พอออกจากสวนมาในหมู่บ้านก็ขี่จักรยาน แล้วก็มีแพลนจะกลับไปญี่ปุ่นต่ออีก 90 วันเหมือนต่อวีซ่าไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนั้นภรรยาท้องลูกสาวคนแรกแล้ว เราไปกลับญี่ปุ่นทุกปี โดยในทุกปีที่กลับไปทุกอย่างมันจะเพิ่มขึ้น เราช่วยเพื่อนทำไร่ได้ในระดับพัฒนาที่เพิ่มขึ้น แล้วคุณลุงที่เราช่วยแกทำ ให้เราทำไปเลยฟรี 1 แปลง เป็นแปลงที่ทรงไม่เหมือนคนอื่น แปลงเล็กนี้เราปลูกข้าวเองกับมือแล้วก็รู้สึกชอบเพราะบ้านเราไม่มีนา น้ำเข้ามาในนาง่าย แล้วก็ทำวนไปอยู่แบบนั้น 

หลงรักวาซุกะ เมืองที่จะใช้ชีวิตอยู่ตลอดไป
จนมาถึงจุดที่เราตัดสินใจจริงจังกว่าจะใช้ชีวิตที่เมืองวาซุกะไปตลอด วาซุกะเป็นเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบ มีร้านสะดวกซื้อแค่ร้านเดียว ร้านขายกับข้าวมีสองร้าน ไปรษณีย์มีหนึ่งแห่ง แต่ทุกอย่างทันสมัย มีอินเตอร์เน็ต เด็กเดินไปโรงเรียนมีผู้ใหญ่อาสาเดินไปด้วย ไม่เหมือนในตัวเมืองของญี่ปุ่น เลยตัดสินใจเลยว่าเราควรย้ายมาอยู่ที่วาซุกะอย่างถาวร เราอยากให้ลูกโตในเมืองนี้มันเหมาะแล้ว 

เรารู้สึกว่าที่นี่ต้องการเราอยู่ มีเพื่อน คุณลุง ที่คอยให้เราไปช่วยทำงาน ให้เครื่องให้รถปลูกข้าวเรามาทำงาน ตอนนั้นเริ่มเกี่ยวข้าวได้ ที่วาซุกะยังมีทุนสนับสนุนเป็นเกษตรกรแบบครบวงจร หลังจากผ่านการเทรนแล้วเลยตัดสินใจว่าเราลองทำเองด้วยไหม เริ่มขยายพื้นที่อย่างละนิดในการปลูกไร่ชาและปลูกข้าว จนมีไร่ชาประมาณเกือบสิบไร่ได้เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่มีสารเคมีจากไร่อื่นมาปน ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามคนอื่นว่าทำไมเราไม่ปลูกแบบเค้า แล้วก็ได้ที่อีกส่วนนึงมาอีกเป็นพื้นที่ปลูกข้าว ซึ่งไร่เราเป็น 1 ใน 0.5% ของสินค้าออแกนิคทั้งประเทศญี่ปุ่น

ทำไมถึงเลือกแบบออแกนิค
เราเชื่อว่าถ้าเราไม่ใส่เคมีลงดินอย่างน้อยดินมันก็ดีขึ้นไม่มากก็น้อย เพราะการเป็นเกษตรกรถ้าคุณเริ่มคุณจะลงทุนเยอะแล้วหนทางของคุณไม่ได้สู่ความรวย ถ้าคุณจะลงทุนไปเยอะแล้วหวังให้มันแน่นอนทุกอย่าง 100% ไม่ได้จริงๆ ถ้าดินดีคุณมีชัยไปแล้วนิดนึง แล้วคนที่มารับช่วงต่อมันก็จะดีไปต่อ แล้วตอนเวลาเราเสิร์ฟให้ลูกค้าเราก็จะสบายใจไม่มีข้อกังขาเพราะเราไม่ได้ใส่ไม่ได้ฉีดสารเคมี ชอบไม่ชอบอาจจะเป็นอีกเรื่องนึง เรามีการปรับพื้นที่จากที่เคยใช้ปุ๋ยสารเคมี ปีแรกชามันช็อคเหมือนเคยได้ปุ๋ยแบบนั้นมา แมลงก็มาโดนถล่มไปเยอะเหมือนกัน พอเข้าปีที่สองเริ่มปรับมาเรื่อย ใบชาอันไหนอ่อนแอก็ตายไป ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ปรับมาทุกปีจนเริ่มลงตัวเป็นออแกนิคแบบร้อยเปอเซ็นต์

ความหลงใหลและความท้าทายในการปลูกชาและข้าว
เพลิน Play and Learn เป็นแบบนี้เลย แล้วเวลาทำออกมาเสร็จแล้วมันภูมิใจ ตอนนี้คนไทยไปที่ไร่เยอะแล้วเวลาเราเห็นสายตา ความตั้งใจเหล่านั้น มันบันเทิงกันในป่าในเขา เราก็รู้สึกดีที่บอกในสิ่งที่เค้ายังไม่รู้แล้วเค้าตื่นตาตื่นใจเปิดโลกในจุดนึง เอาความจริงประสบการณ์มาเล่าให้ฟังกันก็สนุกสนาน ส่วนมัทฉะเราเพิ่งทำมัทฉะเมื่อปีที่แล้วเพราะชาเราไม่ใส่ปุ๋ย ต้นฤดูกาลแรกของปีใบชาเพิ่งออกเพราะอากาศเพิ่งอุ่น แสงแดดมาดี ปีนึงการเก็บเกี่ยวชาที่เป็นยอดชาใหม่ได้ 3 ครั้ง ต้น กลาง และปลายฤดู เว้นแต่ละช่วงประมาณหนึ่งเดือน 

ทำอาชีพเกษตรกร มากกว่า 10 ปี ความเปลี่ยนแปลงที่พบเจอ
พื้นที่ร้างมากขึ้นเพราะคนญี่ปุ่นแก่ ในแต่ละปีก็มีคนแก่มากขึ้นทุกปี ลูกของเจ้าของเดิมก็ไม่มีใครมาทำชาต่อ กลายเป็นป่าชาไปเลย ซึ่งมีเยอะมาก ส่วนที่เปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่เห็นชัดเลยคือการดื่มชาของคนไทยในตอนนี้ คนเอามัทฉะมาทำลาเต้เยอะมาก เดิมโบราณเค้าจะดื่มแบบไม่ใส่นม แต่ถ้าในส่วนลึกของคนญี่ปุ่นเวลาเห็นทำลาเต้แบบนี้เค้าจะอืมมมมมม แต่ก็ยอมรับได้ เพราะถ้ามัวแต่มาเข้มหรือประเพณีพิธีการเอาวางไว้บนหิ้งอย่างเดียวก็ไม่ได้ แต่เราเชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ธรรมชาติคัดสรรเองว่าใครจะไปต่อ เราไม่ได้มีปัญหากับกระแสมัทฉะ แต่ถ้าคนสั่งชารีบมากคุณจะได้ชาที่คุณภาพไม่ถึงเวลาของมัน มัทฉะมันต้องบ่มสักนิดสักหน่อย ปัญหาตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องการบดไม่ทันเค้าเริ่มทำเครื่องบดกันเยอะขึ้น ทำจากหินเพราะคนทำแก่และมีน้อย ก็อาจจะต้องรอเพื่อให้ได้ชาคุณภาพที่ดี

ปัจจุบันและอนาคตของ Jack Farm 
ส่วนมากเราส่งชาไปยุโรปเพราะเค้าจะชอบความเป็นออแกนิค ถ้าชิมแล้วเค้าจะรู้เลยว่าอันนี้ออแกนิคจริงอันนี้ไม่ใช่ ส่วนทางไทยจะมาทางโฮจิฉะข้าวคั่ว มัทฉะมีนิดหน่อยซึ่งจุดขายของเราคือความขมเลย อนาคตเราอยากขายสินค้าที่คนชอบ ส่วนอีกอย่างเราอยากให้คนลองทำชา เป็นกิจกรรมที่ให้คนได้เวิร์คช้อปซึ่งได้รู้สึกเอง มีหลายคนพูดว่ามัทฉะราคาแพง ที่จริงไม่แพงแต่ราคามันสูง ก็อยากให้คนได้รู้ว่าทำไมมันถึงราคาสูง เค้าจะได้รู้วิธีการเก็บนิ่งตากบดในระบบมือ  สองวันถึงจะได้หนึ่งแก้ว แล้วถ้าในปริมาณที่มากเป็นกิโลจะได้รู้ว่าเกษตรกรเค้าต้องจ่ายอะไรบ้าง จะเข้าใจทำไมราคามันสูง ซึ่งเราไม่ได้คิดเรื่องขายถ้าคิดเรื่องนี้ผมไม่ทำ อยากทำแบบน้อยแต่มีความสุขมาก

ส่วนไร่ชา/ข้าวของเราจะมีใครทำต่อไหมเราไม่ได้เน้นตรงนั้น เราไม่ได้บังคับลูกว่าต้องทำต่อจากพ่อแม่ ลูกสาวคนโตเลือกไปเรียนชงชาเองไปเรียนมา 3-4 ครั้ง ให้เค้าเลือกตามความชอบเอง การเป็นเกษตรกรอยู่ยาก ต่อให้ราคามัทฉะแพงก็จริงแต่มันไม่ได้หมายถึงว่าอยู่รอดทั้งปี ไม่เคยคิดที่จะให้ลูกมาทำต่อในสิ่งที่พ่อแม่ทำเลย ทำไว้ให้ใครก็ไม่รู้ เพราะคุณตาเจ้าของเดิมเค้าก็คงไม่คิดว่าวันนึงจะมีคนต่างชาติจะมาทำต่อ รอถึงวันอนาคตตอนนั้นค่อยว่ากัน 

สำหรับใครที่อยากไปสัมผัสไร่ชาของพี่แจคที่วาซุกะสามารถติดต่อไปได้ที่ Instagram : jack_farm_kyoto
หรือถ้าอยากลองชิมโฮจิฉะของไร่ของพี่แจค สามารถแวะไปได้ที่ร้าน Kirara Tea House きらら茶 ในสงขลาได้เลย

เรื่อง : HatyaiFocus
ภาพ : HatyaiFocus l Jack Farm Kyoto l IG : koji_okayama

เรื่องที่เกี่ยวข้อง