วันนี้ทีมงานหาดใหญ่โฟกัส ได้หยิบเรื่องราวและเรื่องเล่าจากลุงก้อยและพี่ส้มจี๊ด เกี่ยวกับ...โรงหนังหาดใหญ่และโรงหนังสงขลา
"กลิ่นสีโปสเตอร์ อารมณ์ภาพยนตร์ที่หายไปตลอดกาล"
มีคนบอกว่า..สมัยนี้มันง่ายที่เราจะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องใดจะเข้าฉาย เพราะเรามีโลกโซเชียล มีเพื่อน ๆ มากมายทั้งจังหวัด ทั้งประเทศ และทั้งโลก ที่จะคอยสอดส่องและคอยแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจให้เราได้เห็นอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีทั้งเพจภาพยนตร์ เพจของตัวโรงภาพยนตร์เอง หรือจะเป็นเพจรีวิวหนัง ซึ่งมันง่ายมากจริง ๆ ที่เราจะสามารถรู้ได้ว่าหนังเรื่องใดเป็นอย่างไร เข้าฉายวันไหน น่าดูหรือไม่ ใครแสดงนำ คนทั่วไปที่ไปดูแล้วเขาวิจารณ์ไว้ว่าอย่างไรกันบ้าง ผิดกับสมัยก่อน...การโฆษณาภาพยนตร์นั้นต้องอาศัยใบปลิวปิดประกาศ และถ้าให้คลาสสิกจริง ๆ ต้องเป็นใบประกาศที่เขียนด้วยมือ ส่วนใหญ่จะติดตามร้านกาแฟและร้านค้าขายของชำ เดี๋ยวนี้เราจะพบเห็นป้ายประกาศโฆษณาหนังตามร้านค้าได้น้อยลงหรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ จะมีประปรายก็คงจะเป็นป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่ถูกพิมพ์ขึ้นมาบนแผ่นไวนิล แทนที่เจ้าป้ายโฆษณาคัทเอาท์วาดมือสุดคลาสสิก ที่เราเคยเห็นกันเมื่อราว 5 - 10 ปีที่ผ่านมา ตามแยกใหญ่ ๆ ของสงขลาและหาดใหญ่ หรือตามรถแห่หนังที่ขับกันรอบเมือง ผมเองยังจำหน้าของใหม่ ดาวิกา ที่ถูกวาดขึ้นได้เป็นอย่างดี (555+)
คนเขียนคัทเอาท์หนัง
ใบปิดหนังเก่า ๆ ร้อยทั้งร้อยเรื่อง เป็นโปรเตอร์ที่เขียนที่วาดด้วยมือ บ้างก็มีการนำภาพถ่ายมาตกแต่งเล็ก ๆ ต่างจากปัจจุบันที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำใบปิดประกาศหนังบริเวณหน้าโรงหนัง ซึ่งมีการใช้เทคนิค Artwork และ Graphic ผสมผสานเข้าด้วย ในสมัยก่อนนั้นเราสามารถแยกแยะโปสเตอร์ออกว่า โปสเตอร์ไหนเป็นหนังไทย โปสเตอร์ไหนเป็นหนังฝรั่ง แต่ในปัจจุบันวงการภาพยนตร์หนังไทยก้าวล้ำขึ้นมาก สามารถไปเทียบเท่ากับหนังต่างประเทศได้สบาย ๆ แม้แต่โปสเตอร์หนัง ปัจจุบันแยกกันไม่ออกว่า ไหนเป็นหนังไทย ไหนเป็นหนังฝรั่ง จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่แอบเสียใจเล็ก ๆ ที่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดนี้ ได้ทำลายศิลปะและจิตวิญญาณที่มีอยู่ภายในประเทศไทยเราเท่านั้นไปด้วย แบบไม่ได้ตั้งใจ พอกลับมานึกดูก็รู้สึกเสียดายฝีมือของช่างเขียนเหมือนกัน
เปี๊ยกโปสเตอร์ สุดยอดนักเขียนโปสเตอร์หนัง
คัทเอาท์หนังของโคลีเซี่ยมไดอาน่า
เมื่อพูดถึงโรงภาพยนตร์ คนหาดใหญ่หรือคนสงขลาหลาย ๆ คน คงจะนึกถึงห้างสรรพสินค้าไดอาน่าเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากราคาถูกกว่าที่อื่น แถมยังมีห้างสรรพสินค้าราคาย่อมเยาว์ ไว้เดินเล่นระหว่างรอหนังฉาย โรงภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ในอดีตของไดอาน่า นั่นคือ โรงภาพยนตร์เครือโคลีเซี่ยม ที่ยึดฐานหนังภาคใต้มาเป็นเวลานาน ก่อนจะถูกเครือเมเจอร์มายึดฐานไปในเวลาต่อมา กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ...เมื่อก่อนไดอาน่ามีการปิดประกาศโฆษณาหนังตามแยกต่าง ๆ ของหาดใหญ่ มีลักษณะเป็นคัทเอาท์วาดมือ จุดสำคัญ ได้แก่ สี่แยกสะพานดำและสี่แยกก่อนถึงหน้าหอนาฬิกา คัทเอาท์วาดมือชุดสุดท้ายที่ปรากฏบนแผ่นดินหาดใหญ่ ก็คือ บริเวณแยกสะพานดำ
รถแห่หนังในสมัยก่อน
หลายคนคงจะเคยเห็นรถกระบะที่ติดป้ายไม้คัทเอาท์ภาพวาดโปสเตอร์ของหนังเรื่องต่าง ๆ ภาพสวยบ้างไม่สวยบ้างว่ากันไป รถแห่จะขับเวียนไปทั่วเมือง พร้อมเสียงประกาศโดยโฆษกผ่านลำโพงสีดำ ๆ ระบุชื่อหนัง วันฉาย โรงภาพยนตร์ และนักแสดง ผ่านอารมณ์เสียงที่ชวนฟัง สมัยก่อนจะเป็นการพูดสดไม่ได้อัดเทปเปิดวน รถแห่นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการประชาสัมพันธ์โฆษณาหนัง รถแห่จะมีการโปรยใบปลิวหนังขนาดเท่ากระดาษ A4 อีกด้วย เด็ก ๆ ที่เก็บใบปลิวได้จะรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะจะมีภาพของพระเอกนางเอกสวย ๆ สมัยนี้กลายเป็นของสะสมล้ำค่า มีมูลค่าหลายพันบาทเลยทีเดียว ปัจจุบันมีคนออกตามหากันเยอะ
บรรยากาศหน้าโรงหนังสมัยก่อน
สมัยก่อนโรงภาพยนตร์จะฉายวันธรรมดาเพียงสามเวลาด้วยกัน คือรอบแรกราวบ่ายสามโมงครึ่ง รอบค่ำประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง และรอบดึกราวสามทุ่มครึ่ง แต่ถ้าเป็นวันเสาร์ - อาทิตย์ จะเพิ่มรอบเที่ยงขึ้นมาอีกหนึ่งรอบ ส่วนในช่วงเทศกาล อาทิ วันปีใหม่ วันตรุษจีน จะมีการเพิ่มรอบมิดไนท์เที่ยงคืนอีกด้วย มีกิจกรรมหน้าโรงหนัง เช่น การเอาวงดนตรีลูกทุ่ง วงดนตรีท้องถิ่น มาจัดแสดงระหว่างรอชมภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมการโปรโมทหนังอีกด้วย และหากเป็นหนังดังจะมีการจัดทำพร็อพ เช่น รถถัง รถมอเตอร์ไซค์ หรือให้คนมาแต่งกายเป็นตัวละครในเรื่องนั้น หน้าโรงภาพยนตร์แต่ละแห่งจะมีอาหารอร่อย ๆ ขายอยู่หน้าโรงหนังแทบทั้งสิ้น
ของกินหน้าโรงหนัง
สมัยก่อนบรรยากาศหน้าโรงหนังจะดูคึกคักเป็นอย่างมาก จะมีรถเข็นนำผลไม้และอาหารคาวหวานมาขาย อาทิ มะยมดอง ฝรั่งชุบบ๊วย ปลาหมึกย่าง คนสงขลาจะเรียกรถเข็นเหล่านี้ว่า "รถกุ๊งกิ๊ง" เราขอย้อนไปที่ "สหภาพยนตร์" โรงหนังดังเมืองสงขลา จะมีอาแปะถือถาดหนึ่งใบ ภายในถาดประกอบไปด้วย บุหรี่ ของขบเคี้ยว หมากฝรั่ง ฯลฯ เดินเร่ขายภายในโรงภาพยนตร์ ก่อนหนังฉาย
เมื่อก่อนเพลงสรรเสริญพระบารมีเปิดท้ายเรื่อง
ปัจจุบันแทบทุกคนที่เข้าไปดูหนังภายในโรงภาพยนตร์ เราจะต้องยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนหนังเริ่ม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า..ในอดีตเพลงสรรเสริญเคยเปิดหลังหนังฉายจบ เหมือนการปิดสถานีโทรทัศน์ในยุคหนึ่ง (สมัยนี้ไม่ค่อยปิดสถานีกันแล้ว ฉาย 24 ชม.) แต่ด้วยเหตุที่พอหนังจบ คนต่างไม่ค่อยสนใจเพลงสรรเสริญเท่าไหร่ ต่างแย่งกันจะออกจากโรง เสียงเก้าอี้ดัง ปึงปังมันเลยดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก จึงมีการเปลี่ยนให้เพลงสรรเสริญพระบารมี มาฉายก่อนหนังฉายแทน
ข้อมูลหลัก : ลุงก้อยและพี่ส้มจี๊ด สวท.สงขลา / thaifilms
เขียนและเรียบเรียง : hatyaifocus หาดใหญ่โฟกัส
ทวดหลักเขตเขาพับผ้า ตำนานอภินิหารบนเส้นทางตรัง - พัทลุง
27 กรกฎาคม 2568 | 404"วัดเกษมรัตน์" วัดโบราณกว่า 409 ปี มรดกทางวัฒนธรรมของชาวอ.จะนะ
27 กรกฎาคม 2568 | 278ชื่อนี้มีที่มา ถนนยนตรการกำธร (ถนนสายควนเนียง - สตูล)
27 กรกฎาคม 2568 | 1,397ชมภาพเก่าเมื่อ 89 ปีก่อน โรงงานแป้งสาคู ณ บ้านคลองแงะ (สะเดา)
13 กรกฎาคม 2568 | 463กว่า 161 ปี สุเหร่าบ้านพรุหมาก มัสยิดแห่งแรกของอำเภอเทพา
13 กรกฎาคม 2568 | 547ย้อนประวัติเรือพัทลุง เรือที่ใช้ติดต่อราชการระหว่างเมืองสงขลา-เมืองพัทลุง
13 กรกฎาคม 2568 | 580กัปตันวอสเบียน : ผู้ให้กำเนิดจักรยานพ่วงข้างคันแรกของปักษ์ใต้ ณ เชิงเขาตังกวน (สงขลา)
6 กรกฎาคม 2568 | 2,576ที่มาชื่อบ้านท่าช้าง อ.บางกล่ำ ย้อนรอยชม "เสาหงส์" ครั้งพม่ายกทัพตีหัวเมืองภาคใต้
6 กรกฎาคม 2568 | 776