หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

ย้อนชมที่มา...ประเพณีลากพระของชาวปักษ์ใต้ "พระน้ำดูไปตามชายหลิง พระบกเพริศพริ้งบนหลิงแว็บวับ"
20 ตุลาคม 2567 | 3,402

ประเพณีลากพระ หรือชักพระ เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวภาคใต้ที่ยึดถือปฏิบัติมาอย่างยาวนาน ซึ่งประเพณีลากพระจะมีจัดขึ้นหลังจากวันออกพรรษาแล้ว 1 วัน คือตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 โดยการที่พุทธศาสนิกชนพร้อมใจกันอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางอยู่บนพาหนะ เช่น เรือ รถ หรือล้อเลื่อน ที่เรียกว่า “พนมพระ” แล้วพากันแห่แหนชักลากไปตามถนนหนทางหรือลำคลอง 

ประเพณีลากพระหรือชักพระมีความเป็นมาที่เล่ากันเป็นเชิงพุทธตำนานว่า หลังจากพระพุทธองค์ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ปราบเดียรถีย์ ณ ป่ามะม่วง กรุงสาวัตถี แล้วได้เสร็จไปจำพรรษา ณ ดาวดึงส์เพื่อโปรดพุทธมารดา พระพุทธองค์ได้เสด็จกลับมนุษยโลกทางบันไดทิพย์ที่พระอินทร์นิมิตถวาย ประกอบด้วยบันไดทอง บันไดเงินและบันไดแก้ว พระพุทธองค์เสด็จมาถึงประตูนครสังกัสสะตอนเช้าตรู่ของวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา พุทธศาสนิกชนได้ราบกำหนดการเสด็จกลับของพระพุทธองค์จากพระโมคคัลลาน์ ต่างมารอรับเสด็จพร้อมกับเตรียมภัตตาหารไปถวายด้วย แต่เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปถวายภัตตาหารถึงพระพุทธองค์ได้ทุกคน จึงจำเป็นที่ต้องเอาภัตตาหารห่อใบไม้ส่งต่อ ๆ แต่ก็ไม่สามารถส่งได้ทันใจจึงต้องโยนบ้าง ปาบ้าง เหตุการณ์นี้จึงเกิดประเพณี ห่อต้ม หรือ ห่อปัด จากนั้นได้อัญเชิญพระพุทธองค์ขึ้นประทับบนบุษบก แห่ไปยังที่ประทับของพระองค์ ภายหลังจึงมีประเพณีเช่นนี้สืบต่อกันมาในทุกวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11

ประเพณีลากพระถ่ายทอดมาถึงประเทศไทยในบริเวณภาคใต้ นับตั้งแต่ครั้งภิกษุชาวจีนชื่ออี้จิงได้จาริกผ่านคาบสมุทรมลายู เมื่อปี พ.ศ. พ.ศ. 1214-1238 ก็ได้เห็นประเพณีการลากพระของชาวเมือง “โฮลิง” (ตามพรลิงค์) อันเป็นชื่อเดิมของเมืองนครศรีธรรมราช จึงเชื่อว่าประเพณีชักพระน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย 

การลากพระหรือชักพระในปัจจุบันที่ปฏิบัติกันมี 2 แบบคือ
1. ลากพระทางน้ำ โดยการเอาเรือหลาย ๆ ลำมาเทียบเรียงขนานผูกติดกันเป็นแพขนาดใหญ่แล้วอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐานบนบุษบก ที่ประดับตกแต่งอย่างประสาทมณฑปอย่างวิจิตร แล้วแห่แหนโดยมีการตีโพน กลอง ระฆัง ไปตามแม่น้ำลำคลองหรือทะเลสาบ โดยจะมีการขับร้องเคล้าคลอไปด้วย อย่างเช่น การร้องเพลงเรือแหลมโพธิ์ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา ดังคำร้องท่อนนึงว่า

 " เดือนสิบเอ็ดแรมต่ำหนึ่งหมันถึงมาแล้ว   เรือพระตั้งแถวล้วนมาชุมนุม
             ชาวพุทธสุดหวงทำพวงต้มแขวน   จำกันได้แม่นวันออกพรรษา
         เอานมพระมาสมโภชเพื่อโฆษณา  ให้ชาวประชามานมัสการ
               ได้มาชมศิลป์ต่างถิ่นมาประกวด  ดูช่างสวยสดงดงามต่างกัน
                           นมเล็กนมใหญ่ดูไสวเฉิดฉัน   รูปทรงองค์อันดูต่างกันเพริดพริ้ง
                               พระน้ำดูไปตามชายหลิง  พระบกเพริศพริ้งบนหลิงแว็บวับ
                       ผมว่ามานานเดี๋ยวรำคาญกันหนัก  ให้ทุกคนประจักษ์อนุรักษ์ของเก่า"

(ภาพ : สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ )

2.ลากพระบก  ในสมัยโบราณนิยมใช้ล้อเลื่อน เรือพระจึงหนักต้องอาศัยคนลากเป็นจำนวนมากจึงต้องมีเชือกลากเป็น 2 เส้น โดยที่เส้นหนึ่งสำหรับผู้หญิงอีกเส้นหนึ่งสำหรับผู้ชาย 

ในปัจจุบัน ประเพณีลากพระหรือชักพระได้แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและกาลเวลา เพราะเรือพระทุกวันนี้ส่วนใหญ่นิยมใช้รถยนต์ (กระบะ) ตกแต่งด้วยโฟมแกะสลักเป็นลวดลายไทย สีสันสวยงาม แต่ก็มีบางพื้นที่ยังคงใช้รูปแบบโบราณคือใช้คนลากเรือพระไปตามเส้นทาง ขณะที่ลากเรือพระไปใครจะมาร่วมทำบุญด้วยการแขวนต้มบูชาพระ หรือร่วมลากเรือพระ เกือบทุกท้องถิ่นกำหนดให้มีจุดนัดหมาย เพื่อให้บรรดาเรือพระทั้งหมดในละแวกใกล้เคียง ไปชุมนุมรวมตัวในที่เดียวกันในเวลาก่อนพระฉันเพล ให้พุทธศาสนิกชนได้มีทำบุญได้ทั่วทุกวัด

โอกาสนี้จึงก่อให้เกิดการประกวดประชันกันขึ้นโดยปริยาย เช่น การประกวดเรือพระที่เราพบเห็นกันบ่อยครั้งในปัจจุบันซึ่งมีความงดงามและเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเสมอแก่ผู้พบเห็น ซึ่งประเพณีลากพระถือเป็นประเพณีสำคัญอีกหนึ่งประเพณีของชาวภาคใต้ ที่ต้องการอนุรักษ์ไว้และสืบสานต่อไปไม่ให้หายสาบสูญ

ข้อมูลบทความ : - วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี
- ฐานข้อมูลท้องถิ่นภาคใต้ สำนักทรัพยากรการเรียนรู้คุณหญิงหลงฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เรื่องที่เกี่ยวข้อง