ตาลโตนดเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างหนึ่งของภาคใต้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ราบทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรเรื่อยมาจนถึงพัทลุง สงขลาและปัตตานี โดยมากพืชชนิดนี้จะปลูกตามแนวคันนา อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา พื้นที่นา ๑ ไร่ จะมีต้นตาลโดยเฉลี่ยประมาณ 20 ต้น แต่บางแห่ง เช่น บริเวณที่นาบ้านดอนคันเหนือ หมู่ที่ 7 ตำบลคูขุด พบมีต้นตาลขึ้นเป็นจำนวนมากพื้นที่ 1 ไร่มีต้นตาลขึ้นตามคันนาหนาแน่นถึง 110ต้น และเมื่อปี 2525
นายสมพงศ์ กุลวิจิตร นายอำเภอสทิงพระ สมัยนั้นได้ให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ในหมู่บ้าน ตำบลต่างๆของอำเภอสทิงพระ สำรวจนับจำนวนต้นตาลโตนด เฉพาะอำเภอนี้แห่งเดียวมีต้นตาลโตนด ถึง 500,000 ต้น และในปัจจุบัน(2554) ต้นตาลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นประมาณ 1 ล้านต้น และหากนับรวมๆทั้งจังหวัดสงขลา มีต้นตาลโตนดประมาณ 3 ล้านต้น ด้วยความหนาแน่นของต้นตาลโตนดเช่นนี้ ซึ่งปรากฏในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆได้ใช้ตาลโตนดให้เป็นประโยชน์อย่างกว้างขวางจนกลายเป็นวิถีชีวิตของชุมชนและเป็นวัฒนธรรมชุมชนที่น่าสนใจศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
อำเภอสทิงพระ หรืออำเภอจะทิ้งพระเดิม หรืออำเภอปละท่าในอดีต เป็น 1 ในกลุ่มอำเภอยากจนของจังหวัดสงขลา อยู่บนคาบสมุทรสทิงพระ เป็นชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ และเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชุมชนชาวบก หรือชาวชุมชนบนคาบสมุทรสทิงพระ(สทิงพระ ระโนด กระแสสินธ์ และสิงหนคร)ปัจจุบันนี้
ที่ตั้งอำเภอปละท่า ในอดีต คือบรเวณที่ตั้ง อบต.ท่าหินปัจจุบัน จากนั้นย้ายที่ว่าการอำเภอมาที่ตำบลจะทิ้งพระ เมื่อ ปี พ.ศ. 2467 มีฐานะเป็นกิ่งอำเภอ เสียดายอาคารที่ว่าการอำเภอหลังเก่าไม่ได้ถูกอนุรักษ์ไว้ เนื่องจากที่ดินมีจำกัดในการก่อสร้างอาคารหน่วยงานราชการ เมื่อ พ.ศ. 2504 สมัยนายพจน์ อินทรวิเชียร เป็นนายอำเภอจะทิ้งพระ ได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอจะทิ้งพระ เป็นอำเภอสทิงพระ จนถึงปัจจุบัน
สภาพพื้นที่เป็นที่ราบต่ำ มีทะเลขนาบทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านทิศตะวันออก เป็นอ่าวไทย ทิศตะวันตกเป็นทะเลสาบ ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินเหนียว เหมาะแก่การทำนา เป็นอำเภอที่มีทุนทธรรมชาติ อันเป็นมรดกของชุมชน ได้แก่ ภูมิปัญญาการแปรรูจากต้นตาลโตนด อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบต่อตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นหนึ่งในหลายๆมรดกทางวัฒนธรรมของผู้คน "ชาวบก" บนคาบสมุทรสทิงพระ
จากการลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านบนคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา(ประกอบด้วย 4 อำเภอ คือ สิงหนคร,สทิงพระ,ระโนด และกระแสสินธุ์) ถึงการปลูกตาลโตนดเพื่อใช้ประโยชน์อย่างเป็นล่ำเป็นสันยังไม่มีใครคิดที่จะปลูกตาลโตนดเป็นแปลงใหญ่ๆเหมือนพืชสวนอื่นๆ จากการบอกเล่าของชาวบ้านว่า “ในอดีตส่วนใหญ่เป็นการปลูกโหนดเพื่อบอกอาณาเขตที่นา ที่ทำกินว่ามีความกว้างยาวเท่าใด ต่อมาปลูกตามคันนาเพื่อป้องกันการรุกล้ำเขตคันนาเมื่อมีการขุดถากชายหัวนาในฤดูกาลทำนา” ต่อมาจึงมีการปลูกเพื่อเอาผลผลิตและอาศัยร่มเงาในการทำนา ส่วนใหญ่การขยายพันธุ์เพิ่มของตาลโตนดเป็นการงอกของลูกตาลที่สุกหล่นโดยธรรมชาติ
ขอบคุณภาพเจ้าของบทความ : ไพฑูรย์ ครูฑูรย์ ศิริรักษ์ GOtoknow
เปิดตำนาน...ที่มาชื่อบ้านบ่อแดง อ.สทิงพระ
25 พฤษภาคม 2568 | 228ของดีของหรอยท่าเลออก ตลาดริมทางของผู้สัญจรผ่าน ณ สามแยกบ่อทราย (ปากรอ)
25 พฤษภาคม 2568 | 1,756ตำนานทวดเข้...ทวดขุนดำ-ทวดแขนลาย แห่งสายน้ำคลองท่าม่วง อ.ควนเนียง
25 พฤษภาคม 2568 | 384ร่องรอยจากอดีต พิพิธภัณฑ์วัดท่าช้าง(บางกล่ำ)
18 พฤษภาคม 2568 | 457เจ้าบ่าวน้อยแห่งควนเขาสูง : วีรบุรุษชุมชนท้องถิ่น บ้านพรุเตาะ ต.ทุ่งใหญ่
18 พฤษภาคม 2568 | 591หรางเมืองสงขลาในอดีต ครั้นย้ายเมืองสงขลามาฝั่งบ่อยาง
18 พฤษภาคม 2568 | 624บัวของคนภาคใต้...ที่ไม่ได้หมายถึงดอกบัว
11 พฤษภาคม 2568 | 592ร่องรอยเจดีย์บนเกาะหนู โบราณสถานสำคัญสมัยอาณาจักรอยุธยา
11 พฤษภาคม 2568 | 940