เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันการถ่ายภาพเป็นเรื่องที่ง่าย ทุกคนสามารถถ่ายภาพได้จากมือถือ ไม่ต้องเพิ่งกล้องโปร
แต่เมื่อย้อนกลับไปสมัยโบราณ สยาม เพิ่งได้รู้จักการถ่ายภาพ (สมัยก่อนเรียกการชักภาพ) โดย จอห์น ทอมสัน หรือ เจ. ทอมสัน ชาวอังกฤษ ได้นำกล้องถ่ายภาพเข้ามาบันทึกภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย หลังจากนั้นสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2406 ได้มีการบันทึกว่า บริเวณเรือนแพหน้าวัดกุฎีจีน ฝั่งธนบุรี (ปัจจุบันคือ วัดซางตาครู้ส) เพิ่งมีร้านถ่ายรูปครั้งแรกชื่อ ร้านฟรานซิศจิตรแอนด์ซัน
ฟรานซิส. จิตร ช่างถ่ายภาพอาชีพคนแรกของสยาม และ ครูสอนการชักภาพแก่ พระยาวิเชียรคีรี
โดยเจ้าของร้านเป็นคนไทยเชื้อสายฝรั่งกุฎีจีน ชื่อ ฟรานซิส. จิตร และเป็นช่างถ่ายภาพอาชีพคนแรกของสยาม รับราชการเป็นช่างภาพหลวง ในสมัยรัชกาลที่ 4 ด้วยนะ ตามประวัติเล่าว่าฟรานซิส จิตร ผู้นี้หัดชักภาพกับบาทหลวงลานอดี ฝรั่งเศส ผู้มาเผยแพร่ศาสนาอีกที บอกได้ว่าฟรานซิส จิตร ผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับเมืองสงขลาด้วยนะ
ฝีมือการชักรูปของพระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา)
กลับมาที่เมืองสงขลา ซึ่งยังเป็นเมืองปักษ์ใต้ แดนห่างไกลความเจริญ แต่ถือเป็นเมืองท่าทางการค้าที่เจริญ มีความคึกคักทางการค้าแล้ว เพราะทั้งคนไทย คนจีน คนมลายู ต่างตบเท้าเข้ามาค้าขายกัน รู้หรือไม่ว่า? ช่างถ่ายภาพคนแรกของสงขลาคือใคร เราค้นข้อมูลและพบว่า บุคคลคนนี้คือ พระยาวิเชียร (ชม ณ สงขลา) ผู้เป็นเจ้าเมืองคนสุดท้ายนั่นเอง ท่านถือว่าเป็น ช่างถ่ายภาพคนแรกของสงขลา และ ถือเป็นคนแรกในบรรดาช่างต่างจังหวัด
(ภาพถ่ายของพระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) ถ่ายภาพคู่กับคุณหญิงสมบุญวิเชียรคีรี เป็นภาพประกอบหนังสือพระราชทานเพลิงศพของท่านเจ้าคุณวิเชียรคีรี)
ย้อนเวลากลับไป 147 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2413) พระยาวิเชียร (ชม ณ สงขลา) ได้เริ่มถ่ายรูปตั้งแต่สมัยยังเป็น หลวงวิเศษภักดี (รับตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2413 - 2431) ตอนอายุเพียง 16 ปี โดยมีการค้นพบภาพถ่ายที่ท่านถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติกรุงเทพฯ มีเครื่องกำกับงาน คือ พิมพ์ตราและพิมพ์ชื่อไว้เสร็จสรรพ นับว่าทันสมัยพอสมควร เพราะระบบนี้เป็นระบบของฝรั่ง (เหมือนการให้เครดิตในสมัยนี้) ท่านกำกับรูปว่าแบบสากลใช้คำว่า Luang Weeset Singora (หรือ หลวงวิเศษ ณ สงขลา ยังคงใช้ เมืองสิงกอร่า ซึ่งเป็นชื่อเรียกเมืองสงขลาที่ชาวต่างชาติเรียก ) นั้นเอง
ส่วนภาพนี้คือฝีมือการถ่ายศาลหลักเมืองสงขลา ของ Luang Weeset
เจ้าเมืองสงขลาคนสุดท้ายผู้นี้นับว่าเป็นคนที่อินเทรนด์ไม่น้อย อาจเป็นเพราะท่านโชคดีเกิดมาเป็นบุตรคนโตของพระยาสุนทรานุรักษ์ (เนตร์) ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา กับคุณหญิงพับ ซึ่งหลังเรียนหนังสือไทยกับปู่ คือ เจ้าพระยาวิเชียรคิรี (เม่น) ได้แตกฉาน อายุเพียง 11 ปี มีโอกาสถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่กรุงเทพ ฯ เพื่อเข้ารับราชการถึง 2 ปี จึงมีโอกาสศึกษา วิชาการถ่ายรูปกับฟรานซิส. จิตร เจ้าของร้านถ่ายรูปร้านแรกในสยามนั้นเอง รวมทั้ง มิสเตอร์ลำเบิก และมิสเตอร์เนาต้า ท่านคงหลงใหลในการถ่ายรูปมาก เพราะถึงขนาดมีห้องถ่ายภาพเป็นของตนเอง (ไฮโซไปอีก)
รัชกาลที่ 5 และพระราชวงศานุวงศ์ ทรงฉายในสตูดิโอบ้านพระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา )
เมื่อกลับมาที่สงขลา เมื่อปี พ.ศ.2413 อายุเพียง 16 ปี รับราชการตำแหน่งแรกคือ "ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา" รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์ เป็นหลวงวิเศษภักดี ต่อมาเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาสุนทรานุรักษ์ ช่วงเวลานี้เองท่านได้เรียบเรียงพงศาวดารสงขลาขึ้นมาใหม่ (บ้านของท่านมีเครื่องพิมพ์ด้วย) ทำความดีความชอบจนได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิเชียรคีรีสงขลา เป็นเจ้าเมืองสงขลาคนสุดท้าย นอกจากนี้ท่านยังมีโอกาสฉายภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อครั้งเสด็จสงขลา ปี พ.ศ. 2444 จากบันทึกของสมเด็จฯ กรมฟ้ากลมหลวงศรีรัตนโกสินทร (ร.ศ. 120) เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อคราวตามเสด็จ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "้เสวยแล้วเสด็จไปบ้านพระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) เป็นบ้านอย่างเจ๊ก เก่าๆ มีเครื่องจักรสำหรับกลึงงาน เครื่องพิมพ์หนังสือ ที่ถ่ายรูป เขาเชิญเสด็จไปฉายพระรูปหมู่หนึ่ง"
ภาพลงสีประชาชนรอเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕คาดว่าเป็น ถนนนครนอก ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ โดย อ.จรัส จันทร์พรหมรัตน์ ลงสีโดย เพจ แลภาพเก่า เล่าสงขลา
สุดท้ายบอกได้เลยว่า พระยาวิเชียร (ชม ณ สงขลา) เป็นบุคคลสำคัญอีกคนของเมืองสงขลาจริง ๆ เพราะนอกจากจะเป็นเจ้าเมืองคนสุดท้ายของสงขลาแล้ว ยังเป็นช่างถ่ายภาพคนแรกของสงขลา บันทึกภาพในอดีตของเมืองสงขลาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดูอีกด้วย รวมทั้งเป็นผู้ที่สร้างถนนหน้าศาลาว่าการมณฑลไปถึงแหลมทรายชายทะเล คือ “ถนนวิเชียรชม” นั้นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือเมื่อวัยเด็ก : เอนก นาวิกมูล ภาพประกอบจาก www.nokorntussaro.blogspot.com
ย้อนชมภูมิปัญญาการทำขวัญข้าว สู่การสร้างวงเวียนพระแม่โพสพ ศูนย์รวมจิตใจชาวระโนด
8 มิถุนายน 2568 | 414เปิดที่มาชุมชนประวัติศาสตร์ บ้านควนจง (นาหม่อม)
8 มิถุนายน 2568 | 469วิถีมุสลิมบ้านดอนขี้เหล็ก "ประเพณีการทูนพานอาหาร" ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี
8 มิถุนายน 2568 | 500เปิดตำนาน...ที่มาชื่อบ้านบ่อแดง อ.สทิงพระ
25 พฤษภาคม 2568 | 896ของดีของหรอยท่าเลออก ตลาดริมทางของผู้สัญจรผ่าน ณ สามแยกบ่อทราย (ปากรอ)
25 พฤษภาคม 2568 | 3,388ตำนานทวดเข้...ทวดขุนดำ-ทวดแขนลาย แห่งสายน้ำคลองท่าม่วง อ.ควนเนียง
25 พฤษภาคม 2568 | 1,977ร่องรอยจากอดีต พิพิธภัณฑ์วัดท่าช้าง(บางกล่ำ)
18 พฤษภาคม 2568 | 823เจ้าบ่าวน้อยแห่งควนเขาสูง : วีรบุรุษชุมชนท้องถิ่น บ้านพรุเตาะ ต.ทุ่งใหญ่
18 พฤษภาคม 2568 | 2,064