สำหรับสถานีชุมทางอู่ตะเภานี้ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2458 กรมรถไฟได้ขอซื้อที่บริเวณที่ตั้งสถานีรถไฟหาดใหญ่ปัจจุบันซึ่งอยู่ห่างจากสถานีชุมทางอู่ตะเภามาทางใต้ 3 กิโลเมตรและในปี พ.ศ.2460 ได้ย้ายสถานีจากอู่ตะเภามาอยู่หาดใหญ่ เนื่องจากสถานที่บริเวณสถานีอู่ตะเภาเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมเป็นประจำทำให้ไม่เหมาะแก่การตั้งสถานี ดังจะเห็นได้จากรายงาน เรื่องกรมขุนกำแพงเพ็ชร์เสด็จตรวจทางรถไฟสายใต้ ตลอดจนถึงสายของอังกฤษในแหลมมลายู (23 ส.ค. 2460-12 ต.ค.2468)
กรมขุนกำแพงเพ็ชร์ มีความเห็นที่แตกต่างจากนายช่างผู้บังคับการ คือ นายกิตตินซ์ซึ่งเวลานั้นเป็นนายช่างผู้บังคับการอยากให้ใช้สถานีอู่ตะเภาตามเดิม กรมขุนกำแพงเพ็ชร์ เห็นว่าชุมทางหาดใหญ่ ต่อไปจะเป็นชุมทางที่สำคัญมาก เพราะเป็นทางแยกไปปาดังเบซาร์ และปัตตานี เป็นที่อยู่บนดอน ไม่ต้องถมดิน ซึ่งท่านเห็นว่า ต่อไปในภายภาคหน้าสถานีอู่ตะเภาจะโซมลง เพราะเป็นสถานีตั้งอยู่ในที่ซึ่งต้องถมดินสูงราว 3 ถึง 4 เมตร จะขยายตัวออกไปไม่ได้เด็ดขาด ท่านเห็นว่าถ้าได้ที่ชุมทางหาดใหญ่จะสะดวกมากขึ้น และคงจะตั้งสถานีรถจักรอยู่ที่นั่น ต่อจากนั้นมีการย้ายทางซึ่งแยกไปสงขลามาเข้าสถานีหาดใหญ่ตามที่นายช่างได้กำหนดไว้ ในภายหลังน้ำท่วม
มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดเดินรถยนต์รางระหว่างสถานีหาดใหญ่ไปท่าเรือสงขลา และการย้ายเส้นทางสายสงขลาซึ่งแยกจากชุมทางอู่ตะเภา ไปที่ชุมทางหาดใหญ่ จากสำเนาหนังสือ " เพื่อระลึกถึงพระคุณ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชร์อัครโยธิน เพื่อเพิ่มพูนความเจริญและเกื้อกูลการเดินทางระหว่างตำบลใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ พระมหานคร กับเพื่อส่งเสริมความสะดวกในการไปมาสำหรับรับส่งผู้โดยสาน สัมภาระที่หิ้วถือได้ระหว่างหาดใหญ่กับสงขลา
ได้จัดการเริ่มเดินรถยนต์รางในตอนระหว่างหาดใหญ่กับท่าเรือของการรถไฟที่สงขลาซึ่งตั้งอยู่ที่ทเลในใกล้กับตลาดในเมืองขึ้นก่อนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ส่วนในตอนสายรถไฟทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาได้จัดการเดินระหว่างสถานีกรุงเทพฯ กับสถานีคลองรังสิตเมื่อเดือนธันวาคมสืบเวลานั้นมาจนถึงสิ้นปีปรากฏว่า จำนวนรถที่ใช้ในการนี้ไม่เพียงพอกับความต้องการที่จะรับบรรทุก แต่ผลประโยชน์ที่ได้ทำให้เกิดมานะมีความหวังว่า ถ้าเมื่อรถยนต์กับรถพ่วงได้ตกเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากแล้ว กรมอาจจะจัดการเดินรถให้ดีขึ้นและมากเที่ยวขึ้นอีก ซึ่งคงจะกระทำให้เกิดประโยชน์ รายได้บังเกิดจากผลที่จัดการเดินรถยนต์รางนี้งอกงามเป็นอย่างดีโดยมั่นคง
การเปลี่ยนทางสายแยกไปสงขลาเข้าหาหาดใหญ่ อนุสนธิ์ดังที่กล่าวไว้ในรายงานประจำปีฉบับก่อนถึงการที่จะเปลี่ยนทางสายแยกสงขลาให้เข้าหาหาดใหญ่ โดยยกเลิกชุมทางที่อู่ตะเภา ซึ่งอยู่ติด ๆ กันถึง 2 แห่ง ในชั่วระยะเพียง 3 ก.ม.
และในรวดเดียวกันนี้ได้ขนดินถมที่แนวทางแยกใหม่เพื่อทำมูลดินขึ้นเป็นคันทางถัดมาจึงได้วางราง ครั้นเมื่อได้วางรางเสร็จแลมีผู้บัญชาการได้ตรวจแลเดินรถไปบนทางที่ทำโดยตลอดแล้ว ได้เริ่มเดินรถบนทางแยกใหม่นี้ระหว่างสงขลากับหาดใหญ่ โสหุ้ยที่ได้จ่ายไปในการนี้ ได้คิดเอาในงบเงินค่าก่อสร้างทางสายสาขาซึ่งสิ้นไปเปนจำนวน 66,279 บาท 64 สตางค์ ส่วนสถานีอู่ตะเภานั้นยุบลงเป็นสถานีธรรมดาแทนที่เป็นชุมทาง
ข้าวดอกราย อาหารพื้นบ้านของคนสะกอมสมัยเริ่มก่อตั้งชุมชน
17 สิงหาคม 2568 | 59ย้อนภาพเก่าเล่าเรื่องอดีต...วิทยาลัยเทคโนโลยีสงขลา
17 สิงหาคม 2568 | 87"สะพานประวัติศาสตร์ ๓ พ.ศ." สะพานโค้งแห่งแรกของเส้นทางสายพัทลุง-ตรัง
17 สิงหาคม 2568 | 103พาชมกำแพงเมืองพัทลุงเขาชัยบุรี กำแพงเมืองก่ออิฐหนึ่งเดียวใน จ.พัทลุง
10 สิงหาคม 2568 | 290ศาลเจ้าแป๊ะกงสะเดา ที่พึ่งพายามยากของชาวจีนอพยพ
10 สิงหาคม 2568 | 292ขอพรพ่อเฒ่านอน พระพุทธไสยาสน์คู่เมืองสทิงพระแต่โบราณ
10 สิงหาคม 2568 | 296รอยเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง ณ หาดมหาราช (สทิงพระ)
3 สิงหาคม 2568 | 415ตำนาน 5 ภูผาแห่งอำเภอรัตภูมิ สู่การผูกคำกลอนมุขปาฐะ อายุนับ 100 ปี
3 สิงหาคม 2568 | 351