หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

วิถีชีวิต

"คุณธนิต"นักธุรกิจก่อสร้าง ผันตัวเองทำสวนเกษตรอินทรีย์ในบั้นปลายของชีวิตจนได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรดีเด่น
13 มกราคม 2564 | 8,732

หากเกริ่นถึงผู้มีความรู้และชื่อเสียงในด้านของการเกษตร ชาวสงขลาและชาวพัทลุง คงไม่มีใครไม่คุ้นเคยกับชื่อของ นายธนิต สมแก้ว กรรมการผู้จัดการบริษัท โกลเด้น ดราก้อน ฟรุ๊ต จำกัด เจ้าของสวนมังกรทอง ประกอบอาชีพด้านธุรกิจก่อสร้าง หลังจากที่ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ ต้องการที่จะพักผ่อนในช่วงบั้นปลายของชีวิต จึงได้หันไปทำสวนเกษตรอินทรีย์  

โดยมีแนวคิดที่จะให้บุตรสาวเป็นผู้ต่อยอด ในตอนนี้บุตรสาวกำลังศึกษาต่อด้านการท่องเที่ยว และการโรงแรม และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาสวนมังกรทอง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยในอนาคตจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดพัทลุง   

หาดใหญ่โฟกัส ได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์วิถีชีวิต คุณธนิต สมแก้ว ถึงข้อคิดดี ๆ ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และหัวใจในการทำเกษตรที่มีแต่ให้ประชาชนในพื้นที่สงขลาและพัทลุงอย่างแท้จริง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คุณธนิต สมแก้ว ได้จบวุฒิการศึกษา (ชั้นสูงสุด) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพจากวิทยาลัยก่อสร้างอุเทนถวาย แผนกช่างก่อสร้าง ได้เล่าให้เราฟังว่า...

 

ความสำเร็จในชีวิต

- เริ่มจากการทำร้านค้าวัสดุก่อสร้างในปี 2529 จากร้านค้าเล็ก ๆ ที่ขายให้ชาวบ้านทั่วไป จนกระทั่งค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาจนได้เลื่อนขึ้นมาเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท SCG ตัวแทนของกระเบื้องโอลิมปิก ปูนนกอินทรีย์ ปูนนครหลวง 

เคล็ดลับในการประสบความสำเร็จ

- ผมพยายามที่จะลดในส่วนที่เกิน ที่มากเกินไปที่ไม่ดี แล้วนำมาเสริมในส่วนที่ขาด โดยต้องพยายามที่จะศึกษาหาความรู้ พยายามแก้ไขจุดอ่อนส่วนที่สำคัญคือการดึงศักยภาพในตัวเองที่ยังมีอยู่นำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด 

เป้าหมายของการทำธุรกิจ

- คือผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในแต่ละวัน ต้องมีการตั้งไว้ว่าตัวเราเองอยากจะไปถึงจุดไหนในเวลาเท่าไหร่ ตั้งเป็นไทม์ไลน์ไว้ ปัจจุบันถือว่าธุรกิจของตัวผมเองได้เดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกภูมิใจ ทุกวันนี้ตัวผมเองก็อายุมากแล้วเลยได้มอบภารกิจนี้ให้กับลูก ๆ เป็นหลักที่เพิ่งจบการศึกษามาทั้งหมด สานต่อในธุรกิจร้านค้าวัสดุก่อสร้าง บ้านจัดสรร รับเหมาก่อสร้าง โดยมีลูก ๆ ที่เรียนจบมาในสาขาที่ตนศึกษาคอยช่วยอยู่เสมอ

ความท้าทายในการทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงจุดอิ่มตัว

- ต้องบอกก่อนว่าตอนที่เราเริ่มมาดำเนินการร้านค้าวัสดุก่อสร้างในปี 2529 เพื่อนคู่ค้าคู่แข่งของเราที่อยู่ในจังหวัดพัทลุง เป็นคู่แข่งรายใหญ่ ๆ ที่เจริญเติบโตที่มีความพร้อมในส่วนของเงินทุน และประสบการณ์ยอดขายที่มาก ตัวเราเองมาเปิดใหม่เป็นรายเล็ก ๆ ก็โดนเจ้าของธุรกิจเดิม พยายามที่จะบีบไม่ว่าจะเป็นในส่วนของราคา การแย่งลูกค้า เขาพยายามตัดแข้งตัดขาเราทุกอย่าง ทางเราก็พยายามที่จะหลบหลีกไม่ปะทะ เพราะหากปะทะไปเราก็สู้เขาไม่ได้ กำลังก็น้อยกว่า ทำให้ต้องหลีกไปหาตลาดที่เป็นคนละส่วนกับตลาดที่เขาครอบครองอยู่ เราก็ทำไปเรื่อย ๆ หาตลาดไปไม่เน้นการปะทะแข่งแย่งกับใคร หาสินค้าที่แตกต่างที่ไม่มีใครขาย เพื่อเลี่ยงปัญหาสินค้าชนกัน ทำจนกระทั่งว่าอีกฝ่ายรู้สึกว่าทางเราไม่ใช่คู่แข่งของเขา เขาก็ปล่อยให้เราเดินตามทางที่เราทำ

แต่พอมาถึงจุดหนึ่งเราก็เจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ มีความคิดที่พร้อมจะสู้กับเขาแต่เราก็เลือกที่จะไม่ไปสู้ เราจึงหันเหไปทำในสิ่งที่เขาได้ทำนั่นคือการรับเหมาก่อสร้าง ทำบ้านจัดสรร โรงงานคอนกรีต ซึ่งเขาเองไม่ได้ทำ เราจึงทำมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มาถึงจุดอิ่มตัวยิ่งทำให้เรารู้ว่ายิ่งทำขึ้น เราก็มีหนี้เยอะขึ้นหนักและเหนื่อย

ก็เลยคิดว่าต้องปรับตัวให้เล็กลงค่อย ๆ ทำ หลังจากนั้นตัวผมเองก็วางธุรกิจทั้งหมด หันมาทำทางด้านเกษตร ตอนนี้เรามีบริษัทใหม่ บริษัท โกลเด้น ดราก้อน ฟรุ๊ต จำกัด ที่ขายสินค้าด้านการเกษตรทำผักผลไม้ ทำข้าวเลี้ยงสัตว์ ปลอดภัยจากสารเคมี ทำให้ตนเองได้พักผ่อน และไม่ต้องแข่งขันรุนแรงกับใคร

แนวคิดในการต่อยอดพัฒนาธุรกิจทีทำอยู่เป็นไปในทิศทางใด

- ธุรกิจของผมตอนนี้ทั้งในส่วนทั้งหมด ผมตั้งใจทำไปเรื่อย ๆ โดยเน้นว่าต้องทำให้ดีที่สุดให้ลูกค้าพอใจ ประทับใจในสิ่งที่เราทำให้เหมือนทำบ้านเราเอง พอมาทำการเกษตรกรมีความคิดที่ว่าเราต้องทำการเกษตรให้เป็นออร์แกนิคทุกอย่าง ไม่ว่าปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำการประมง ทางเราก็ได้รับหนังสือที่บ่งบอกกถึงการทำเกษตรที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพของตัวเองและเพื่อนร่วมงาน

 

ในส่วนตรงนี้ทางคุณธนิต มีการช่วยเหลือเพื่อนเกษตรอย่างไรบ้าง

- ผมจะนำวิชานี้ที่ผมไปเรียนมา ไปถ่ายทอดยังเกษตรกรในจังหวัดพัทลุงเพิ่มไปเรื่อย ๆ มีการสอนไปแล้วมากกว่า 1 พันคน ในส่วนนี้เขานำไปทำแล้วประสบผลสำเร็จในการผลิต แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของตลาด ตัวผมเองก็ได้มีการช่วยต่อในเรื่องของการตลาด คือช่วยในการขายให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ได้เรียยรู้เกษตรธรรมชาติไป เพราะทางเราเองก็มีตลาดอยู่แล้ว ในส่วนนี้สมาชิกก็จะสามารถนำมาให้เราช่วยขายให้ได้ในราคาที่ดีกว่าท้องตลาด

อยากให้เสนอแนวคิดของการทำเกษตรยุคใหม่ให้คนในจังหวัดสงขลา หรือจังหวัดใกล้เคียงได้รับแนวคิดจากเราในการพัฒนาต่อยอด

- แนวคิดของผม การเกษตรจริง ๆ แล้วคือการใช้ประโยชน์จากที่ดิน เพื่อการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ และทำการประมง ต้องทำทุกอย่างให้ครบถึงจะเอื้ออำนวยต่อกันและกัน ปลูกพืชก็ต้องผลิตปุ๋ยใช้เองเลี้ยงสัตว์ก็ต้องผลิตอาหารใข้เอง ประมงก็ต้องผลิตอาหารใช้เอง

เมื่อเราปลูกพืช ซากพืชต่าง ๆ ที่เหลือจากการขายผลผลิตแล้วเราก็มาหมักทำอาหารสัตว์ และประมงเมื่อเราเลี้ยงสัตว์ที่กินอาหารจากการที่เราทำเองถ่ายออกมา เราก็จะได้ใช้ปุ๋ยในการปลูกพืช ซึ่งถ้าเราทำแบบนี้ทางเราก็ต้องปลูกพืชผสมผสาน ถ้าเราทำแบบนี้ได้เราก็จะปลูกพืชแบบไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ต้องซื้ออาหารจากบริษัท ก็ต้องมีแนวทางจากเกษตรผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ตามในหลวงรัชกาลที่ 9

ถ้าเราทำเกษตรอย่างเดียว เช่น ปลูกยางอย่างเดียว ทำนาอย่างเดียว หรือสวนปาล์มอย่างเดียว ถ้าอย่างนี้เวลาราคายางตก ปาล์มตก หรือข้าวตก เกษตรกรจะเดือดร้อน อย่างคำที่ว่าเดินทีละก้าว กินข้าว ทีละคำ ทำทีละอย่าง เพื่อความมั่นคงของตัวเราเอง ทำจากน้อยไปหาน้อย จากง่ายไปหายาก จนเกิดความชำนาญ

ที่สำคัญเราต้องไม่หยุดเรียนรู้ในการไปดูงาน เพราะงานเกษตรถือว่าป็นงานที่เสี่ยงบางครั้งเราทำรอแล้วว่าผลผลิตจะต้องได้รับแล้ว แต่เมื่อเกิดน้ำท่วมภัยแล้งต่าง ๆ เหล่านี้ ก็จะเกิดกับเกษตรกร ก็ต้องมาหาทางป้องกันความเสี่ยงตรงจุดนี้

ส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ที่มีอาชีพทางการเกษตร ที่ประสบวิกฤตโควิด-19 ให้พวกเขาก้าวผ่านไปได้อย่างไร

- จริง ๆ แล้วในช่วงโควิด ถ้าเราทำเกษตรพอเพียง หรือเกษตรผสมผสานก็จะเป็นการตอบโจทย์ เพราะว่าคนที่ทำเหล่านี้คือคนที่ผลิตอาหารที่ปลอดภัย ปัจจุบันเองคนก็หันมาใส่ใจเลือกบริโภคอาหารสุขภาพไม่มีใครอยากกินอาหารที่สารเคมีและสารพิษ เพราะฉะนั้นพอเราผลิตอาหารที่ปลอดภัยมีมาตรฐานคุ้มครองต่าง ๆ ความไว้วางใจเราก็สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้

ในช่วงโควิดผมเองผลิตสินค้าออกมา มีความต้องการมากกว่าช่วงธรรมดา เพราะว่าหลายคนบอกว่าไม่รู้จะขายที่ไหน แต่ในวันนี้เรามีทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ถ้าเรามีสินค้าที่มีคุณภาพดีสามารถขายได้แน่นอน รวมไปถึงกำหนดราคาเองได้ทั้งหมด

 

ก็คิดว่าหลาย ๆ คนถ้าดำเนินการไปแนวทางนี้ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องของการตลาด แต่ถ้าเรายังทำเกษตรเชิงเดี่ยวอยู่ ก็ต้องหาอะไรเข้ามเสริม หากทำสวนยางก็ต้องคิดว่าจะปลูกพืชอะไรดีที่ร่วมยางได้ หรือร่วมปาล์ม เลี้ยงหมู เป็ด ก็จะมีอาหารกินตลอดทั้งปี และสามารถแจกจ่ายผู้อื่นได้อีกด้วย

ซึ่งหากประชาชนท่านใดสนใจที่จะเข้าชม หรือเลือกซื้อสินค้าทางการเกษตรกับคุณธนิต ทางหาดใหญ่โฟกัส ได้นำเพจของคุณธนิตมาฝากทิ้งท้าย เพจ : Dragon Farm : ฟาร์มดราก้อน  หรือเบอร์โทรศัพท์ 095-2459897 ธนิต สมแก้ว

 

 

 

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง