หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

วิถีชีวิต

"พี่สิงโต"ชายธรรมดาเกิดในชุมชนเขาคูหา กับการเปิดตัว และพัฒนาพื้นที่ทางขึ้นจุดชมวิวเขาคูหา สร้างจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยว
22 ธันวาคม 2563 | 6,099

พบกันในสัปดาห์ใกล้สิ้นปีแบบนี้ ทางหาดใหญ่โฟกัส มีเรื่องราวดี ๆ มาส่งต่อในแง่ความคิดการพัฒนาชีวิต ของผู้ชายที่ชื่อว่า "สิงโต" นายธีระพงศ์ ขุนเพ็ชร จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เคยทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล มอ รักในวิถีชีวิตแบบชนบทตั้งใจไฝ่ฝันที่จะออกมาเพื่อพัฒนาพื้นฐานต้นทุนชีวิตของตนเองให้มีมูลค่าและสร้างประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นเด็กชายเขาธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เกิดในชุมชนคนเขาคูหาด้วยที่บ้านเกิดอยู่ห่างจากบริเวณเขาคูหาไม่มากนักใครต่อใครจึงมักเรียกว่าเด็กชายเขา ซึ่งบ่งบอกอัตลักษณ์และชี้พิกัดถิ่นฐานบ้านเกิดได้เป็นอย่างดี

ความคิดริเริ่มในการพัฒนาเขาคูหา มาจากอะไร

-การที่เป็นเด็กที่เกิดท่ามกลางธรรมชาติของภูเขาที่ตั้งเรียงรายรวมกลุ่มตามเรื่องเล่าของเขาคูหารวมถึงแหล่งธรรมชาติอื่นๆอีกมากมายในระแวกใกล้เคียง จึงไม่แปลกที่จะเป็นคนที่รักและชื่นชอบธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนรักและชื่นชอบการผจญภัย ตั้งแคมป์ เดินป่า ปีนผามองธรรมชาติในมุมสูงๆและมุมมองต่าง ๆ เพียงเพราะคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ตัวเองได้พัฒนาสมองพัฒนาความคิด สรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง

และสังคมทุกครั้งที่มีโอกาสการได้เที่ยวปีนเขาเยี่ยมชมบรรยากาศวิวสูงๆในสถานที่ต่างๆก็อดที่จะนึกถึงเขาคูหาบ้านเกิดตนเองอยู่เสมอ ความทรงจำสมัยครั้งยังเด็ก ช่วงปิดเทอมจะตรงกับฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวพวกเราจะรวมตัวกันมาปีนต้นไม้เก็บผลเงาะ และผลกระท้อนบ้านเพื่อใช้เป็นเสบียง ในการสำรวจถ้ำ ดำน้ำ หาปลา รวมทั้งปีนผาขึ้นเขาซึ่งพวกเราต่างต้องแอบพ่อแม่หรือผู้ปกครองกันขึ้นไป จำได้ว่ายุคนั้นละครทีวี เรื่องเหินฟ้า มีคนติดตามกันเยอะมาก โดยมีกบสุวนันและศรรามเป็นคู่พระนางในเรื่องมีฉากตะโกนบนยอดเขา

นั่นคือสิ่งปลุกเร้าใจให้พวกเราปีนขึ้นเขาคูหาเพื่อจะได้ ตะโกนร้องรอฟังเสียงก้องสะท้อนกลับว่าสวย ๆ เหินฟ้า ๆ ได้เป็นอย่างดี แค่นี้ก็สุขใจตามประสาเด็กๆแล้ว และด้วยบรรยากาศวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองได้รอบ 360 องศา เมื่อมองลงมาเบื้องล่างเห็นรวงข้าวสีเหลืองทองเต็มท้องนา

เปรียบได้กับอู่ข้าวอู่น้ำของชาวเขาคูหาก็ว่าได้ มีพ่อแม่และญาติพี่น้องต่างช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว เป็นภาพความทรงจำที่ประทับใจแรกที่พบเห็นและอยากให้ใครต่อใครได้มีโอกาสขึ้นมาสัมผัสบ้าง ซึ่งโอกาสแบบนั้นช่างหายากมากเมื่อเทียบกับสมัยนี้ จึงเป็นที่มาของการเข้ามาชักชวนชุมชนเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนเสมือนได้เปิดหน้าต่างหรือเปิดประตูบ้านของชาวรัตภูมิให้ทุกๆคนได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ไปด้วยกัน

นี่คือจุดเริ่มต้นและความตั้งใจในพัฒนา 1 ปี ที่ผ่านมากับการเปิดตัวและพัฒนาพื้นที่ทางขึ้นจุดชมวิวสร้างจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนและสร้างคาเฟ่เล็กอย่างนาบุญล้อม ที่มีข้าวหลามมะพร้าวอ่อนจากสวนได้ทานแกล้มกับกาแฟอีกทั้งมีข้าวยำขนมจีนแบบบ้านๆให้ได้ทานกัน เสริมด้วยส้มตำนั่งกินในบรรยากาศท้องทุ่งนา ที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าและวิวเขาคูหาให้ได้ชม ด้วยโจทย์ความยากลำบากที่ว่าไม่มีใครกล้ามาเที่ยวเขาคูหาและไม่มีแม้เครื่องอำอวยความสะดวกอย่างไฟฟ้าแต่เราสามารถที่จะสร้างคาเฟ่เล็กๆให้นักท่องเที่ยวได้ ระยะกลาง 2-3 ปี

ตั้งใจมากน้อยแค่ไหนที่จะทำให้บ้านเราได้รัตภูมิ สถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังไปทั่วจังหวัดอื่น

-พยายามขับเคลื่อนสร้างกิจกรรมโดยใช้สถานที่บริเวณเขาคูหาในการจัดงานจิตอาสา และลอยกระทง อีกทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับโฮมสเตย์และที่ท่องเที่ยวบริเวณรอบเขาบริเวณใกล้เคียงอย่าง “บ้านไร่เด็กชายเขา” ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ริมเขาแบบเรือนไม้ทรงไทยประยุกต์ที่เป็นทั้งที่พักและอาหารที่เสริฟพร้อมมิตรภาพ และวิถีชีวิตแบบเด็กชายเขา

หวังเพื่อเป็นโมเดลสร้างแบบอย่างการเรียนรู้สู่พฤติกรรมการพัฒนาต่อยอดร่วมกันของชุมชนในระยะยาว5 ปีและในปีต่อๆไป ส่วนจะเป็นที่ประทับใจและยอมรับของคนโดยทั่วไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักท่องเที่ยวเองที่จะถ่ายทอดซึมซับความงดงาม ความประทับใจผ่านสื่อเทคโนโลยีและเป็นตัวแทนการเล่าเรื่องราวของเขาคูหาแทนชุมชน บนพื้นฐานการนอบน้อมในการใช้สถานที่ท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังร่วมกันของชุมชน

หลังจากนี้จะมีการปรับปรุงอะไรเพิ่มไหม การวางแพลนในระยะยาว แนวคิด

-ซึ่งสำหรับผมแล้วการได้ฟื้นคืนวิถีชีวิตแห่งครอบครัวที่กำลังเลือนหายไปสู่สัมพันธ์ภาพที่แน่นแฟ้น คืนความมีชีวิตชีวาที่อบอุ่นและอบอวนไปด้วยความรักให้ได้คืนกลับมาอีกครั้งน้ันถือเป็นสิ่งเล็กๆที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด.และได้นิยามลงไปไว้กับคำว่า “บ้าน”โดยมุ่งหวังว่าจะเชื่อมโยงคนกับธรรมชาติเพื่อการพักผ่อนและใช้ชีวิตที่สมบูรณ์ให้ได้มากที่สุด นั้นคือเรียนรู้การใช้ชีวิตของคนเราสู่การแบ่งปัน แบ่งปันรอยยิ้มแบ่งปันความสุขแบ่งปันบ้านและสิ่งดีๆให้กัน จนกลายเป็นการอยู่อาศัยร่วมกันที่สมบูรณ์ “คน ธรรมชาติ ครอบครัวล้อมรั้วเพิ่มพลังสู่สังคมดีๆและนี่ก็คือ” วิถีแห่งการท่องเที่ยวเชิงครอบครัว” วิถีที่กำลังจะกลับคืนมา สู่การคืนถิ่นคืนฐานสำนึกรักบ้านเกิดในอนาคต

สำหรับผมจะเห็นได้ว่าวิถีชีวิตตรงนี้ และวัฒนธรรมบางส่วนได้ลบเลือนหายไปด้วยกาลเวลา ยากยิ่งที่จะคงรักษาสืบไว้ ไม่นานนักคงจักไม่มีใครรู้จักฐานรากแห่งชีวิตของชุมชนบ้านเกิด ของตนเองความล้มเหลวทางสังคมครอบครัวคงล้มหายหากยังไม่มีการแก้ไข โดยไม่คำนึงถึงการวางรากฐานแห่งชีวิตที่ต้องอาศัยการยั่งรากที่ลึกเพียงพอที่จะต้านกระแสแห่งการทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด ส่วนการพัฒนาสถานที่บริเวณเขาคูหานั้นทราบว่าทางผู้นำและผู้หลักผู้ใหญ่เองก็กำลังส่งเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอยู่ เพื่อเติมเต็มชุมชนโดยไม่ไหลไปตามกระแสแห่งการท่องเที่ยวแบบโลกโซเชียลที่แห่ชื่นชมกันตามช่วงเวลา

ในอนาคตที่แห่งนี้จะสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างไรบ้าง

ในอนาคตการสร้างรายได้แก่ชุมชนเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามัคคีของชุมชน ความเข้มแข็ง ความพร้อมในการเรียนรู้และการปรับตัวสู่การต่อยอดและพัฒนา แต่เชื่อเหลือเกินว่าพลังแห่งสัมพันธภาพของชุมชน คือ รากฐานสำคัญของการสร้างมูลค่าและสร้างรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน และนี่คือก้าวแรกที่ยากในการที่จะก้าวเดินไปด้วยกันกับการท่องเที่ยวชุมชนฅนเขาคูหา การทำดีนั้นยากแต่จักต้องทำเพื่อนำสู่ก้าวที่ดีในก้าวต่อไปไป สิงโต บ้านไร่เด็กชายเขา_คูหา@รัตภูมิ

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง