
ย้อนอดีตไปยังถิ่นเดิมของคนเขารูปช้าง อ. เมือง จ. สงขลา เดิมมีหมู่บ้านเป็นหย่อม ๆ ชื่อบ้านในบ้าน ,บ้านสวนขี้กวาง,บ้านสวนเจ้ากล้อง ( เดิมบ้านเหล่านี้อยู่ในบริเวณม. ทักษิณ ) บ้านโคกปรักแรด (เดิมอยู่บริเวณ ม. ราชภัฏสงขลา ) ห่างไกลออกไปได้แก่บ้านสะพานยาวและบ้านยวน

สำหรับบริเวณหน้าพ่อทวดช้างอยู่ในเขตหมู่ที่สอง ในปัจจุบันเดิมเป็นป่ารกมาก มีสัตว์นานาชนิด เช่น เสือโคร่ง แรด หมูป่า กวาง ฯลฯ ต้นไม้ใหญ่มี ต้นตะเคียน ต้นแค และไข่เน่า ฯลฯ ไม่มีใครกล้าเข้าไปในบริเวณนี้ ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 นายบุญสังข์ ณ สงขลา ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาวิเชียรติคีรี มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการปกครองเมืองสงขลาและได้เป็นประธานรวมศรัทธาชาวสงขลาสร้างองค์เจดีย์ประจำเมืองสงขลาขึ้นบนยอดเขารูปช้าง เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ก่ออิฐถือปูน ซึ่งกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 พระเจดีย์ดังกล่าวเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวสงขลาและที่ใกล้เคียงพร้อมกับจัดงานทำบุญทุกปีเป็นประจำดังปรากฏมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับองค์พระเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์นี้มีว่าชาวบ้านหลายคนมักจะเห็นดวงไฟ 2 ดวงลอยออกจากองค์เจดีย์ แล้วมาตกลงที่ต้นเลียบซึ่งอยู่ตีนเขารูปช้างนั้น ดวงไฟกลมโตสองดวงนี้เท่าศีรษะมนุษย์ผู้ใหญ่ มักเกิดยามค่ำคืนในวันพระขึ้นหรือแรม 15 ค่ำ ( นายนำ แก้วคีรี อายุ 77 ปี พ.ศ. 2556 บ้านอยู่หลังตึกคณะมนุษย์ ฯ ม. ทักษิณ คือหนึ่งคนในผู้เห็นดวงไฟนี้เล่าให้ฟังช่วงที่อายุยังเด็กจนเป็นผู้ใหญ่สมัยยังไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างปัจจุบัน) คาดว่าในอนาคตคงได้เห็นการพัฒนาเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขารูปช้างนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะในปัจจุบันมีเพียงการสร้างบันใดขึ้นไปยังไม่ถึงยอดเขา ผู้ที่ต้องการขึ้นไปกราบไหว้องค์พระเจดีย์ต้องปีนป่ายขึ้นไปตามเนินเขาที่สูงชันดังกล่าว

สำหรับพ่อทวดช้างอันเป็นที่มาของชื่อภูเขาลูกนี้มีเรื่องเล่าว่า พญาหลักเก้านำบริวารมาจากเมืองทางใต้ไม่ทราบว่ามาจากเมืองใด ด้วยมีจุดหมายว่าจะนำทรัพย์สมบัติไปร่วมสร้างพระบรมธาตุเจดีย์แห่งเมืองนครศรีธรรมราช พอมาพักไพร่พล ณ ที่ตรงนี้เกิดลมพายุใหญ่จึงไม่สามารถเดินทางต่อไปได้และช้างสองเชือกชื่อพลายแก้วและแม่พังงาก็มาตายลงตรงบริเวณนี้ พร้อมกับบังดอเลาะห์และบังสม ซึ่งนายครวญช้างก็ตายด้วย พญาหลักเก้าจึงได้ฝังช้างและนายครวญช้างพร้อมกับทรัพย์สมบัติในบริเวณนั้น พร้อมกับสร้างบ้านเรือนอาศัยอยู่ในถิ่นนั้นมาจนล่วงลับไป

ต่อมามีหินสองก้อนผุดขึ้นมามีรูปคล้ายช้างสองเชือกที่ตายในบริเวณนี้ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพ่อทวดช้างคือพ่อพลายแก้วและแม่พังงา จึงได้นามเรียกขานบริเวณนี้ว่าบ้านเขารูปช้าง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านทำพิธีบูชาทวดเขารูปช้างช่วงเดือนเมษายนของทุก ๆ ปี เพราะมีอภินิหารปรากฏแก่ผู้ศรัทธามากประการ เล่าขานกันมาในชุมชนเขารูปช้างนี้มาจนถึงปัจจุบัน เช่นเรื่องเล่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สองชาวบ้านชุมชนแถบนี้อยู่รอดปลอดภัยเพราะอาศัยบารมีองค์พระเจดีย์บนเขารูปช้างและพ่อทวดเขารูปช้างนั้น
ขอบคุณภาพข้อมูล : ดร. อุทัย เอกสะพัง
ในรอยจะนะ : "วังเก่า ช้างเจ้าเมือง และเหมืองสามคด”
26 ตุลาคม 2568 | 250เรื่องเล่าขนหัวลุก...คืนมืดบนทางหลวงสายเอเชีย เมื่อเงาไม่ใช่เพียงภาพลวงตา
26 ตุลาคม 2568 | 235ย้อนชมภาพ “คู่พระบารมีแห่งแผ่นดิน” เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ เสด็จเยือนสงขลาครั้งแรก
26 ตุลาคม 2568 | 444เทศกาลกินเจหาดใหญ่ : มรดกแห่งศรัทธาชาวไทยเชื้อสายจีน
19 ตุลาคม 2568 | 595"ขุนพลแก้ว" ที่มาชื่อค่าย "รัตนพล" ขุนพลผู้กล้า เสียสละ และมีความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง
19 ตุลาคม 2568 | 629ตำนานผีหลังกลวง : ผีหวงของแห่งถ้ำม้างอน ต.นาทับ
19 ตุลาคม 2568 | 641วัดโพธิ์ วัดเก่าแก่สมัยกรุงธนบุรี จุดศูนย์กลางของผู้คนในอดีต
12 ตุลาคม 2568 | 456