ดิฉัน เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาแต่เป็นชาวพัทลุง ดิฉันคงจะไม่เล่าถึงประวัติตัวเองให้มากเพราะได้เล่าเอาไว้แล้วในกระทู้แรก นี่เป็นกระทู้ที่ 2 ที่จะมาเล่าสู่กันฟัง เพราะดิฉันเป็นคนที่เชื่อในเรื่องลี้ลับผีสาง อะไรแบบนี้และจะขอยืนยันในฐานะคนที่สัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ว่า เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่อย่างใดและดิฉันก็ไม่สามารถจะไปบังคับให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาเชื่อในสิ่งที่ดิฉันเล่า เพียงแต่นำมาเล่าสู่กันฟัง ใครที่มองว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ ก็ขอเพียงแต่ท่านจงอ่านให้เป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่งเถิด
เพราะความที่ดิฉันมาใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาอยู่ที่สงขลา แรกๆก็กลับบ้านทุก วันศุกร์-เสาร์ พออาทิตย์ก็กลับมาเพื่อจะเรียนในวันจันทร์-ศุกร์ ดิฉันเช่าหอพักอยู่แถวๆถนนราษฏร์อุทิศ1 ก็เป็นหอใหญ่สะดวกสบายพอสมควร แต่พอดิฉันเริ่มรู้จักคนมากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น ก็ไม่ค่อยกลับบ้าน จะที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่แถวละแวกนี้ ด้วยความที่ โสด ใส ซิง ไม่มีแฟน ทั้งที่รูปร่างหน้าตาก็ดี (คนรอบตัวบอกงั้น) ก็เลยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาทักท้วงเรื่องเที่ยวเล่นกับเพื่อนใหม่ๆ
มอเตอร์ไซค์นี่เลย 3 คัน ไปที 6 คนบ้าง 7คนบ้าง ไปได้เรื่อย ๆ หลัก ๆ ก็จะชอบไปนั่งเล่นที่แหลมสมิหลา หรือไปนั่งดูเพื่อนตกปลาถ้าไกลหน่อย ก็จะขึ้นแพข้ามฟาก ไปฝั่งหัวเขาแดง อ.สิงหนคร เพราะดิฉันมีเพื่อนเป็นมุสลิมบ้านอยู่ทางฝั่งนั้นด้วย อันว่าเรื่องการเที่ยวนี้ ดิฉันไม่ใคร่จะชอบเดินเข้าห้างสักเท่าไหร่ ออกแนวสาวลุย ชอบลุยธรรมชาติว่างั้น และการไปเที่ยวอะไรพวกนี้ ดิฉันก็หนีไม่พ้นเรื่องราวสัมผัสกับผีตามประสาคนมีดีทางด้านนี้ ดิฉันไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามีดีได้หรือเปล่า แต่มันก็ดีตรงที่ดิฉันเห็นจนชิน ชินจนเลิกกลัวไปแล้ว เคยพยายามไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
ทางพระท่านว่า เรื่องการสัมผัสผีได้เนี่ย มันได้มาจากการฝึกฝนจิต ที่อาจจะฝึกได้ในชาตินี้ หรือติดตัวมาแต่ชาติก่อนจริงหรือเท็จอย่างไรดิฉันก็มิทราบได้ เพราะมิสามารถระลึกชาติได้แต่อย่างใด อันว่าเรื่องราวของผีในเมืองสงขลานี้ หากจะมีเครื่องมือให้ไล่จับผีได้ เหมือนเกมส์ โปเกม่อนGO ดิฉันก็ขอแนะนำให้ไปจับที่เขาตังกวน เขาตังกวน เป็นเขาสูงโดดเด่น เป็นจุดที่สามารถขึ้นไปมองวิวของเมืองสงขลาได้รอบทิศ บนยอดเขาจะมีเจดีย์องค์ใหญ่อยู่มองเห็นแต่ไกล หากใครมาเมืองสงขลาแล้วไม่ได้ไปขึ้นเขาตังกวน ก็เหมือนมาไม่ถึงเลยแหละ
นักท่องเที่ยวคงคุ้นเคยกับการขึ้นเขาตังกวนด้วยลิฟต์ที่ตีนเขา แต่เขาตังกวนจะมีทางขึ้นถึง3ทางทางหนึ่งคือลิฟต์ ที่คุ้นเคยกันดี ทาง2 จะเป็นถนนเล็กๆ เป็นอิฐเรียงต่อๆกัน สามารถขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปถึงยอดเขาได้เลย ทางขึ้นด้านนี้ จะอยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเขา และอีกทางคือบันไดอยู่ทางตะวันตกหากขับรถวนตามถนนรอบเขา หากสังเกตดี ๆ จะมองเห็นทางขึ้นที่ว่านี้ได้เอง
ช่วงนั้นดิฉันกับเพื่อนสาวอีก 2 คน โดนชวนโดยเพื่อนชาย 2 คน ว่าจะไปขี่รถเล่นแก้ร้อนตอนกลางคืนกัน เราขี่รถตามกันไปเรื่อย ๆ หญิงซ้อน3 ชายซ้อน2 ขับรถเคียงเมียงมองสอดส่องล่องตามทางตระเวนไปทั่วเมืองยามราตรี จนไปถึงเขาตังกวน เราขี่ตามถนนเลียบเขาตังกวน จนไปเจอทางขึ้นเขาที่เป็นด้านบันไดหัวพญานาคเพื่อนชายก็จอดรถ เราเลยจอดตาม เพื่อนชายก็เอ่ยขึ้นมาว่า ผ่านบทสนทนาว่า “เห้ย เรายังไม่เคยขึ้นเขาตังกวนทางบันไดนี้เลย ไปกันมะ จะดีหรอ มันมืดมากเลยนะพวกเราก็ผู้หญิงด้วย อันตราย ไม่เป็นไรหรอกมีพวกเราเป็นผู้ชายตั้ง 2 คน ใครจะกล้าทำอะไร พวกเราที่เป็นหญิง 3 คนก็มองหน้ากัน เหมือนจะหยั่งความเห็นเอาไงแกขึ้นป่าว หึ้ยมันมืดนะ เอาจริงดิ ลองดูมีผู้ชายมาด้วย ไม่เป็นไรหรอก”
ดิฉันไม่ค่อยอยากจะขึ้นเท่าไหร่นัก เพราะแค่ยืนตีนเขาดิฉันก็รู้สึกได้แล้วว่า มีความเยือกในแบบที่ไม่ใช่ความเย็นธรรมดา แถมกลิ่นที่โชยมาแตะจมูกนั้นมันก็ฟ้องอยู่ในจิตดิฉันแล้วว่า “กลิ่นขี้หมาแถวนี้มันแรงจริงๆ” แต่ก็อ่ะ ในเมื่อเพื่อนๆอยากลองขึ้นกัน เราก็ต้องเอาด้วยเลยเกาะกลุ่มกันเดินตามเพื่อนชายตามบันไดขึ้นเขาไปมืด ๆ เราเดินตามกันมาจนถึงตะพักไหล่เขาตะพักแรก เหมือนจะเป็นที่โล่งๆ มีลักษณะเหมือนเป็นส่วนฐานของสิ่งปลูกสร้างอะไรบางอย่าง เราหันมองกลับไปมองเห็นไฟจากบ้านเรือน และมองเห็นไฟจากเรือในทะเลสาบอยู่แวววาว ท่ามกลางความมืดและเย็นบนไหล่เขาตังกวน มันชวนให้เราฟินเราพากันนั่งมองวิวอยู่มืด ๆ แบบนั้นเพื่อนๆต่างก็บอกว่าเย็นจัง สบายตาด้วย มันเป็นธรรมชาติกลางเมืองที่เราสัมผัสได้จริงๆ
ขณะที่เพื่อนๆกำลังนั่งฟินกับบรรยากาศอยู่นั้น ดิฉันผู้มีสัมผัสพิเศษ และมีวิญญาณของพี่สาวฝาแฝดคอยตามติดอยู่ ก็ได้ยินเสียงแว่วในหู ดังขึ้นเหมือนเราได้ยินเสียงพูดจากหูฟังว่า “ระวัง” เป็นคำพูดที่รู้สึกว่าชัดมาก เหมือนวิญญาณพี่สาวฝาแฝดดิฉันจะพยายามบอกอะไร แต่ก็ได้ยินชัดแค่นั้น แล้วหลังจากนั้น เสียงก็กลายเป็นเหมือนเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ไป จนไม่รู้ว่าจะเตือนให้ดิฉันระวังอะไร
ดิฉันหันหลังไปมอง เห็นเจดีย์ที่อยู่สูงและไกลขึ้นไปเป็นเงาทะมึน ได้ยินเสียงเหมือนเสียงใครเคาะระฆังมาเบาๆ เง่ง....เง่ง....เง่ง.... ดิฉันหันไปดู เพื่อนหญิงอีก 2 คนก็จับแขน และกระซิบกระซาบ “แก แกเป็นไร มองอะไร” เพราะเพื่อนสาวทั้ง2คนของดิฉัน จะรู้เรื่องที่ฉันสามารถสัมผัสวิญญาณได้ พอเห็นอาการของดิฉัน ที่เริ่มนั่งนิ่งและพยายามเบิ่งตาเพื่อจับสัมผัสสิ่งเล้นลับ พวกเธอก็จับแขนดิฉันไว้แน่น “หึยยยยยย แก มีไรอ่ะ” “แก ไม่เอานะ กลัว อย่ามาสัมผัสอะไรตอนนี้ดิ กลับเหอะ”
เพื่อนสาวของดิฉัน 2 คนก็เริ่มโวยวาย เมื่อเห็นอาการของดิฉัน หันไปดึงไม้ดึงมือเพื่อนชายอีก 2 คนชวนกันลงเขา แต่เหมือนเพื่อนชายจะอยากรู้มากกว่ากลัว เลยหันไปบอกเพื่อนหญิงทั้ง2ว่า “เธอนิ่งๆดิ “พวกเพื่อนสาวเลยหุบปากลงได้ แต่ก็ยังนั่งหมอบอยู่ด้านหลังของดิฉัน เสียงดังคล้ายระฆัง ยังดังมาอีก เง่ง....เง่ง....เง่ง.... ทิ้งระยะห่างแต่ละเง่งพอสมควร แล้วดิฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงรอยเท้าคนเดินลงมา ดัง กุบ กุบ กุบ พวกเพื่อน ๆ ก็ได้ยิน จนมันเผลอร้อง “เชี้ย” ออกมา แล้วก็ปรากฏเงา ลักษณะเหมือนเงาคนรูปร่างสูงใหญ่ กำลังเดินตามทางลงมา
พวกเพื่อนๆมันก็เห็นกันทุกคน ก็เริ่มใจคอไม่ดี คนนึงข้างหลังของดิฉันมันกลัวจนตัวสั่น เพราะเงาที่เห็นนั้นมันชัดเจนมาก และกำลังเดินลงตรงมาทางที่กลุ่มของดิฉันที่นั่งกันอยู่เงียบๆ เงานั้นเดินๆมา พอใกล้ถึง ก็หยุดนิ่งกับที่ไม่ไหวจริง “กูจะไม่ไหวแล้วนะโว้ย ฮือๆๆ กูกลัว” เสียงเพื่อนคนหนึ่งของดิฉันเริ่มงอแง ดิฉันบอกให้มันนิ่ง ๆ เงาที่ว่านั้นก็เริ่มโงนเงนโอนเอนไปมาเหมือนต้นไม้โดนลม แล้วก็มีเงาอีก 2 เงาตามหลังเงาแรกมาจนทันกัน รวมเป็น 3 เงา ดิฉันเลยยืนขึ้นพวกเพื่อน ๆ ก็ยืนตามพอเรายืน เงาที่เราเห็นๆอยู่ก็หายแว้บไปกับตา
เพื่อนสาวดิฉันเธอสติหลุด เลยกรี๊ดแล้วซอยเท้าวิ่งรัว ๆ ลงบันได เพื่อนชายก็ไล่วิ่งไล่ตามเพราะกลัวเพื่อนสาวตกบันไดขึ้นเขาตาย ดิฉันเดินตามเพื่อนลงมาอย่างปกติธรรมดา เป็นวิญญาณที่มีพลังแรงมากทีเดียว 3 ดวงนี้ เพราะออกมาให้คนเห็นได้ถึง 5 คน แม้แต่เพื่อน ๆ ของดิฉันที่ไม่ได้มีสัมผัสอะไร ก็ยังเห็นได้ด้วยกันกับดิฉันเราลงบันไดมาโดยมีดิฉันเดินรั้งท้าย จังหวะก้าวเท้าลงมานั้น เสียงแว่ว ๆ จากผีพี่สาวฝาแฝดของดิฉัน ที่ตามติดตัวฉันอยู่ ก็ดังแว้บเข้ามาในหัวว่า “ข้างหลัง”
ดิฉันเลยหันหลังไปเบิ่งตามอง เห็นเงารูปร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่บนบันไดชั้นสิ้นสุดขั้นบันได บนตะพักแรก ในลักษณะยืนแยกขานิด ๆ 2แขนห่างตัวเหมือนกำหมัด เขายืนนิ่ง ๆ แต่ดิฉันเห็นได้ว่า เหมือนเขามายืนมองพวกเรา แล้วพอดิฉันหันไปมองไม่ยอมวางตา เขานั้นก็กระโดดขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่งบนนั้นหายไป จนดิฉันไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้อีก พวกเพื่อนชายที่ลงไปถึงรถแล้วก็ตะโกนเรียกขึ้นมา ดิฉันเลยเดินลงไปสมทบเพื่อน ๆ ก่อนจะพากันขับรถออกมาจากตรงนั้น เพื่อน ๆ ดิฉันถามว่า ผีใช่ไหมเมื่อตะกี๊ ดิฉันไม่สามารถตอบเป็นอื่นได้นอกจาก
“อืมมมม”..แต่จะเป็นใคร อันนั้นไม่รู้ แต่คงอยู่เฝ้าเขาตังกวนมานานพอดู ถึงมีบารมีมากขนาดโผล่มาให้คนเห็นได้แบบนี้ เพราะถ้าเป็นผีทั่วๆไป จะไม่สามารถโผล่มาให้คนเห็นได้พร้อมๆกันแบบเต็มตาแบบนี้เลย ดิฉันก็ไม่รู้จะไปถามเอาจากใคร เหมือนกัน จริง ๆ ก็อยากรู้เหมือนกันนะ ว่านั่นคือวิญญาณอะไร หรือเป็นใครกัน
บัวของคนภาคใต้...ที่ไม่ได้หมายถึงดอกบัว
11 พฤษภาคม 2568 | 168ร่องรอยเจดีย์บนเกาะหนู โบราณสถานสำคัญสมัยอาณาจักรอยุธยา
11 พฤษภาคม 2568 | 196ศาลาตาเล่อเท่อ ที่พึ่งของชาวบ้านเมื่อของสำคัญสูญหาย
27 เมษายน 2568 | 473จากอดีตบ้านทุ่งเหม็นขี้ สู่บ้านทุ่งขมิ้น(นาหม่อม)
27 เมษายน 2568 | 330บุกป่าหาน้ำตกลับ...น้ำตกโตนหน้าผี ณ เขาพระ อ.รัตภูมิ
27 เมษายน 2568 | 490ศาลเจ้าแม่กวนอิมสวนหมาก ศาลเจ้าแห่งแรกที่ริเริ่มทำโรงทานเจในสงขลา
20 เมษายน 2568 | 388พาชม...บ้านขุนตระการตะเครียะเขต บ้านเก่าโบราณนับร้อยปี "บ้าน 108 เสา"
30 มีนาคม 2568 | 1,147รู้หม้ายว่า? สงขลาเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีวันประจำจังหวัด
30 มีนาคม 2568 | 955