มาเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนแนวบรรยากาศลดความเครียดกันหน่อย ด้วยเรื่องประสบการณ์ขนหัวลุกถนน ลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา ถ้าเป็นคนที่อาศัยหรือมาใช้ชีวิตในอ.หาดใหญ่ และ อ.เมืองสงขลา คงจะคุ้นเคยกับถนนสายนี้เป็นอย่างดี ก็เป็นถนนที่ตัดตรงเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ จาก 4 แยกบางกล่ำ ไปจรด 4 แยกน้ำกระจาย ของอ.เมือง เป็นถนน 4 เลน ที่มีโค้งน้อยมากตามรูปที่แนบมาช่วงต้นทาง 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารที่ผุดขึ้นมาหลังการมีถนนช่วงกลางแถว ๆ มัสยิดใหญ่จะตัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตามองเห็นเขาคอหงส์ หลังเมืองหาดใหญ่อยู่ไกล ๆ ส่วนช่วงใกล้เขต อ.เมือง ตรงที่เป็นโค้งก่อนถึง 4 แยกน้ำกระจายจะเป็นเนินเขาในช่วงก่อนถึงช่วงปลายของถนนเส้นนี้ ตอนกลางคืนจะเปลี่ยวมากยิ่งตอนดึก ๆ รถน้อย ๆจะยิ่งเปลี่ยว
ช่วงกลางวันกับหัวค่ำไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะคน อ.เมือง และหาดใหญ่ใช้เส้นทางนี้ บวกกับรถที่มาจากที่อื่นก็ทำให้พลุกพล่านพอสมควร แต่เพราะรถมากนี่แหละ ทำให้ถนนเส้นนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “คนตาย” เยอะมาก ก็ตายจากอุบัติเหตุทางรถนั้นแหละ มันก็ธรรมดาของถนนที่รถเยอะอยู่แล้ว ที่จะมีอุบัติเหตุบ่อย ๆ ไม่น่าแปลกแต่จากประสบการณ์ตรงของการขับรถผ่านถนนเส้นนี้บ่อย ๆ กับจากคนรอบข้างที่เจออะไรแปลก ๆ ยามค่ำคืนมาเช่นกันจึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อรับรู้และไม่ประมาทในการใช้ถนนเส้นนี้กัน
หากใครมีโอกาสขับรถบนถนนเส้นนี้ จะทราบดีว่ารถแรงเท่าไหร่ก็รู้สึกอยากใส่จนหมดไมล์ เพราะถนนที่ราบเรียบตัดตรงจนแทบจะไม่รู้สึกว่ามีโค้งในช่วงกลาง แล้วก็โดนเงาคล้ายเงาคนวิ่งตัดหน้าหากใครตกใจหักรถหลบก็มีสิทธิ์ “ตายโหง” คนแล้วคนเล่าหนุ่มสาวมีอนาคตหลาย ๆ ชีวิต เอาชีวิตมาทิ้งบนถนนเส้นนี้มากมาย สืบหาข้อมูลได้จากข่าวอุบัติเหตุหรือตามเพจกู้ภัยของหาดใหญ่ ใกล้ๆตัวผมนี่ก็เป็นเพื่อนสาวม.ราชภัฏ ของรุ่นน้องคนนึงนั่งรถไปกับแฟนรถก็เสยต้นไม้ผู้ชายรอดแต่เจ็บหนัก ส่วนเพื่อนของรุ่นน้องผมคนนั้นตายคาที่ จบอนาคตตัวเองลงบนถนนเส้นนี้ไป จนเพื่อน ๆ ที่รู้ข่าวเศร้าใจไปตาม ๆ กัน เพราะก่อนเธอจะโดนถนนเส้นนั้นกระชากวิญญาณไปไม่นาน เธอยังคุยแชทกับรุ่นน้องผมอยู่เลยว่าขึ้นรถแล้ว
มีเสียงลือเล่าปากต่อปากภายในกลุ่มเพื่อนของแต่ละคนที่เจอว่าถนนเส้นนี้มีอาถรรพ์บางอย่าง จากอะไรบางสิ่ง ที่คอยหลอกหลอนคนถึงฆาต ให้ต้องมาพลาดตายโหงบนถนนเส้นนี้ตลอดเวลาที่โอกาสมาถึงตอนแรกผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุที่เกิดได้ทั่วไป แต่ผมต้องรู้สึกเปลี่ยนใจและความคิดเพราะคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาตอนตี 1 กว่า ๆ เพื่อนของแฟนผมเธอไปท่องราตรีในหาดใหญ่ แล้วมอเตอร์ไซค์ยางรั่วหาร้านปะยางไม่ได้ เพราะออกมาไกลจากตัวเมืองเธอเลยโทรหาแฟนผมให้ช่วย ปกติแฟนผมจะอยู่หาดใหญ่ ก็ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุที่เพื่อนประสบเหตุเท่าไหร่ แต่โชคร้ายที่คืนวันเสาร์แฟนผมจะมาอยู่กับผมที่เมืองสงขลา พอเพื่อนแฟนรู้ก็บอกไม่เป็นไรงั้นไม่รบกวนแฟนผมดีกว่า แต่แฟนผมอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ แฟนผมเลยบอกให้เพื่อนเธอที่ไปกัน 2 คน จอดรถไว้ข้างทางล๊อคคอรถแล้วหาที่ซ่อนตัวแถว ๆ นั้นก่อน เพราะเป็นหญิงทั้งคู่กลัวเกิดว่าจะเกิดอันตรายกับเขา
เราก็ไม่รู้จะทำไงเพราะรถแฟนผมไม่ใช่กระบะ แล้วก็ไม่มีใครปะยางมอไซค์เป็นด้วยแต่ก็อยู่เป็นเพื่อนไปก่อนแฟนผมเลยโทรหาเพื่อนเธออีกคน ที่มีรถกระบะบ้านอยู่แถว ๆ ควนลังให้มาช่วย รอไม่นานเพื่อนแฟนผมก็มา หน้ายับมาเลยเพราะโดนปลุกกลางดึกแฟนผมก็บอกฝากรถเพื่อนสาวไปไว้ที่บ้านเพื่อนชายก่อน เพราะรถเธอไม่ใช่กระบะ เดี๋ยวตอนเช้าฝากพาไปปะให้ด้วยเดี๋ยวจ่ายเงินให้ เพื่อนแฟนผมก็บอกไม่พรือไม่ต้องสาว ๆ เดือดร้อนยินดีรับใช้ ยิ่งสาวสวยนี้ฟรีเลยลูกผู้ชายไม่ทิ้งลายเลยจริง ๆ
ในตอนนั้นผมกับเพื่อนแฟนผมก็เลยช่วยกันเอาฟีโน่ยางแบนขึ้นกระบะท้ายรถไป แฟนผมก็บอกเพื่อนเธอว่าเดี๋ยวไปส่งบ้าน เรื่องรถไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวมารับไปเอาตอนเช้าสาย ๆ เราก็เลยนั่งรถกัน 4 คน ไปส่งเพื่อนแฟนพอส่งเสร็จก็ตี 2 กว่า ๆ แล้วก็ขี่กลับทางถนนลพบุรีราเมศวร์ ถนนค่อนข้างโล่ง มีรถวิ่งประปราย แต่บางช่วงก็ไม่มีเลยแฟนผมก็ไม่ได้ขับเร็วอะไร พอเลยมัสยิดมามันเป็นทางตรงโล่ง ๆ มีต้นไม้เต็มร่องน้ำกลางถนนและเป็นทุ่งโล่ง ๆ มองไปได้ไกล ๆ ทั้งมืดทั้งเปลี่ยวมาก ๆ พอขับ ๆ แฟนผมเธอหันรีบหันขวางมองข้างทางบ่อย ๆ ก็กลัวเลยบอกไปว่า เธอตั้งใจมองทางหน่อย เห็นอะไรหรือเปล่า ตะกี๊เหมือนมีคนยืนโบกรถอยู่ตรงร่องน้ำกลางถนนนั้น เขาเลยตอบกลับมาว่าที่เธอหันมองเมื่อกี้หรอ อื้ม นั้นและแต่ไม่แน่ใจเหมือนเค้าโบกรถนะ ตะกี้มองกระจกข้างยังเห็นมือเค้ายื่นออกมาเลย
ผมงี้ขนลุกเกรียวเลย ผมก็พยายามหันกลับไปมอง แต่มันมืดมองไม่เห็นอะไรเพราะรถมันผ่านมาแล้ว ผมเป็นคนที่เคยเห็นวิญญาณและสิ่งลี้ลับมาพอสมควร แต่แฟนผมเธอไม่อะไรกับเรื่องพวกนี้ เลยดูเธอแปลกใจมากกว่าจะกลัวผมไม่กล้าเสนอความเห็นคนบ้าอะไรมันจะมายืนโบกรถทางเปลี่ยว ๆ ตอนตี 2 กว่า ๆ แบบนี้ละครับ ถ้าคิดตามหลักความจริง ยิ่งผมเป็นคนที่ติดตามเพจกู้ภัยของหาดใหญ่เพจหนึ่งอยู่ รู้ดีเลยว่าถนนเส้นนี้ปีๆมีประวัติตายกันเยอะมาก ๆ ชนตายแบบงง ๆ เลยทั้ง ๆ ที่เป็นทางตรง ผมเลยบอกแฟนว่า “ขับไปอย่าวอกแวกนะ ไม่ต้องสนใจข้างทางอะไรวิ่งตัดหน้าไม่ต้องหลบชนเลย”
เรื่องเงาดำ ๆ ตัดหน้ารถบนถนนเส้นนี้ ผมได้รับการบอกเล่ามาจากน้องที่รู้จักอีกทีที่เจอมาบอกคืนนั้นเที่ยวซาวด์กันดึกไปกัน 4 คน ก็กลับทางนี้แหละ พอเลยมัสยิดใหญ่มาทางตรงนี่เลยเห็นแบบที่แฟนผมเจอเป๊ะ คือเห็นว่าคนยืนโบกรถ แต่มันดึกแล้วไงใครจะจอดคนขับก็ไม่สนใจ ขับมาได้หน่อยนึงก็เห็นว่าด้านหน้าตรงข้างทาง มีเงาคนกำลังทำท่ารี ๆ รอ ๆ คล้ายนักวิ่งผลัดที่รอไม้ในสนามน้องคนนั้นก็ชี้ให้คนขับดู ก็เห็นกันทุกคนที่ไปเลยว่ามีเงาคนทำท่ารี ๆ รอ ๆ คล้ายคนวิ่งผลัดจริงๆ เงาที่ว่ามันเด้ง ๆ โดด ๆอยู่
อันนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมกับแฟนและน้องคนรู้จักพบเจอมานะครับ บางคนบอกเห็นเป็นเงาคล้ายหมาตัวใหญ่ ๆ วิ่งตัดหน้ารถก็มีส่วนตัวผมเองยังไม่เห็นจัง ๆ แต่ก็อยู่ในเหตุการณ์ที่แฟนบอกที่วอกแวกมองข้างทางเพราะเห็นคนยืนโบกรถในร่องน้ำกลางถนนนั่นแหละ พอได้ยินแฟนบอกผมก็ขนลุกซู่เลย
ใครที่ผ่านมาทางสายนี้ก็อยากบอกกล่าวกันต่อ ๆ ไปนะครับว่า หากท่านผ่านมาทางนี้ยามดึก ๆ ไม่ว่าจะเห็นอะไรแปลกๆอย่าหยุดรถของท่าน หากมีเงาอะไรวูบตัดหน้าก็ชนไปเลย อย่าได้หักหลบเด็ดขาดภัยจะมาถึงตัว รถที่เร่งความเร็วมาทางตรงสายนี้คนขับไม่ควรเหม่อ เพราะถ้ามีอะไรแปลกๆตัดหน้ามันจะตกใจจนเผลอหักหลบด้วยสัญชาติญาณ
ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณและคนในรถพากันตายโหงเหมือนพวกเค้ากลุ่มนี้ ที่กลับไม่ถึงบ้านไปกันยกคัน ผมอยากให้คนขับรถคันนี้รอดมาเล่าให้ฟังเหลือเกินว่าทำไม เพราะอะไรพวกเค้าถึงพารถไปชนต้นไม้ในร่องน้ำกลางถนน จนต้องเสียชีวิตแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นมันทางสายตรง
เปิดตำนาน...ที่มาชื่อบ้านบ่อแดง อ.สทิงพระ
25 พฤษภาคม 2568 | 217ของดีของหรอยท่าเลออก ตลาดริมทางของผู้สัญจรผ่าน ณ สามแยกบ่อทราย (ปากรอ)
25 พฤษภาคม 2568 | 1,734ตำนานทวดเข้...ทวดขุนดำ-ทวดแขนลาย แห่งสายน้ำคลองท่าม่วง อ.ควนเนียง
25 พฤษภาคม 2568 | 355ร่องรอยจากอดีต พิพิธภัณฑ์วัดท่าช้าง(บางกล่ำ)
18 พฤษภาคม 2568 | 457เจ้าบ่าวน้อยแห่งควนเขาสูง : วีรบุรุษชุมชนท้องถิ่น บ้านพรุเตาะ ต.ทุ่งใหญ่
18 พฤษภาคม 2568 | 581หรางเมืองสงขลาในอดีต ครั้นย้ายเมืองสงขลามาฝั่งบ่อยาง
18 พฤษภาคม 2568 | 613บัวของคนภาคใต้...ที่ไม่ได้หมายถึงดอกบัว
11 พฤษภาคม 2568 | 581ร่องรอยเจดีย์บนเกาะหนู โบราณสถานสำคัญสมัยอาณาจักรอยุธยา
11 พฤษภาคม 2568 | 930