หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

ประวัติตำบลบ้านคูจะนะ กับเรื่องเล่าโต๊ะหยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน
1 มีนาคม 2563 | 6,622

เล่าเรื่องตำบลคูในพื้นที่ของอำเภอจะนะ ถือได้ว่าเป็นตำบลหนึ่งใน 14 ตำบลทั้งหมดของจะนะ ที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากมาย ซึ่งตำบลคูหรือ คูค่าย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ได้รับการขนานนามว่า "บ้านศักดิ์สิทธิ์ " ซึ่งเป็นหมู่บ้านทางผ่านของทัพเจ้าเมืองจะนะ (วังโต้) เพื่อเดินทางไปยังมณฑลสงขลา ครั้งหนึ่งเมืองจะนะถูกกองโจรมาลายาบุกโจมตีทัพเมืองจะนะสู้ไม่ได้ จึงได้ถอยทัพมายังบ้านศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งห่างจากเมืองจะนะประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเจ้าเมืองจะนะเห็นว่าบ้านศักดิ์สิทธิ์มีทำเลเหมาะสมในการก่อตั้งค่าย

จึงได้ก่อตั้งค่ายพร้อมระดมพลเพื่อขุดคูป้องกันการโจมตีจากข้าศึกและเรียกชื่อว่า "บ้านค่าย " (บ้านค่าย ในปัจจุบันนั้นคือสวนยางพาราซึ่งอยู่หลังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคู) ครั้งเมื่อทางมณฑลสงขลา ทราบว่า เมืองจะนะถูกโจมตีจากกองโจรมาลายา จึงได้ยกทัพมาช่วยในการสู้รบกันครั้งนั้นทำให้กองโจรมาลายาพ่ายแพ้และล้มตายเป็นจำนวนมาก บ้านค่ายจึงกลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่เหลือร่องรอยของสุสานแล้ว

ยังมีเรื่องเล่าต่อไปอีกว่า บ้านค่ายหรือคูค่าย เมื่อสงครามสิ้นสุดลงได้ทิ้งร่องรอยของคู ซึ่งมีขนาดใหญ่คล้ายลำคลองเอาไว้ โดยใกล้ลำคลองจะมีต้นพิกุล (ปัจจุบันยังคงมีอยู่บริเวณหลังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคูทางทิศตะวันตก ประมาณ 200 เมตร ) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน นั่นคือ “ โต๊ะหยัง” ผู้ดูแลรักษา ไหทองคำ สมบัติของโจรมาลายาที่ตายในสงครามและได้ฝากโต๊ะหยังเอาไว้ คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า เมื่อถึงฤดูน้ำหลากผู้มีบุญจะได้เห็น “ไหทองคำ”จำนวน 1 คู่ลอยอยู่ในคลอง (คูค่าย) แต่ไม่มีใครสามารถหยิบจับไหทองคำคู่นั้นมาเป็นเจ้าของได้

หลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยว่าโต๊ะหยังคือใคร โต๊ะหยัง ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ที่ต้นพิกุลจะสำแดงฤทธิ์แปลงกายเป็นงูใหญ่สีขาว เมื่อมีบุคคลภายนอกเดินทางไปยังบริเวณต้นพิกุล ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นการตักเตือนของโต๊ะหยังว่าบริเวณดังกล่าวมีเจ้าของ ห้ามเข้ามากร้ำกราย ในสมัยก่อนเป็นที่เล่าต่อ ๆ กันว่า หากคณะหนังตะลุงหรือมโนราห์จะเดินทางผ่านบ้านศักดิ์สิทธิ์ไปทำการแสดงยังที่อื่นๆหากไม่หยุดทำการ แสดงเพื่อขอผ่านทางคนในคณะจะเจ็บป่วยกะทันหัน ดังนั้นจึงเป็นที่ทราบโดยทั่วกันของคณะหนังตะลุงและมโนราห์

หากมีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านบ้านศักดิ์สิทธิ์จะต้องหยุดทำการแสดงเพื่อขอผ่านทางก่อน จำนวน 1 คืน นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ “ บ้านคูศักดิ์สิทธิ์ ” ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลคูในปัจจุบัน ปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทำให้คนรุ่นใหม่หลงลืมและไม่ใคร่ให้ความยอมรับนับถือ โต๊ะหยัง จะมีก็แต่คนเฒ่าคนแก่เท่านั้นที่ยังให้การยอมรับนับถืออยู่ ในปัจจุบันยังมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่ที่ต้นพิกุล ในคืนแรม 15 ค่ำ นั่นคือจะปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่ลอยขึ้นไปทางทิศตะวันออกแล้วค่อยๆจางหายไป

ทุกวันนี้นักพนัน วัวชน ไก่ชน จะนิยมมาบนบานกับโต๊ะหยัง เพื่อให้ได้รับชัยชนะและจะกลับมาแก้บนในภายหลัง ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะบนบานเอาไว้ว่า อย่างไร และนี่คือประวัติความเป็นมาของ ตำบลคู ตำบลที่มีชื่อเพียงพยางค์เดียวแต่เต็มไปด้วยความประทับใจ

ขอบคุณภาพข้อมูล : องค์การบริหารส่วนตำบลคู

เรื่องที่เกี่ยวข้อง