หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

รัตภูมิ | หลวงปู่คลิ้ง ผุสสฺธฺมโม แห่งวัดนาสีทอง
4 มิถุนายน 2562 | 6,960

เรื่องราวของความศรัทธาและความเชื่อของชาวบ้านยังคงเป็นเรื่องที่ให้คำอธิบายในส่วนนี้ เราไม่อาจจะห้ามให้ใครไม่ศรัทธาอะไรได้ แต่เราสามารถที่จะรู้ได้เพราะอะไรล่ะ พวกเราถึงเลือกที่จะศรัทธาเช่นเดียวกับที่นี่ทุกคนศรัทธา "หลงปู่คลิ้ง แห่งวัดนาสีทอง" คุณผู้อ่านหลายคนคงจะอยากรู้ประวัติท่านแล้ว หลวงปู่คลิ้ง การปฎิบัติของฉันไม่มีใครรปฏิบัติของฉันก็ไม่มีใคร คือสวดมนต์ไหว้พระแล้วนั่งภาวนาอยู่ตามประสาว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆ คือว่าพุทโธหมายถึงว่าที่พึ่งของเราคือพระพุทธเจ้า ธัมโมที่พึ่งของเราคือพระธรรม สังโฆที่พึ่งของเราคือพระสงฆ์ คำพูดที่ชินหูของทุกคนคือการลั่นวาจาของท่านไว้ เ

ราอยากจะกล่าวถึงประวัติโดยย่อของท่านกันก่อนที่จะคุณผู้อ่านเข้าสู่เรื่องราวทั้งหมดพ่อท่านคลิ้งเดิมชื่อ คลิ้ง เขตมรคา บิดาชื่อนายพลับ เขตมรคา มารดาชื่อ นางบัวแก้ว เขตมรคา เกิดเมื่อปีมะแม 2450 ณ หมู่บ้านบ้านคู ต. ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่ออายุได้ 37 ปี ได้บรรพชา ณ วัด ชนาชิปเฉลิม ต.พิมาน จ. สตูล เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2487 กับพระอุปัชฌายะพระอรรถเมธี เมื่อบวชแล้วก็กลับมาจำพรรษา ณ วัดนาสีทอง อ.รัตภูมิ จ. สงขลาอกจากนี้แล้วชีวิตของท่าน ท่านเคยมีลูกมีเมียมาก่อนหลังจากเกิดความวุ่นวายในครอบครัวท่านเลยตัดสินใจออกบวช เพื่อที่ท่านต้องการจะให้เกิดบุญบารมีแก่ครอบครัวพ่อแม่ของท่าน ในช่วงก่อนจะบวชได้มีญาติพี่น้องมาพูดจาสบประมาทท่านในทำนองที่ว่าบวชไปก็คงได้ไม่กี่น้ำหรอกเดี๋ยวก็ต้องสึกอออกมาเลี้ยงครอบครัว เมื่อท่านเองได้ยินคำนี้แล้วจึงเกิดทิฐิมานะขึ้นและไม่ขอสึกออกตลอดชีวิตนับตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งมรณะภาพที่วัดแห่งนี้โดยไม่เคยได้ย้ายไปวัดไหน

เมื่อบวชได้5ปีและอยู่กับหลวงพ่อแดงตั้งตั้งใจฝึกจิตสามธิโดยได้ละวางจากสิ่งเร้ารอบข้าง ตั้งใจอย่างเดียวคือฝึกจิตใจให้เข้มแข็งเหมือนกับพระแม่ธรณีแต่เมื่อท่ามองออกไปเห็นความทุกข์ยากแล้วทั้งในเรื่องของโจรชุม และดรคภัยไข้เจ็บการเห็นในสิ่งดังกล่าวทำให้ท่านตัดสินใจที่จะสนใจในเรื่องของไสยาศาสตร์และวิชาอาคมจากหลวงพ่อแดงรวมไปถึงการฝึกจิตควบคู่ไปด้วย ท่านตั้งใจฝึกวิชาอาคมอยู่ระยะหนึ่งและในหลังจากนั้นท่านก็เริ่มไม่ชอบในเรื่องนี้มากนักจึงได้ตัดสินใจเดินออกมาจากเรื่องนี้เพื่อที่จะไปพบประชาวบ้านถามสารทุกข์สุกดิบด้วยตัวของท่านเองหลังจากนั้นพ่อท่านแดงได้มรณภาพพอดีพ่อท่านคลิ้งเองท่านไม่อยากเป็นเจ้าอาวาสแทนแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เพราะไม่มีใครอาวุโสและเหมาะสมเท่ากับพ่อท่านคลิ้งอีกแล้วจึงต้องยอมรับหน้าที่สืบไปจากพ่อท่านแดง

หลังจากที่ท่านได้รับตำแหน่งอาวาสแล้วนั้นท่านได้ปฎิบัติตัวเช่นกับพระธรมดาในวัดโดยไม่ได้ถือตัวว่าตนเป็นเจ้าอาวาสจึงทำให้ชาวบ้านเลื่อมใสและไม่เคยมีคนด่าท่านหน้าที่หลัก ๆ ที่ท่านตั้งใจจะทำคือการฝึกจิตสมาธิเงียบ ๆ เพียงลำพังและดูแลวัดที่นี่เท่านั้น ด้วยความที่ตัวท่านเองไม่ได้สนใจในวิชาอาคมเหมือนพระท่านอื่น พักหลังชาวบ้านจึงหันไปศรัทธาพระท่านอื่นแทน สำหรับท่านท่านคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ท่านจะปฎิบัติสมาธิได้เต็มที่โดยไม่มีใครมารบกวน ท่านทำกิจของสงฆ์อย่างไม่บกพร่องและฝึกสมาธิอยู่ถึง 30 พรรษา 

ทว่าทางญาติท่านเองยังไม่มีใครทราบเลยว่าจากสมภารวัดเล็ก ๆ จะกลายเป็นพระสุปฎิปันโนที่เค่งครัดในศีลจริยวัตรอย่างมากแห่งหมู่บ้านนาสีทองที่สำเร็จเป็นอริยสงฆ์อีกองค์หนึ่งตัวท่านเองยังรู้วาระจิตของมนุษย์อยู่ด้วยไม่ว่าใครจะทำอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ ท่านเองรู้แต่ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดและมีความเชื่อว่าท่านเองมีความสัมพันธ์กับหลวงปู่ทวดในอดีตอยู่ไม่ใช่น้อย หลังจากนั้นท่านได้มรณภาพที่วัดนาสีทองด้วยโรคชราเมื่อ พ.ศ.2546 รวมอายุได้ 96ปี 

ทั้งนี้สัจจะของหลวงพ่อคลิ้งที่เราอยากจะพยิบยกมาบอกคุณผู้อ่านกันเพื่อที่ทุกคนจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อความเจริญและเป็นสิริงแก่ทุกคน  "มันธรรมดา พอทุกข์มันเกิดขึ้นมา มันก็หายของมันไปเอง มันดับเอง สิ่งไหนเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดาไม่มีเหลือ เกิดทุกข์ก็ดับทุกข์ เกิดสุขก็ดับสุข  เป็นธรรมดา ที่ยังดับไมไ่ด้ก็ปุถุชน ถ้าเป็นพระอรหันต์เขาก็ไปกันแล้วโน้น ไม่มีแล้ว เขาไม่มีอะไรแล้ว อยู่เฉย ๆ เรียกว่าเขาไม่บาปเรียกว่าเขาไม่บุญ เขาอยู่กลางๆ  ไอเรานี่มันอยู่กลางไม่ค่อยได้ เพราะยังเป็นปุถุชนอยู่ถึงว่าอย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นใยเหมือนกับข้าวดิบมันดิบอยู่ข้างในใจ เพราะยังเป็นปุถุชนอยู่นี่ถึงว่าดีเท่าดีก็ดีเถอะ"

ขอบคุณข้อมูล : บ้านจอมพระ

ขอบคุณรูปภาพ : พระคุณวุฒิ คุณวุฒโฑ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง