หลายๆ คนคงเคยมีโอกาสได้ขับรถผ่านถนนพลพิชัย หลายๆ คนคงเคยเล่าเรียนที่ ญส. พลวิทยา และเทศบาล2 มีจำนวนนักเรียนเกินกว่าครึ่งเคยเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ติดถนนพลพิชัย (ทางไปตลาดยรรยง) ร้านแห่งนี้มีคนเต็มแน่นร้านทุกวัน ชาวหาดใหญ่หลากเพศ ต่างวัย และหลากหลายอาชีพ คงได้เคยมาลิ้มลองก๋วยเตี๋ยวหมูแดงใส่เกี๊ยวและลูกชิ้นกันมาบ้างแล้ว... ใช่แล้วครับเรากำลังพูดถึง “ก๋วยเตี๋ยวป้าใจ”
กว่าจะมาเป็นตำนาน
“ป้า เล็กพิเศษ ใส่ทุกอย่าง” คงเป็นคำที่คุ้นปากสำหรับผมเมื่อมีโอกาสได้มานั่ง ณ ร้านแห่งนี้ รอยยิ้มและหยาดเหงื่อของหญิงสูงอายุยิ้มแย้มด้วยความเป็นมิตรของเธอส่งกลับมา ในมือพร้อมด้วยกระชอนลวกก๋วยเตี๋ยว กลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากหม้อ ส่งกลิ่นหอมน้ำกระดูกหมูพาน้ำลายไหล “ป้าใจ” หรือ นางสมใจ ลั่นคีรี เจ้าของร้านชาวสทิงพระผู้ทำให้เกิดตำนานร้านก๋วยเตี๋ยวคนจนแห่งนี้ขึ้น ซึ่งกว่าจะเป็นตำนานให้เด็กอย่างเราๆ ได้จดจำก็ต้องมีที่มาที่ไป ซึ่งก่อนหน้าป้าใจจะมาขายก๋วยเตี๋ยวนั้น ป้าแกเคยมีอาชีพทำข้าวโพดและรับจ้างทั่วไป แต่ภายหลังจากที่สามีแกได้มาทำงานบรรจุเป็นภารโรงที่ ญว. ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม (ญส. ในปัจจุบัน) มีล็อคขายของภายในโรงเรียนว่างอยู่ ป้าใจจึงตัดสินใจเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว โดยช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ขายในโรงเรียน และวันเสาร์-อาทิตย์ ป้าใจจะมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวใต้ต้นมะขามหลังโรงเรียน อันเป็นสถานที่ชุมนุมนั่งโม้นั่งคุยกันของชาวบ้านในละแวกนั้น ในช่วงวันหยุด ต่อมาเจ้าของที่ได้มายึดที่คืน ป้าใจจึงต้องย้ายไปขายอยู่หลังอำเภอ แต่ก็ลำบากเพราะตรงนั้นเป็นชุมชนมุสลิมขายได้ไม่สะดวก ป้าใจจึงต้องระหกระเหินอีกครั้งมายังร้านปัจจุบันในที่สุด โดยร้านก๋วยเตี๋ยวป้าใจเปิดมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ขายตั้งแต่ 25 สตางค์ มาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ขายในราคา 25-30 บาท โดยกลุ่มลูกค้าร้านป้าใจก็จะมีหลากหลายตั้งแต่เด็กระดับวัยเกรียน เด็กประถม วินมอไซด์รับจ้าง ไปจนถึงพนักงานบริษัท
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านแห่งนี้มีลูกค้าเยอะส่วนแรกเลยผมคิดว่ามาจากราคาที่ถูกแสนถูกบวกกับอุปนิสัยของป้าใจที่เป็นกันเองกับลูกค้า ใจดี ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ และที่สำคัญคือป้าแกชอบแถม หลายครั้งที่ลูกค้าทานไม่อิ่มป้าใจจะให้เติมข้าวเติมกับฟรี ใครไม่มีตังค์ป้าใจก็ให้กินฟรีเฉยเลย ส่วนเด็กนักเรียนชั้นประถมยังคงกินก๋วยเตี๋ยวและข้าวร้านป้าใจในราคา 15-20 อยู่เช่นเดิม และลืมบอกไปว่าร้านนี้สามารถเซ็นได้ (อย่าเซ็นดีกว่านะ) บางคนเซ็นป้าใจไว้ 3-4 ปี ค่อยมาจ่ายก็มี บางคนติดไว้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมหอบลูกหอบหลานมาจ่ายหนี้ก็มี ความเป็นกันเองของป้าใจทำให้เด็กยุค 90 อย่างเราๆ คิดถึงแกอยู่เสมอ บางคนไปทำงานอยู่กรุงเทพ กลับมาหาดใหญ่ทีก็ยังคงแวะเวียนมาร้านป้าใจอยู่ แม้ว่าทุกวันนี้ป้าใจไม่ค่อยได้มาลวกก๋วยเตี๋ยวให้เราได้ทานแล้วก็ตาม เพราะหลังจากที่ป้าใจไม่สบายตามประสาผู้เฒ่าผู้แก่ ก็ได้ส่งไม้ผลัดให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้มาสานต่อกิจการร้านแห่งนี้แทน นานๆ ทีป้าใจจะมาช่วยที่ร้านบ้างเป็นครั้งคราว
เป็นเวลากว่า 7-8 ปีแล้วที่ป้าใจไม่ได้มาขาย แต่ถึงกระนั้นหลายๆ คนคงจะคิดถึงฝีมือการลวกก๋วยเตี๋ยวและความใจดีของป้าใจอยู่เช่นเดิม ทุกวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าใจยังคงเปิดให้บริการรับฝากท้องอยู่ทุกวัน วันธรรมดาเปิดขายตั้งแต่หกโมงครึ่งยาวไปจนถึงหลังเลิกเรียน ส่วนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะเริ่มขายสายๆหน่อยคือจะเปิดราวๆ แปดเก้าโมง
ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าใจยังคงขายที่เดิมจุดเดิม ริมถนนพลพิชัย ข้างโรงเรียน ญส. ถามว่าทำไมไม่ย้ายร้าน พี่ปุ้ย (ลูกสะใภ้ป้าใจ) บอกว่า “ถ้าย้ายร้านเด็กเทศบาล2 ที่เขาลำบากก็ไม่มีอะไรกิน เพราะก่อนเข้าเรียนและหลังเลิกเรียนพวกเขาจะมาฝากท้องร้านนี้กันเยอะ อีกทั้งกลัวว่าพอย้ายร้านแล้วคนที่เคยมากินจะหาไม่เจอ”
เมนูเด็ด
เมนูยอดฮิตที่มีให้พวกเราได้เลือกโซ้ยเลือกกินจนหนังท้องตึงมี 5 ชนิด ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ข้าวหมูแดง และข้าวหมูกรอบ สั่งธรรมดา 25 บาท และสั่งพิเศษ 30 บาท
" ได้เงินน้อย ไม่มีเงินเก็บมากมายเหมือนคนอื่น แต่เราก็ยังอยู่ได้ ” พี่ปุ้ย (ลูกสะใภ้ป้าใจ)
เปิดประวัติชุมชนชายแดน บ้านควนไม้ดำ สู่บ้านไทย-จังโหลน
31 สิงหาคม 2568 | 488ย้อนรอยชุมชนประวัติศาตร์บ้านโคกเมือง และตำนานทวดหลักเมือง (ควนเนียง)
31 สิงหาคม 2568 | 524จากรากเหง้าสู่ปัจจุบัน : สัมผัสวิถีชีวิตคนโนด ผ่านพิพิธภัณฑ์เมืองระโนด
31 สิงหาคม 2568 | 551“โรงเรียนช่างตัดเย็บเสื้อผ้าสงขลา” สู่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสงขลา
24 สิงหาคม 2568 | 599ชุมชนท่องเที่ยว "บ้านหัวนอนวัด" ชุมชนคุณธรรม จิตรกรรมล้ำค่า ศาลาร้อยปี
24 สิงหาคม 2568 | 931ตำนานสิทธิเรือรี สู่ชื่อตำบลคลองรี อ.สทิงพระ
24 สิงหาคม 2568 | 923ข้าวดอกราย อาหารพื้นบ้านของคนสะกอมสมัยเริ่มก่อตั้งชุมชน
17 สิงหาคม 2568 | 931ย้อนภาพเก่าเล่าเรื่องอดีต...วิทยาลัยเทคโนโลยีสงขลา
17 สิงหาคม 2568 | 3,333